ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 18 - 24 พฤษภาคม 2561 |
---|---|
คอลัมน์ | วิถีแห่งอำนาจ |
ผู้เขียน | เสถียร จันทิมาธร |
เผยแพร่ |
วิถีแห่งอำนาจ เอี้ยก่วย / เสถียร จันทิมาธร
แรกพบ ประสบ จอมยุทธ์ (139)
ที่แท้คนที่อาสาจะพาไปพบ “ชาวยุทธ์เจ้าอินทรี” กลับเป็น 1 ในสังกัด “รังปีศาจเขาประจิม” ยามนี้หิมะยังตกไม่หยุด ภายใต้ประกายสะท้อนของหิมะขาวบนพื้น
ก๊วยเซียงเห็นบนหลังม้าหลาสิบตัวนั่งอยู่ด้วยคนสูงๆ ต่ำๆ รวมทั้งสิ้น 9 คน
บนหลังม้ากว่าครึ่งไม่มีผู้คนขับขี่ คนเตี้ยเล็กเดินไปจูงม้ามา 2 ตัวส่งบังเหียนม้าตัวหนึ่งให้แก่ก๊วยเซียง ตัวเองพลิกขึ้นบนหลังม้าอีกตัวตวาดว่า
“ไปกันเถอะ”
ควบม้าเป็นระยะทาง 10 กว่าลี้คนนำขบวนส่งเสียงร้องเป็นสัญญาณ ม้าหลายสิบตัวหยุดชะงักโดยพร้อมเพรียง คนนำขบวนหันหัวม้ามา พอเห็นรูปโฉมอีกฝ่าย ก๊วยเซียงถึงกับทั้งแตกตื่นทั้งขบขัน ที่แท้คนผู้นี้ต่ำเตี้ย ร่างท่อนบนที่อยู่บนหลังม้ามีความสูงเพียง 2 เชียะกลับไว้เครายาวกว่า 3 เชียะ
ใบหน้าเต็มไปด้วยริ้วรอยเหี่ยวย่น หัวคิ้วทั้งคู่ขมวดมุ่น รูปลักษณ์ทุกข์ตรมหมองเศร้า
“ห่างจากที่นี่ไปยังลานม้าล้มระนาดเป็นระยะทาง 30 ลี้ ในยุทธจักรร่ำลือว่า “ชาวยุทธ์เจ้าอินทรีมีพลังฝีมือสูงเยี่ยม พวกเราต้องหารือกันก่อนจึงไม่สูญเสียความฮึกหาญของรังปีศาจภูเขาประจิม”
ก๊วยเซียงใจหายวาบครุ่นคิด ฟังจากน้ำเสียงพวกเขากลับเป็นศัตรูกับ “ชาวยุทธ์เจ้าอินทรี”
แม้กระบวนท่าของ “กิมย้ง” จะสลับซับซ้อน แต่ทุกอย่างก็นำไปสู่ “ชาวยุทธ์เจ้าอินทรี” ในที่สุด
พลันได้ยินเสียงกู่อันสดใสเย็นชาดังขึ้นที่เหนือศีรษะ ตามมาด้วยคำกล่าวด้วยน้ำเสียงอันเย็นชาจากคนผู้หนึ่ง
“รังปีศาจภูเขาประจิมไม่รักษาสัจจะให้ข้าพเจ้ารอคอยถึงครึ่งคืน ที่แท้มาพัวพันกับฝูงสัตว์”
ก๊วยเซียงพอฟังบังเกิดความยินดีลอบร้องในใจ “ชาวยุทธ์เจ้าอินทรีมาแล้ว”
พอเงยหน้าขึ้นเห็นบนกิ่งก้านขวางของต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งนั่งไว้ด้วยคนผู้หนึ่ง ที่ข้างกายมีอินทรีมหึมาและอัปลักษณ์สุดทนดูตัวหนึ่งหมอบยองๆ อยู่ คนผู้นี้สวมชุดยาวสีเทา สอดแขนเสื้อข้างขวาอยู่ในสายรัดเอว
แสดงว่าแขนขาดจริงๆ
พอมองดูโฉมหน้าของคนผู้นี้ก๊วยเซียงอดสยิวกายด้วยความหนาวเหน็บมิได้ เห็นเขาหน้าเหลืองซีด ตายด้านซึมเซา
ไหนเลยเป็นคนมีชีวิต ถึงกับเป็นผีดิบตนหนึ่ง
ก่อนที่จะพบพาน ในจิตใจของโกวเนี้ยน้อยวาดภาพของ “ชาวยุทธ์เจ้าอินทรี” ว่าสูงส่งสง่างาม หล่อเหลาสุดเปรียบปาน ยามนี้พอพบหน้าอดบังเกิดความผิดหวังอย่างรุนแรงมิได้ ครุ่นคิดขึ้น “ในโลกกลับมีคนหน้าตาอัปลักษณ์ถึงเพียงนี้” แต่เมื่อมองดูอีกแวบเห็นดวงตาสาดประกายเจิดจ้า
แฝงอำนาจคุกคามคน ประกายอันคล้ายสายฟ้าหยุดนิ่งบนใบหน้านางแวบหนึ่ง
ในแวบหนึ่งแห่งประกายอันคล้ายสายฟ้าที่หยุดนิ่งบนใบหน้าของก๊วยเซียงคล้ายประหลาดใจอยู่บ้าง โกวเนี้ยน้อยพลันรู้สึกร้อนวูบวาบ
2 ข้างแก้มแดงซ่าน
ต้องก้มศีรษะลงต่ำ มีความรู้สึกคลับคล้ายคลับคลาว่า “ชาวยุทธ์เจ้าอินทรี” ผู้นี้กลับไม่อัปลักษณ์เท่าใดแล้ว
นี่คือความรู้สึก นี่คือความผันผวนปรวนแปร
คนที่เห็นเป็นเอี้ยก่วยจริงๆ 16 ปีมานี้มันเฝ้ารอคอยช่วงเวลานัดหมายกับเซียวเล้งนึ่ง ท่องพเนจรไปทุกทิศทาง ประกอบวีรกรรมผดุงธรรม เนื่องด้วยมี “อินทรี” อยู่เป็นเพื่อนจึงได้รับขนานฉายาว่า “ชาวยุทธ์เจ้าอินทรี”
เอี้ยก่วยทบทวนหวนนึก เมื่อวัยหนุ่มเพราะสร้างบาปรักมากเกินไป เป็นเหตุให้หลายฝนตรมตรอม ดังนั้น มักสวมใส่หน้ากากหนังมนุษย์ที่อึ้งเอี๊ยะซือกำนัลให้
ไม่เปิดเผยโฉมหน้าแท้จริงต่อผู้คน
ตรงนี้แหละที่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิดจากโกวเนี้ยน้อยก๊วยเซียง
เรื่องราวของ “ชาวยุทธ์เจ้าอินทรี” มากด้วยความสลับซับซ้อน เรื่องราวของ “เอี้ยก่วย” ยิ่งมากด้วยความสลับซับซ้อน
ความผูกพันระหว่าง “ก๊วยเซียง” กับ “เอี้ยก่วย” ก็สลับซับซ้อน
เริ่มตั้งแต่แรกคลอดออกมาจากครรโภทรของอึ้งย้งท่ามกลางศึกนอก ศึกในที่เมืองเซียงหยาง ก๊วยเซียง เอี้ยก่วย ก่อเกิดใยสัมพันธ์ระหว่างกันและกันอย่างลึกซึ้ง
เป็นใยสัมพันธ์อันต่างไปจากก๊วยพู้ ผู้พี่สาว