ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 18 - 24 พฤษภาคม 2561 |
---|---|
คอลัมน์ | รายงานพิเศษ |
เผยแพร่ |
รายงานพิเศษ นงนุช สิงหเดชะ
คลั่ง ‘หมื่นโป๊ป’ อย่างไร
ไม่ให้เสียของ
คงจะสร้างปรากฏการณ์ “โป๊ปห้างแตก” ไปอีกพักใหญ่ สำหรับ ธนวรรธน์ วรรธนะภูติ หรือโป๊ป นักแสดงที่โด่งดังสุดขีดจากละคร “บุพเพสันนิวาส” ในบทของ “พ่อเดช/หมื่นสุนทรเทวา/ขุนศรีวิสารวาจา” จนสร้างกระแสฟีเวอร์ได้สูงสุดในวงการละครไทย
ว่าไปแล้วความสำเร็จแบบไม่ธรรมดาของละครเรื่องนี้ เกิดจากองค์ประกอบที่ลงตัวที่นานๆ จะเกิดขึ้นพร้อมกันสักครั้ง ทั้งพล็อตเรื่อง-วิธีนำเสนอที่แปลกใหม่ โปรดักชั่นดี ฯลฯ
แต่สิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้ก็คือพระ-นาง ที่เป็นแม่เหล็กดึงดูดสำคัญมาก หากเรื่องนี้ไม่มี “โป๊ป-เบลล่า” แสดง แม้พล็อตเรื่องจะดี บทดี ระดับความนิยมอาจไม่มากถึงเพียงนี้
ในที่นี้ขอกล่าวถึงเฉพาะโป๊ป ผู้แสดงนำฝ่ายชาย เนื่องจากเกิดกระแสคลั่งไคล้จากบรรดาแฟนๆ อย่างที่ได้เห็นกัน มีงานรุมเข้ามาจนได้อีกฉายาว่า “โป๊ปเดลี” ออกอีเวนต์แทบทุกวัน และเมื่อไปปรากฏตัวที่ไหนก็ “ห้างแตก” คนแห่ไปรอยลโฉมทะลักล้น อันเนื่องจากชื่นชอบฝีมือการแสดงอันยอดเยี่ยมบวกกับรูปลักษณ์-เสน่ห์เฉพาะตัวที่ชวนให้หญิงๆ หลงใหล โดยเฉพาะรอยยิ้ม
ความหลงใหลในพี่หมื่นโป๊ป มีมากขนาดไหน ให้ไปส่องดูทางยูทูบที่มีผู้รวมฉาก “ฟิน-จิกหมอน” เอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นฉากเกี้ยวพาราสีด้วยมุข “ไปส่องคันฉ่องดูทีฤๅ” ฉากนางเอกมอบหมอนให้พี่หมื่นไปฝรั่งเศส เป็นต้น เหล่านี้ล้วนแต่มียอดเข้าชมหลายล้านวิว
ยิ่งไปอ่านคอมเมนต์ใต้คลิป ยิ่งสนุกจนต้องอมยิ้ม เพราะส่วนใหญ่บอกว่า “ข้าอยากสิงร่างแม่การะเกดเหลือเกิน” / “ฉากนี้ทำข้าตายอย่างสงบ ศพเป็นสีชมพูไปแล้วเรียบร้อย” / “ข้านี้หลงพี่หมื่นจนแทบบ้าแล้ว” / “พี่หมื่นอย่ายิ้มบ่อย ข้าจะละลายอยู่แล้ว” / “ครึ่งหนึ่งของยอดวิวก็มาจากข้านี่แหละเจ้าค่ะ ดูซ้ำไปมาเป็นสิบรอบแล้ว ไม่รู้เป็นบ้าหรือเปล่า” ฯลฯ
ไม่แปลกที่คนเราจะหลงใหลคลั่งไคล้รูปลักษณ์ภายนอก แต่จะได้ประโยชน์มากขึ้นหากเราๆ ตั้งใจเงี่ยหูฟังสิ่งที่เขาพูด ให้สัมภาษณ์ภายหลังจากละครเรื่องนี้ดังเปรี้ยงปร้างและมีงานพุ่งเข้าหาราวกับทำนบแตก
สิ่งที่โป๊ปพูดเวลาอยู่นอกจอ อาจจะคือ “แก่น” ที่เป็น “ตัวตน” ของเขา สะท้อนให้เห็นถึงวิธีคิด สะท้อนให้เห็นการเข้าใจชีวิต เข้าใจสัจธรรม ซึ่งก็คงเป็นผลมาจากการที่เขาปฏิบัติธรรมอย่างจริงจังมาตั้งแต่อายุ 18-19 ปี โดยมีคุณแม่เป็นสหายธรรม พาเข้าวัด
จนถูกเรียกว่าพระเอกสายบุญ
เมื่อนักข่าวถามว่ารู้สึกอย่างไรที่ละครได้รับความนิยมมากขนาดนี้และผู้คนก็ชื่นชอบเขามาก
โป๊ปตอบว่ารู้สึกดีใจแทนช่อง (3) ส่วนเรื่องงานโฆษณา งานอีเวนต์ที่เข้ามามากนั้นก็รู้สึกเฉยๆ เพราะ “เห็นมากับตา รู้ด้วยใจ” มาแล้วว่าทุกอย่างมีขึ้นมีลง พอหมดกระแสละครแล้วงานก็ซาลงไป กระแสไม่ได้อยู่ตลอดไป
ช่วงละครดอกส้มสีทอง และคุณชายปวรรุจ ซึ่งทำให้เขาเป็นที่รู้จักในวงกว้าง ก็มีงานอีเวนต์เข้ามามาก แต่พอกระแสซาลง งานอีเวนต์-โฆษณา ก็เงียบๆ ไป
“เมื่อก่อนลด (ค่าตัว) แล้วลดอีก ร้องเพลงให้ด้วย ยังไม่มีใครจ้างเลยครับ”
ก่อนหน้านั้นเขาก็เคยให้สัมภาษณ์ว่าดาราไม่ได้วิเศษวิโสกว่าอาชีพอื่น นักแสดงก็คืออาชีพหนึ่ง ไม่ต่างจากอาชีพอื่นที่ต้องหาเงินมาเลี้ยงตัวเอง เขาถือว่าตัวเองไม่ใช่ดาราแต่คือผู้ประกอบอาชีพนักแสดง อาจเพราะเหตุนี้ทำให้เขาเอาใจใส่ ให้เวลาและเป็นกันเองต่อแฟนคลับที่มาเฝ้ารอ ด้วยการหยุดทักทาย แจกลายเซ็นและบริการถ่ายเซลฟี่ให้ด้วยอย่างที่เห็นทางสื่อต่างๆ จนได้ใจจากแฟนคลับ (เป็นความฉลาดในการปฏิบัติตัวให้เป็นที่รัก)
นอกจากนี้ก็เป็นคนนอบน้อม ฉลาดพูด เวลาให้สัมภาษณ์สื่อก็ได้รับเสียงชมว่า มีทั้งไอคิวและอีคิว คือฉลาดตอบ รู้จักพูด และควบคุมอารมณ์ได้ดี
เขาเคยให้สัมภาษณ์ในหลายโอกาสว่า ต้องการอยู่ในวงการนี้แบบมีคุณภาพ ได้งานเพราะความสามารถ และอยากประสบความสำเร็จโดยอยู่บนพื้นฐานที่ไม่เบียดเบียนคนอื่น
ความคิด วิธีคิดและวิธีมองโลกเช่นนั้นของเขา แน่นอนว่าเกิดจากการอบรมบ่มเพาะจากแม่ (แม่ของเขาเป็นนักตรวจสอบภาษี กรมสรรพากร ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ประถมาภรณ์มงกุฎไทย) ซึ่งเขาบอกว่าแม่ชอบเข้าวัดปฏิบัติธรรมมาแต่ไหนแต่ไร ทำให้เขาซึมซับไปด้วย เขามักขอบคุณมารดาเสมอที่ชักนำให้รู้จักธรรมะตั้งแต่อายุยังน้อย และว่า การรู้จักธรรมะเร็วเป็นผลดีต่อชีวิตของเขา
“ตอนเด็ก คุณตาคุณยายพาผมไปวัดเสมียนนารี (วัดแถวบ้านของเขา) ทุกวันอาทิตย์ สอนให้สวดมนต์ตั้งแต่เด็ก เพราะตอนนั้นคุณแม่ทำงานอยู่ต่างจังหวัด พอโตขึ้นมาช่วงเรียนช่างศิลป์ ห้องผมรกมากเพราะเต็มไปด้วยงานศิลปะ ไม่มีที่นอน ผมต้องไปนอนห้องแม่ซึ่งแม่จะเปิดวิทยุฟังธรรมะทุกคืน บางทีผมก็ฟังจนหลับไป” โป๊ปเคยเล่าไว้
เมื่อถามว่าหนังสือเล่มโปรดคืออะไร คำตอบคือ “ไอน์สไตน์พบ พระพุทธเจ้าเห็น”
ถามว่าชอบผู้หญิงแบบไหน ตอบว่าชอบผู้หญิงสวย คิดดี พูดดี มีคุณธรรม และลุกขึ้นมาทำอาหารใส่บาตรตอนเช้า
ถามว่าถ้าแฟนที่รักมากๆ เข้ากับแม่ไม่ได้ จะเลือกใคร ตอบแบบไม่ลังเลว่าเลือกแม่ เพราะแม่คือผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตเนื่องจากทำให้ได้รู้จักพุทธศาสนา
การที่คนนับล้านทั่วประเทศหลงใหลชื่นชอบในความหล่อและการแสดงของเขา แน่นอนว่าเป็นใครก็ต้องปลื้มปริ่มในระดับ overwhelm คือท่วมท้นล้นหลาม
หากเป็นคนทั่วไปก็อาจจะยึดมั่น ปล่อยวางไม่ได้หากวันหนึ่งความนิยมลดลงหรือหายไป ก็อาจประสบภาวะ breakdown ทางจิตใจ เพราะคนที่อยู่ในโลกมายามีแนวโน้มที่เท้าจะ “ลอยพ้นพื้น” ง่ายกว่าอาชีพอื่น
แต่สำหรับหนุ่มโป๊ปตัวจริงนอกจอ หากรู้จักธรรมะจริงก็คงรู้จักใช้สติมากำกับไม่ให้ยึดติดสิ่งใดมากเกินไป อย่างที่เขามักพูดบ่อยๆ ว่าที่ปฏิบัติธรรมไม่ใช่เพื่อตัดขาดทางโลก เพียงแต่เพื่อให้มีสติอยู่ตลอดและลดความทุกข์ลงสักครึ่งหนึ่ง รู้จักปล่อยวาง เพราะทุกอย่างไม่เที่ยง
“ทุกเรื่องที่ผมแสดง ทำให้ผมนึกถึงธรรมะ ละครเหมือนธรรมะ ละครสอนเราว่าอย่ายึดติด วันนี้เรารับบทเป็นคนแสนดี พรุ่งนี้อาจกลายเป็นตัวร้าย เจ้าชู้เลยก็ได้ ทุกอย่างเปลี่ยนไปตามบทบาท เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ไม่มีอะไรยั่งยืน”
ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ ก็เพื่อจะบอกว่า “หลงพี่หมื่น” ที่รูปลักษณ์ก็หลงไป
แต่จะดียิ่งขึ้นและได้ประโยชน์ถ้า “หลงโป๊ป” ที่ความคิดซึ่งค่อนข้าง “ตกผลึก” เกี่ยวกับมุมมองต่อชีวิต ต่อสัจธรรมแห่งความเป็นไปของโลกมนุษย์