วีรกรรมฉะแหลก “สันธนะ ประยูรรัตน์” อดีตเคยกระตุกหนวดเสือ เปิดศึกท้าชน 3 บิ๊กสีกากี

เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรก 22 พ.ค. 2018

วันนี้สถานการณ์ของ “พ.ต.ท.สันธนะ ประยูรรัตน์” คล้ายกำลังถูกรุกไล่รอบด้านจากหลายกรรม หลายวาระ!!

เริ่มจากตำรวจประกาศจะดำเนินคดีฐานดูหมิ่นเจ้าพนักงาน สืบเนื่องจากวิวาทะกับ พล.ต.ต.นราเดช กลมทุกสิ่ง ผู้บังคับการกองสวัสดิการ คณะทำงานคดีทลายเครือข่ายเมจิก สกิน ในครั้งที่ตำรวจไปตั้งศูนย์ปฏิบัติการในตลาดใหม่ดอนเมือง แล้ว พ.ต.ท.สันธนะปรากฏตัวไม่ยินยอม ส่งเสียงดังที่ตำรวจบุกค้นตลาด แสดงตนในฐานะผู้ดูแล

อาจเพราะด้วยฐานะผู้ดูแล เมื่อตำรวจขนกำลังรุกปฏิบัติการค้นตลาดใหม่ดอนเมืองต่อเนื่องหลายวัน พ.ต.ท.สันธนะออกมาเคลื่อนไหวรุกเร้าทุกวันเช่นกัน

ระหว่างนั้นก็ให้ข่าวกระทบกระเทียบไปถึงบิ๊กๆ สีกากีที่มีบทบาทนำทีมทลายตลาด

เรื่องบานปลาย กลายเป็นเปิดหน้าฉะบิ๊กสีกากี และ (จะ) แฉเรื่องทุจริต

บานปลาย แอ๊กชั่น “ยกหู” โทร.ตรงถึง “บิ๊กแป๊ะ” พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) โชว์สื่อ แต่ ผบ.ตร. ติดภารกิจ ครม.สัญจรที่บุรีรัมย์ ปลายสายจึงมิสคอล

เมื่อ ผบ.ตร.โทร.กลับ อดีตตำรวจดังรุ่นพี่ นรต. ของ ผบ.ตร. สัมภาษณ์สื่อ สื่อสารตีความกันไปจนวุ่นวาย จนรองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒเจริญ กระบอกเสียงส่วนตัว ผบ.ตร. ต้องชี้แจง เรื่องโทร.กลับ รับสายของ ผบ.ตร. เป็นเรื่องปกติ เตือนรุ่นพี่อดีตสีกากี อย่าบิดเบือน

เท่านั้นแหละ พ.ต.ท.สันธนะ คล้ายเกิดอาการฉุนขาด ออกโรงเดินสายออกอากาศช่องทีวีหลายสำนัก ทำนอง ทวง ขุด ฉะ แฉ แบบให้ตีความกันไปให้เกิดความเข้าใจผิด ความเสียหายกับผู้ถูกพูดถึง อีกทั้งยังเดินทางไปพบนายกรัฐมนตรี จะแฉข้อมูลโคตรโกง!?

แต่เรื่องเดินมาแค่เปิดหน้าฉะ ยังไม่ทันจะแฉ พ.ต.ท.สันธนะ ก็อ่วมเสียก่อน

เมื่อถูกออกหมายจับพร้อมลูกน้องอีก 10 คน 45 หมายจับในข้อหาร่วมกันกรรโชกทรัพย์จาก 8 ผู้ค้าในตลาดใหม่ดอนเมือง

เที่ยงวันศุกร์ที่ 11 พฤษภาคม ตำรวจ สน.ดอนเมือง ออกหมายจับ พ.ต.ท.สันธนะ และพวก ส่วนตัว พ.ต.ท.สันธนะ คนเดียวโดนไป 8 หมาย หลายกรรม หลายวาระ คล้ายเป็นคนเดียวที่โดนเต็มๆ ในฐานะลูกพี่ เพราะวันเดียวกันตำรวจนำกำลังหน่วยอรินทราช บุกค้นคอนโดมิเนียมหรูของอดีตรอง ผกก.สันติบาล

รุ่งเช้าวันต่อมา วันเสาร์ที่ 12 พฤษภาคม ตำรวจตามคุมตัว พ.ต.ท.สันธนะ ถึงหน้าบ้านพ่อ พ.ต.อ.(พิเศษ) สมชาย ประยูรรัตน์ พื้นที่ สน.โชคชัย หลังจากดึกวันที่ 11 พฤษภาคม พ.ต.ท.สันธนะเข้าบ้านบุพการี และเปิดบ้านสัมภาษณ์อย่างท้าทาย ไม่เกรงกลัว สลับกับอารมณ์เศร้าเสียใจ น้ำตาไหล แสดงความรู้สึกบีบคั้นที่ตัวเองกำลังเผชิญ “คุก”!!

การคุมตัว พ.ต.ท.สันธนะ ถกเถียงเป็นประเด็นข้อกฎหมาย ฝ่ายเจ้าตัวนิยาม นี่คือการมอบตัวเพราะติดต่อ พ.ต.อ.สุรพล ค้ำชู ผกก.สน.โชคชัย ให้มารับจะมอบตัว ขณะที่ฝ่ายตำรวจบอกว่าไม่ใช่ นี่คือการจับกุมเพราะไม่ได้ไปมอบตัวที่สถานที่ราชการ

แล้วคุมตัวอดีตตำรวจดังสอบสวนที่ สน.ดอนเมือง ตำรวจสอบ พ.ต.ท.สันธนะนานกว่า 7 ชั่วโมง คืนนั้น พ.ต.ท.สันธนะนอนห้องขังโรงพัก ก่อนถูกคุมตัวฝากขังต่อศาลอาญา ในช่วงเช้าวันอาทิตย์ที่ 13 พฤษภาคม

ก่อนศาลพิจารณาให้ปล่อยตัวชั่วคราว ตีราคาประกัน 3 แสนบาท มีเงื่อนไขห้ามออกนอกประเทศ เว้นแต่ได้รับอนุญาต และห้ามยุ่งเหยิงพยาน

วันเดียวกัน ฝั่งตำรวจทีมสืบสวนสอบสวนชุดใหญ่ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มี พล.ต.อ.รุ่งโรจน์ แสงคร้าม พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบช.ทท. ออกโรงแถลงเล็งแจ้งข้อหาเพิ่ม พฤติกรรมสืบสวนสอบสวนได้อาจเข้าข่ายอั้งยี่ ซ่องโจร

เรียกว่าเงื้อดาบพร้อมส่งเสียงคำราม หากโดนจริงถือว่าหนัก!?

หลังได้รับอิสรภาพ พ้นตะราง (ชั่วคราว) “พ.ต.ท.สันธนะ” เปิดใจ ไม่หยุด เดินหน้าท้ารบ คล้ายไม่เกรงไม่กลัวอะไรทั้งนั้น ลั่นวาจาเดินหน้าเปิดศึก 3 นายพล กล่าวหากลั่นแกล้ง!!

ในแวดวง คาดการณ์โผ 3 นายพลคู่ปรับ “สันธนะ” คนแรกต้องเป็นหัวขบวน พล.ต.อ.วิระชัย ที่นำทีมค้นทลายตลาดใหม่ดอนเมือง คนต่อมา “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ ที่นำทัพชุดเฉพาะกิจพิเศษร่วมค้น และ พ.ต.ท.สันธนะ กล่าวพาดพิงตั้งแต่ช่วงปฏิบัติการค้นแรกๆ อีกคนถึงขั้นปะทะคารมกัน พล.ต.ต.ณราเดช กลมทุกสิ่ง

แต่ตอนหลังโผพลิก!!

ไม่ทันที่ พ.ต.ท.สันธนะ จะไล่ฟ้องเดินหน้าชนกับใคร วันจันทร์ที่ 14 พฤษภาคมที่ผ่านมา บิดาบังเกิดเกล้าของ พ.ต.ท.สันธนะ ในวัย 91 ปี ได้รับหมายเรียกให้ไปให้ปากคำข้อกล่าวหาผิดกฎหมายอาญาฐานให้ที่พักพิงผู้ต้องหา จากกรณีที่ พ.ต.ท.สันธนะไปบ้านพ่อหลังถูกหมายจับและขอมอบตัวที่หน้าบ้าน

เมื่อความเดือดร้อนลุกลามไปถึงบุพพการี วันที่ 15 พฤษภาคม ส่งตัวแทนยื่นหนังสือถึง พล.ต.อ.จักรทิพย์

เรื่อง ขอแจ้งเตือนการปฏิบัติหน้าและคำสั่งสนธิกำลังพลและอาวุธของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อดำเนินการใดๆ กับข้าพเจ้า

“เนื่องจากในปัจจุบัน ได้มีสถานการณ์ความรุนแรงอันเกินกว่าเหตุในการดำเนินการใดๆ กับข้าพเจ้า โดยอ้างว่าเป็นการปฏิบัติตามหน้าที่ของนายพลตำรวจ จำนวน 3 นาย ซึ่งมีความขัดแย้งส่วนตัวโดยตรงกับข้าพเจ้าดังนี้ คือ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา และ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล นอกจากนี้ ปฏิบัติการดังกล่าวยังส่งผลกระทบต่อบุพการีและครอบครัวของข้าพเจ้าโดยตรง อันไม่สามารถยินยอมได้อีกต่อไป ดังนั้น ข้าพเจ้าจึงมีความจำเป็นต้องใช้กระบวนการยุติธรรมตามกฎหมาย ดำเนินการกับทั้ง 3 นาย นับแต่นี้เป็นต้นไป” ใจความในหนังสือร้องของ พ.ต.ท.สันธนะ แจ้ง ผบ.ตร. ว่าจะฟ้อง ผบ.ตร. และพวก

ชื่อ พล.ต.อ.จักรทิพย์ และน้อง นรต. ที่ พ.ต.ท.สันธนะ อ้างเรื่องวันเก่ามาเล่าสู่สาธารณะ กลายเป็นคู่กรณีคนที่ 1 มี พล.ต.อ.วิระชัย และ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ ร่วมคณะ 3 นายพลคู่ปรับ!!

ทว่า 3 นายพลประสานเสียง ไม่หวั่นการถูกฟ้องร้อง

ขณะที่ฝ่ายสืบสวนสอบสวนคดี ตามไล่จับทีมงานอีก 10 คน ตามหมายจับ และเดินหน้าขยายผล พ.ต.ท.สันธนะ ต่อเนื่อง ดึง ปปง. เริ่มกระบวนการยึดทรัพย์ ตามกฎหมายฟอกเงิน ขณะที่ในส่วนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติก็เดินหน้าพิจารณา “ถอดยศ” พ.ต.ท.

นี่คือชะตากรรมและความเคลื่อนไหวของอดีตนายตำรวจคนดังในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา

พล.ต.อ.รุ่งโรจน์บอกว่า การขยายผลแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมหรือไม่อยู่ที่พยานหลักฐานที่ยังไม่มีอะไรเพิ่มเติมที่จะเปิดเผยในเวลานี้ ส่วนการออกหมายเรียกบิดาก็เป็นการทำตามกฎหมายของ สน.โชคชัย ไม่เกี่ยวข้องกับชุดคลี่คลายคดีที่ตลาดใหม่ดอนเมือง

สาเหตุที่ พ.ต.ท.สันธนะ ต้องเผชิญกับข้อหาอาญา พาลให้บิดาพลอยได้รับหมายเรียกในคดีอาญาไปด้วย และตัวเองอาจต้องเปลี่ยนจาก พ.ต.ท.สันธนะ เป็นนายสันธนะ คงปฏิเสธไม่ได้ว่า ส่วนหนึ่งเพราะพฤติกรรมของนายตำรวจผู้มีแอ๊กชั่นดุดัน โผงผาง คล้ายนักเลงขาชน ไปเข้าข่ายผิดข้อหาอาญา ผิดกติกากฎหมายบ้านเมือง ที่ผู้บังคับใช้กฎหมายคุมกติกาต้องจัดการ

หรือส่วนหนึ่งเพราะไปล่อเป้า “กระตุกหนวดเสือ” จึงต้องเผชิญชะตาอ่วมอรทัย คล้ายกำลังถูกล้อมไล่อยู่ในขณะนี้!?!