อุรุดา โควินท์ [ความทรงจำ] : หวานที่ปลายลิ้น

ต้องใช้เวลานาน กว่าฉันจะกินมะระอร่อย

ตอนเป็นเด็ก ฉันเกลียดมะระสุดๆ ทุกครั้งที่พ่อเสนอต้มมะระ ฉันก็รู้ว่าแม่ต้องทำน้ำพริกกะปิกับปลาทูด้วย

ฉันกินแค่สองอย่างนั้นล่ะ กับบรรดาผัก สำหรับมะระ ฉันไม่ขอแตะต้อง

ครั้นจะเอาสำนวนติดปาก คนแก่ชอบกินของขม มาสรุป ฉันว่ามันง่ายไป ไม่ใช่ทุกคน อย่างน้อยก็กับน้องสาวฉัน เธอชอบกินมะระตั้งแต่เด็ก ครั้นเริ่มสาว เธอเคี้ยวมะระดิบอย่างเอร็ดอร่อย, แกล้มกุ้งแช่น้ำปลา

ขมเป็นรสที่ต้องอาศัยความเข้าใจ (ว่าอร่อยอย่างไร) เช่นเดียวกับรสขื่น (ของมะเขือบางชนิด) รสซ่าน (ของดอกข่า)

หากปฏิเสธตั้งแต่ต้น ไม่ตักเข้าปาก ตั้งแง่ว่าขมไม่อร่อย เราย่อมกินไม่เป็น จนกว่าจะมีสักวัน-วันที่เราไม่อาจปฏิเสธความขม(ขื่น)

มะระคำแรกของฉันเป็นมะระผัด ทั้งใจทั้งสมองบอกว่าสิ่งนี้ขม และรสขมก็เป็นคุณสมบัติของมะระ แต่พอเคี้ยวมะระปนข้าวกลืนลงท้องไปหนึ่งคำ มะระคำที่สองกลับขมน้อยลง ทั้งมีความหวานที่ปลายลิ้น

คำแรกฉันต้องกิน เพราะแม่ของเพื่อนตักข้าวมาวางตรงหน้าฉันกับเพื่อนคนละจาน ตักแบบข้าวราดแกง ทั้งสองจานเหมือนกัน มีมะระผัดไข่กับหมูทอดหนึ่งชิ้น

แม่วางจานลง แล้วนั่งยิ้มหวานรอเราชิม ฉันรีบตักข้าวราดผัดมะระใส่ปาก นั่นเป็นครั้งแรกที่ฉันทำความรู้จักรสขม

ขมเป็นยา ใครๆ ก็พูด ฉันยังไม่ได้พิสูจน์ แต่ที่แน่ๆ ความขมทำให้ฉันเจริญอาหาร หรรษากับการกิน

 

เริ่มตั้งแต่มะระมื้อแรก ฉันไม่หิว สองสามคำแรก กินเพราะเกรงใจแม่เพื่อน แม่อยากให้ฉันกลับหอพักแบบอิ่มท้อง

อืม…เอาตรงๆ ก็ได้

ฉันแอบชอบลูกชายแม่ จึงอยากให้แม่เอ็นดูฉัน ทั้งไม่อยากให้เขาคิดว่าฉันอยู่ยากกินยาก

แต่คำหลังๆ ฉันเต็มใจกิน ความอยากอาหารมาจากไหนไม่รู้ แล้วฉันก็ซัดข้าวราดผัดมะระจนเกลี้ยง (หมูทอดด้วย) ยกจานเปล่าเดินเข้าครัว

แม่ยิ้มหวาน ดูเหมือนฉันได้ใจแม่ แต่กับเขานั้นไม่ใช่, มะระไม่ช่วยอะไร

มิตรภาพจบลงอย่างน่าเสียดาย ฉันเสียเขาไป เพราะฉันไม่คิดจะเป็นเพื่อนกับเขาตั้งแต่แรก ฉันเอา “เพื่อน” มาเป็นข้ออ้าง ให้เราได้ทำอะไรด้วยกัน ไปไหนต่อไหนด้วยกัน กระทั่งสนิทสนมกัน

ทุกครั้งที่คิดถึงเขา ฉันอมยิ้ม ขำตัวเอง และเห็นใจเขา

เขาคงอึดอัดน่าดู ตอนที่ฉันบอกว่า จริงๆ แล้วฉันคิดอย่างไร

เขาทำให้ฉันเรียนรู้ว่า ความสัมพันธ์ใดก็ตาม ควรเริ่มต้นด้วยความจริงจากใจ อย่าได้ซ่อนไว้ เพราะนั่นคือการล่อลวงชนิดหนึ่ง

เมื่อเขาพูด “เราไม่ซีเรียสนะ แต่เราคงไม่เชื่อใจเธอเหมือนเดิม”

ฉันจึงพยักหน้า กลืนถ้อยคำที่เหลือลงท้อง

ประโยคของเขาเกลี้ยงเกลา เข้าใจง่าย และมีรสขมแบบที่ฉันเพิ่งรู้จัก เขาทำให้ฉันรู้จักความขมขื่นชนิดนี้ และทำให้ฉันรู้จักขมของมะระ

ขมมะระชวนติดใจ แต่กับความขมขื่น ฉันสาปส่ง อย่าได้เจอกันอีกเลย

 

วันนี้ฉันอยากเพิ่มน้ำหนัก อยากกินข้าวเยอะๆ ฉันนึกถึงผัดมะระ ครั้นทำผัดมะระเสร็จ ใบหน้าเขาก็วูบไหวเหนือจาน

จ้องผัดมะระในจานดิน…กี่ปีแล้วนะ กว่ายี่สิบเชียว ฉันจึงตระหนักว่า ความรู้สึกที่มีต่อเขาช่างอ่อนหวาน

และเป็นยี่สิบปีที่ฉันรู้จักวิธีทำผัดมะระ ทำอร่อยด้วย ฉันเพิ่มบางอย่างเข้าไป ช่วยให้มีรสชาติมากขึ้น ฉันเลือกมะระสดๆ ฝานบางๆ ผัดแค่พอสุก แล้วกินตอนร้อน

ฉันชอบให้มีหมูสับสักนิด และผักกาดดองแบบกระป๋องที่เรามักซื้อมายำกินกับข้าวต้ม, ต่อมะระหนึ่งหัวใหญ่ ฉันใช้ผักกาดดองหนึ่งกระป๋องเล็ก (หรืออาจจะน้อยกว่า)

แน่นอน-ต้องมีไข่สองฟอง และมีพริกหนุ่มซอยบางๆ หนึ่งเม็ด

ตักกินแบบไม่เลือก เหมือนการสุ่ม บางคำฉันได้รสเผ็ดเพิ่มนิดหน่อย บางคำได้รสเปรี้ยวเค็มของผักกาดดอง และบางคำได้ห้ารส (ขม เปรี้ยว เค็ม เผ็ด และหวานที่ปลายลิ้น)

 

ฉันหั่นทุกอย่างเตรียมไว้ มะระถ้วยหนึ่ง ผักกาดดองถ้วยหนึ่ง พริกใส่ถ้วยเล็กหน่อย หมูสับเอง เลือกสันคอมาสับหยาบๆ ทุกอย่างนอนรอในถ้วยใบงาม ถ้วยที่ไม่เหมือนกันสักใบ ซึ่งไม่ได้เกิดขึ้นทุกวัน

ฉันมักใช้ชามตรากระต่ายตระเตรียมวัตถุดิบ มันล้างง่าย เก็บง่าย เบา และเหมาะมือกว่าจานสวยๆ นั่นล่ะ อาจเพราะมะระขม ฉันจึงหยิบถ้วยสวย หรือจะเป็นเพราะเขา ไม่สิ-ฉันไม่ได้คิดถึงเขาเลย กระทั่งเห็นผัดมะระกับข้าวสวยบนโต๊ะ

ใส่น้ำมันลงกระทะ พอน้ำมันร้อน ใส่หมูสับกับกระเทียมลงไปพร้อมกัน ควงตะหลิวไม่กี่ที หมูก็สุก เขี่ยหมูไปไว้ข้างหนึ่ง ตอกไข่ลงไปสองฟอง ตีไข่แดงให้แตก นับหนึ่งถึงสิบห้า ใช้ตะหลิวพลิกไข่ นับหนึ่งถึงสิบห้าอีกครั้ง ให้แน่ใจว่าไข่สุก ฉันส่งมะระลงไป ตามด้วยผักกาดดอง และพริกหนุ่ม…

ดูเหมือนใส่ทุกอย่างลงไปในคราวเดียวได้ ทำไมต้องหั่นซอย ใส่หลายถ้วยให้มากเรื่อง ต้องล้างเยอะแยะ ไม่เข้าใจตัวเอง แต่ช่างมันเถอะ แน่ใจว่าผลลัพธ์เหมือนกัน ถ้าเร่งไฟแรงตอนนี้ ใส่น้ำมันหอยหน่อย เกลือนิด และตัดน้ำตาล

ผัดให้ครึกโครม เพื่อความคึกคัก ไฟต้องแรง ให้มะระสุกเร็วๆ ชิมว่าอร่อยแล้ว ฉันก็ปิดเตา

มะระสุกสีสวยกว่ามะระดิบ

ฉันตอนนี้ดูดีกว่าฉันเมื่อยี่สิบกว่าปีที่แล้ว (คิดเอง)

เขาจะว่าอย่างไรนะ กับผัดมะระจานนี้ และฉันในวันนี้

ฉันยักไหล่ เรื่องของเขา ถ้าเดินสวนกัน ยังไม่แน่ใจว่าจะจำเขาได้ทันทีหรือไม่ แต่ฉันจำมะระผัดฝีมือแม่เขาได้ เพราะมะระราดข้าวจานนั้น ฉันจึงได้รู้จักหวานในความขม