เปิดใจ “พล.ต.ต.อดุลย์ ณรงค์ศักดิ์” โดนปล้นเก้าอี้ “ผบช.ร.ร.นรต.” ฮึดสู้ ทวงสิทธิ์คืน

การแต่งตั้งรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ถึง ผู้บังคับการ (ผบก.) วาระ 2559 ครั้งที่ 10/2559 ที่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เสนอรายชื่อแต่งตั้งให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) เมื่อวันที่ 28 กันยายน ที่ผ่านมา

1468147163_%e0%b8%97%e0%b8%b4%e0%b9%89%e0%b8%87

ก่อนการประชุม ก.ตร. เพียง 1 วัน พล.ต.ต.อดุลย์ ณรงค์ศักดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) นายร้อยตำรวจรุ่น 34 เพื่อนร่วมรุ่นนายตำรวจใหญ่ อย่าง พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร รักษาราชการแทน ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รรท.ผบช.น.) พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) พล.ต.ท.ธนิตศักดิ์ ธีระสวัสดิ์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 (ผบช.ภ.5) ออกมาสัมภาษณ์กับสื่อมวลชนประจำ บช.น. พร้อมแจกจดหมายเปิดผนึก

กรณีไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการเสนอรายชื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการโรงเรียนนายร้อยตำรวจ (ผบช.ร.ร.นรต.) ที่ถูกสอยกลางอากาศ

พล.ต.ต.อดุลย์ บอกว่า กรณีไม่มีชื่อเสนอเข้า ก.ตร. ถือว่าเป็นการถูกปล้นชัยชนะ

เพราะระเบียบกฎเกณฑ์ กฎหมายมีอยู่ ถือว่า พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 มาตรา 53(2) กำหนดชัดเจนว่าการแต่งตั้งระดับผู้บัญชาการต่างๆ จะต้องเป็นอำนาจของ ก.ตร.

ทั้งนี้ การแต่งตั้ง ผบช.ร.ร.นรต. เป็นหน่วยงานเดียวที่มีการคัดเลือกโดยใช้คุณธรรม คือการแสดงวิสัยทัศน์ ระเบียบของโรงเรียนนายร้อยตำรวจ พ.ศ.2551 กำหนดไว้ชัดเจน เมื่อแสดงวิสัยทัศน์แล้ว สภาการศึกษาโรงเรียนนายร้อยตำรวจจะต้องนำเสนอเข้า ก.ตร. เพื่อแต่งตั้ง

ซึ่งผู้มีคุณสมบัติครบถ้วนตามหลักเกณฑ์ ระเบียบ ที่กำหนด และสิทธิ์เข้าแสดงวิสัยทัศน์ จำนวน 3 ราย

ประกอบด้วย พล.ต.ท.ปิยะ อุทาโย ผู้บัญชาการสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ ( ผบช.สง.ก.ตร.) พล.ต.ต.มาโนช ตันตระเธียร รอง ผบช.ร.ร.นรต. และตน ที่ได้แสดงวิสัยทัศน์ไปเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม ได้คะแนนจากกรรมการเกินครึ่ง 8 ต่อ 14 เสียง ถือว่าชนะเลิศ ตามหลักเกณฑ์ถ้าคะแนนเกินครึ่ง ไม่มีอุทธรณ์ ฎีกา ถือว่ามติที่แต่งตั้งยังคงอยู่

“แต่ปรากฏว่าคณะกรรมการในส่วนของ ร.ร.นรต. หรือสภาการศึกษา ได้ประชุมเมื่อวันที่ 15 กันยายน พิจารณาคัดเลือก ผบช.ร.ร.นรต. อีกครั้งหนึ่ง เพื่อพิจารณาที่จะยกเลิกมติกรณีเสนอชื่อผมเป็น ผบช.ร.ร.นรต. แต่ไม่สามารถลงมติได้ ต้องมีหนังสือจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) มาก่อน โดยวันเดียวกัน พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้ลงนามในหนังสือ ที่ ตช 0009.231/3349 ให้มีการนัดประชุมสภาการศึกษาในวันที่ 20 กันยายน เพื่อพิจารณาแต่งตั้ง ผบช.ร.ร.นรต. อย่างเร่งด่วน ผมมองว่าเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะ ผบ.ตร. เป็นกรรมการอยู่ในสภาการศึกษา ปรากฏว่ามอบหมายให้ พล.ต.ท.สุวิระ ทรงเมตตา ผู้ช่วย ผบ.ตร. เป็นผู้ประชุมแทน

“สภาการศึกษา ร.ร.นรต. มีมติให้ผมเป็น ผบช.ร.ร.นรต. ตั้งแต่วันที่ 7 กรกฎาคม ต่อมา ผบ.ตร. มีหนังสือระบุว่าไม่เห็นชอบผม โดยไม่มีเหตุผลใดๆ ทั้งสิ้น หากระบุว่าผมไม่ดี มีคุณสมบัติไม่ครบ จะยอมรับในส่วนนี้ แต่การดำเนินการตามคุณสมบัติมีคณะกรรมการตรวจสอบ ผมมีครบถ้วนหมด มีคณะกรรมการตรวจสอบผมก็ชนะเลิศ และมาเลือกคนที่แพ้ 2 คน และแต่งตั้ง พล.ต.ท.ปิยะ เป็น ผบช.ร.ร.นรต. แทน ทั้งๆ ที่ได้คะแนนในการแสดงวิสัยทัศน์ 6 คะแนน เป็นลำดับที่ 2 ทั้งนี้ ชื่อของ พล.ต.ท.ปิยะ จะถูกนำเสนอเข้าที่ประชุม ก.ตร. เพื่อพิจารณาแต่งตั้งเป็นผู้บัญชาโรงเรียนนายร้อย แทนผม ซึ่งจริงๆ ผมอยากจะนิ่ง แต่ในเมื่อไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงต้องร้องขอความเป็นธรรมจากผู้บังคับบัญชา”

พล.ต.ต.อดุลย์ เผยถึงที่มาที่ไปการเข้าร้องเรียน ทวงความเป็นธรรม

รอง ผบช.น. บอกด้วยว่า ที่ผ่านมาทำงานไม่เคยโกงกิน ไม่เคยรีดไถประชาชน ทำแต่สิ่งที่ดีเพื่อบ้านเมือง ในการแสดงวิสัยทัศน์ ร.ร.นรต. ดำเนินการตามหลักเกณฑ์ทุกประการ ไม่มีบิดพลิ้ว ไม่มีอะไรที่เป็นปัญหาข้อขัดข้อง และได้รับการคัดเลือก

“จนกระทั่งวันนี้ยังไม่มีปัญหาใดที่เป็นเหตุผลที่จะมาล้างว่าผมไม่ดี มีคุณสมบัติไม่เหมาะสม แต่ถูกปล้นไปแล้ว ทั้งนี้ ได้ทำหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี ประธาน ก.ตร. และ ผบ.ตร. เพื่อร้องขอความเป็นธรรม จนถึงทุกวันนี้ไม่มีผู้บังคับบัญชาคนไหนมาบอกเลยว่า ผมไม่เหมาะสม เป็น พล.ต.ต. มา 9 ปี เป็น รอง ผบช. มา 5 ปี บางคนเป็นมา 2 ปี ขึ้น ผบช. แล้ว แต่ที่ผ่านมาผมไม่ได้รับตำแหน่งก็ไม่เคยท้อ ทำงานแก้ไขปัญหาจราจรมาโดยตลอด การเป็น ผบช.ร.ร.นรต. ต้องมีความสง่างาม เป็นแบบอย่างที่ดี ถ้าจะมาใช้ความไม่ชอบมาพากลในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ผมคิดว่าเป็นสิ่งที่ไม่ชอบธรรมและผิดกฎหมาย อย่างไรก็ตาม หากไม่ได้รับความเป็นธรรมคงต้องดำเนินการตามขั้นตอน” รอง ผบช.น. เผย

เมื่อถามว่ากรณีถูกเบรกนั่งเก้าอี้ ผบช.ร.ร.นรต. เกี่ยวกับคำสั่งหัวหน้ารักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 54/2559 ที่ถอดถอนนายกสภาการศึกษาและกรรมการการศึกษาผู้ทรงคุณวุฒิพ้นจากตำแหน่ง หรือไม่ พล.ต.ต.อดุลย์ กล่าวว่า ตามคำสั่งไม่ได้ถอดถอนมติที่มีอยู่แล้ว ถือว่ามติดังกล่าวยังอยู่อย่างสมบูรณ์ มติที่มาแย้งถือว่าเป็นมติที่ผิดกฎหมาย ตอนนี้ยื่นอุทธรณ์กับผู้บังคับบัญชาไปก่อน เพื่อขอความเป็นธรรม หากมติ ก.ตร. ระบุว่าผมไม่ได้รับตำแหน่ง ผบช.ร.ร.นรต. คงจะต้องดำเนินการฟ้องศาลปกครอง คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตามความผิด มาตรา 157 ต่อไป

“คณะกรรมการชุดใหม่ต้องทำหน้าที่ถอดถอนคณะกรรมการชุดเก่าก่อน เมื่อไม่ได้ถอดถอน ก็ไม่มีสิทธิไปดำเนินการพิจารณาสรรหาผู้ดำรงตำแหน่ง ผบช.ร.ร.นรต. ใหม่ได้ ประกอบกับหนังสือของ ผบ.ตร. เป็นความเห็นส่วนตัวและใช้อำนาจเกินจากสภาการศึกษา ร.ร.นรต. ทำให้สภาการศึกษาชุดใหม่มีมติซ้อนมติเดิม โดยไม่มีอำนาจพิจารณา ผมขอยืนยันและสงวนสิทธิ์เป็นผู้สมควรดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการโรงเรียนนายร้อยตำรวจในวาระการแต่งตั้งประจำปี 2559”


พล.ต.ต.อดุลย์ กล่าวย้ำ

ทว่า วิบากกรรมของ พล.ต.ต.อดุลย์ เห็นทีไม่ยุติง่ายๆ เมื่อ นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยืjออาชญากรรม ยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมต่อ พล.ต.อ.จักรทิพย์ กรณีถูก พล.ต.ต.อดุลย์ แจ้งความดำเนินคดี ข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา ต่อพนักงานสอบสวน สน.นางเลิ้ง เมื่อวันที่ 29 สิงหาคมที่ผ่านมา

ต่อมาวันที่ 15 กันยายน อัยการได้มีความเห็นสั่งฟ้อง

โดยเรียกร้องให้ ผบ.ตร. ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง

เป็นปรากฏการณ์เตะตัดขา “ว่าที่ ผบช.ร.ร.นรต.” เมื่อผู้เสียสิทธิ์ออกมาทวงสิทธิ์ เรียกร้องความเป็นธรรม จึงกลายเป็นหนังม้วนยาว?!!