MatiTalk ดร.ศิวพล ชมภูพันธ์ อ่านเกมการเมือง ภูมิใจไทยไม่ใช่ศัตรูเพื่อไทย ส้มเริ่มแผ่ว?

“สมมุติว่าปี 2568 คุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เกิดได้กลับมา อันนี้คือผมคิดว่ามันคือคำตอบสุดท้ายว่าการเจรจาประนีประนอมมันลงตัวที่สุดแล้ว” ดร.ศิวพล ชมพูพันธ์ ภาควิชารัฐศาสตร์ คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ให้สัมภาษณ์ในรายการ MatiTalk มองการเมือง 2568

ดร.ศิวพลมองข้ามช็อต ว่าถ้าคุณยิ่งลักษณ์เกิดได้กลับมา จะคือคำตอบเพราะเหลืออยู่คนเดียวที่ยังไม่สามารถกลับมาได้ในตระกูลชินวัตร แล้วถึงขั้นที่กล้าบอกว่าคุณอุ๊งอิ๊งจะไม่โดนรัฐประหาร ก็แปลว่าวันนี้เขาก็ค่อนข้างมั่นใจระดับหนึ่ง

แต่ผมไม่รู้นะ “การโดนแกง” มันมีสิทธิ์เกิดขึ้นอยู่เสมอ แล้วบ้านนี้เมืองนี้ชอบเหลือเกินในการตั้งหม้อแกงหม้อใหญ่ๆ รอไว้หลายๆ หม้อ อันนี้ผมคิดว่ามันสนุกดี

ตอนนี้ใครจะไปรู้อาจจะมีคนก่อฟืนหั่นผักหั่นหมูรอไว้แล้วก็ได้ ต้องรอดูกันต่อไป

ส่วนการเมืองระหว่างพรรคที่มีการมองว่า ศัตรูที่แท้จริงของพรรคเพื่อไทยอาจไม่ใช่พรรคประชาชน แต่เป็นพรรคภูมิใจไทยนั้น ดร.ศิวพลมองว่า คุณทักษิณ ชินวัตร กับพรรคประชาชน หรือพรรคอนาคตใหม่ในอดีตมีศัตรูร่วมกันคือกลุ่มอำนาจเก่า การบาดเจ็บของทั้งคู่ผ่านการถูกยุบพรรค แต่วันนี้ฝ่ายหนึ่งยังเล่นตามกติกาเดิมคือไม่ยอมร่วมหัวจมท้ายกับอะไรก็ไม่รู้ในสมการการเมือง

แต่อีกฝั่งหนึ่งขอยอมร่วมหัวจมท้ายกับกลุ่มอำนาจเดิม เพราะถ้าคุณไม่ยอมร่วมหัวจมท้ายกับกลุ่มอำนาจเดิม คุณก็ยังอยู่ต่างประเทศ แล้วคุณก็อาจจะไม่มีโอกาสได้มาเดินเฉิดฉายก็ได้

ขณะเดียวกัน ผมอาจจะมองต่างนิดหนึ่งว่าพรรคภูมิใจไทยไม่น่าใช่ศัตรูแต่เป็น “คนที่คุณไม่สามารถเอาออกไปจากตรงนี้ได้” คุณต้องหนีออกไปข้างๆ เพราะความที่คุณเคยเป็นศิษย์เก่ากันมาก่อนต่อให้มีเรื่องของการขัดแย้งกันจนคุณเนวินพูดว่า มันจบแล้วครับนาย แต่วันนี้คุณกลับมาประสานประโยชน์กันได้

ผมขอย้อนกลับไปครั้งหนึ่งที่ผมนั่งเรียนในห้องเรียนในวิชาการเมืองการปกครองไทย ครูบาอาจารย์ผมเคยพูดแล้วจำติดหัวมาอยู่เสมอว่า “คุณเชื่อผมนะ ต่อให้วันนี้ชนชั้นนำไทยทะเลาะกันให้ตายอะไรก็ตาม แต่ก็จะประนีประนอมกัน คุณคอยดูแล้วกัน”

ย้อนกลับไปสิ่งที่ตั้งคำถาม ผมเคยมานั่งคิดว่ามันจริงเหรอ เพราะอย่างตอนยุคปี 2534 ยุค รสช.ยึดอำนาจคุณชาติชาย ชุณหะวัณ มันจบลงด้วยการที่ รสช.กับคุณชาติชายมีการขอขมาซึ่งกันและกันมันใช้เวลาเร็วมากเลย

แต่พอยุคคุณทักษิณผมกลับรู้สึกว่าทฤษฎีหรือแนวความคิดนี้ใช้ไม่ได้ เพราะการประนีประนอมไม่เคยเกิดขึ้นเลย แต่ผมกลับคิดผิดเพราะประนีประนอมแล้วมันใช้เวลานาน แต่เมื่อมีประนีประนอมกันเสร็จมันก็ลงเอยด้วยภาพที่ดอนเมือง-ภาพชั้น 14 รวมถึงการที่พรรคภูมิใจไทยเอาตัวเองเข้ามาร่วมรัฐบาลทั้งที่ความจริงเขาเคยมีจุดยืนบางอย่างว่าไม่เอาแล้ว

ทุกวันนี้เรียกได้ว่าเป็นการ รียูเนียน (reunion) แล้วก็ต้องกอดคอกันไว้แน่นๆ แล้วกองทัพก็อย่าไปยุ่งกับเขาก็แล้วกัน

สุดท้ายแล้วผมไม่ได้มองว่าพรรคภูมิใจไทยเป็นศัตรูหรือคนรอบข้างคุณทักษิณเป็นศัตรู แต่มองว่าเป็นคนที่ยังไงคุณก็ต้องอยู่ด้วยกันเพราะถ้าเกิดตรงนี้หลุดไปฉันก็ไม่มีสิทธิ์ในการครองอำนาจรัฐเหมือนที่ฉันพยายามมาตลอดหลายปี

ต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่าถ้าวันนี้คุณทักษิณยอมวางมือทางการเมืองจริงๆ อย่างที่เขาพยายามพูดอยู่เสมอ วันนี้ถ้าเป็นผมนะ ผมอาจจะอยู่เมืองนอกแล้ว ผมไม่ต้องกลับมาก็ได้ หรือผมจะไม่มีการเคลื่อนไหวทางการเมือง ผมจะไม่เอาตัวเองไปโผล่ตามที่ต่างๆ หรือแม้แต่ให้สัมภาษณ์ เพราะคำพูดมันมีบทบาทในการรันการเมืองไทย เราปฏิเสธไม่ได้เลยว่าคุณทักษิณคือพ่อของนายกฯ ซึ่งเดินทางไปไหนก็ตาม มันมีภาพของครอบครัววงศ์วานตั้งแต่คุณทักษิณมาถึงคุณสมชาย วงศ์สวัสดิ์ คุณยิ่งลักษณ์ และคุณแพทองธาร ชินวัตร

ในอนาคตการควบรวมพรรคการเมืองครั้งใหญ่ในลักษณะเดียวกับพรรคไทยรักไทยในอดีตที่ทำให้เกิดปรากฏการณ์แลนด์สไลด์ภายใต้ชื่อพรรคเดียวเหมือนตอนช่วงปี 2548 ที่พยายามดึงมาจนสภาเต็มไปด้วยพรรคไทยรักไทย

รอบนี้ผมคิดว่าเพื่อไทยก็คงจะไม่ใช้กลยุทธ์แตกแบงก์ย่อยเหมือนปี 2562

ขณะเดียวกัน พรรคภูมิใจไทยผมก็คิดว่าเขามีพื้นที่ของเขาแล้วและพื้นที่ใหญ่มากด้วย หลายพื้นที่ถ้าสมมุติว่าอยู่ดีๆ เอาตัวเองกลับเข้าไปเพื่อไทยมันทำให้การสร้างแบรนด์ (branding) ที่เขาอุตส่าห์สร้างมาอาจจะเสียก็ได้

ถ้ามองในแง่ของการสร้างแบรนด์ (branding) ทางการเมืองอยู่แยกกันดีแล้ว

ยกเว้นว่าคุณจะสามารถรวมเอาพรรคเล็กพรรคน้อยมารวมกันได้เพื่อที่จะทำให้เพื่อไทยหรือมองในแง่ร้ายที่สุดเลยสามารถดึง ส.ส.จากพรรคประชาชนหรือคนอดีตที่เคยเป็นด้อมส้มจำนวนหนึ่งซึ่งมีความรู้สึกว่าฉันอยากได้อำนาจทางการเมืองดึงมาได้มันจะโอเค

แต่โดยส่วนตัวผมคิดว่าฉากในการรวมครั้งใหญ่จะไม่เกิดขึ้น

ส่วนการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ที่พรรคประชาชนไม่สามารถครองตำแหน่งได้แม้แต่จังหวัดเดียวเป็นตัวสะท้อนถึงความเปลี่ยนแปลงด้านใด

สิ่งที่สะท้อนวันนี้คือ อาจจะเป็นรสนิยม (Taste) ที่เปลี่ยนไปนะ ถ้ามองเร็วๆ กว้างๆ นะครับ แต่ขณะเดียวกันอย่าลืมว่าการเลือกตั้งครั้งใหญ่ปี 2566 พรรคก้าวไกล (ประชาชน) ถือเป็นความหวัง

แต่วันนี้ประชาชนมีความรู้สึกว่าพรรคที่เลือกตั้งได้ ส.ส.อันดับ 1 ของประเทศคุณไม่สามารถจะจัดตั้งรัฐบาลได้แล้วมองด้วยตาเนื้ออย่างไรวันนี้พรรคเพื่อไทยก็คุมอำนาจ

ซึ่งพรรคประชาชนส่วนที่ยังมีชีวิตรอดจากพรรคก้าวไกล ประชาชนก็คงมีความรู้สึกว่าเลือกไปยังไงในอนาคตเขาก็ยังไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าพรรคสีส้มจะมีชีวิตรอดทางการเมืองได้มากน้อยขนาดไหน

ผมก็คิดว่าการเลือกเพื่อไทยหรือพรรคอื่นๆ มันอาจจะมีความรู้สึกปลอดภัยในทัศนคติของเขา

อันนี้เป็นทัศนคติส่วนตัว

ชมคลิป https://youtu.be/nzpUdiMj1xw