เผยแพร่ |
---|
เศรษฐา ลั่นจะตั้งใจทำงานในหน้าที่นายกรัฐมนตรีให้ดีที่สุด ให้ควรค่าแก่รางวัล The President’s Award of Service จาก Claremont Graduate University ที่ได้รับ ในฐานะศิษย์เก่าผู้ทำคุณประโยชน์แก่สาธารณะ ส่งเสริมการพัฒนาของมนุษยชาติ และสนับสนุนสิทธิมนุษยชน
เวลา 14.00 น. วันที่ 9 กรกฎาคม ที่ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี รับมอบรางวัล The President’s Award of Service จากคณะผู้บริหารและผู้แทนจากมหาวิทยาลัยบัณฑิตศึกษาแคลร์มอนต์ (Claremont Graduate University) รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นรางวัลที่มอบแก่ศิษย์เก่าที่ทำคุณประโยชน์
นายกรัฐมนตรี กล่าวต้อนรับคณะผู้บริหารและผู้แทนจาก Claremont Graduate University ว่า ยินดีและเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับรางวัล The President’s Award of Service ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของนายกรัฐมนตรีในการสนับสนุนสิทธิมนุษยชน ยกระดับคุณภาพชีวิตและศักดิ์ศรีของประชาชนชาวไทย โดยนายกรัฐมนตรีย้ำความมุ่งมั่นในการดำเนินงานเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของชาวไทยมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านการส่งเสริมการศึกษาให้เยาวชนไทยรับการศึกษาที่สูงขึ้น
Dr. Michelle Bligh ผู้แทน Claremont Graduate University สหรัฐฯ กล่าวเป็นเกียรติที่พบกับนายกรัฐมนตรีในวันนี้ และยินดีที่หนึ่งในผู้สำเร็จการศึกษาของ Claremont Graduate University ได้ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งสูงสุดในประเทศไทย ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจให้กับนักศึกษาไทยปัจจุบันของ Claremont Graduate University พร้อมขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่สร้างเส้นทางสู่อนาคต และทำในสิ่งที่ดียิ่งขึ้นแก่ผู้อื่น พร้อมขอให้นายกรัฐมนตรีสนับสนุนเพื่อสร้างโอกาสให้ผู้นำไทยในอนาคตได้มีโอกาสศึกษาที่ Claremont Graduate University มากขึ้น
Dr. Michelle Bligh ชื่นชมพัฒนาการของไทยในด้านสิทธิมนุษยชน เช่น การผ่านร่าง พ.ร.บ. สมรสเท่าเทียม การให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่เมียนมา เป็นต้น นอกจากนี้ ไทยและสหรัฐฯ ยังมีความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างกันที่ใกล้ชิด โดยเฉพาะในด้านวิทยาศาสตร์ วัฒนธรรม การค้าการลงทุน และความสัมพันธ์ทางการทูต ซึ่งเชื่อมั่นว่าการดำเนินงานของนายกรัฐมนตรีมีส่วนสำคัญสนับสนุนความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศให้ใกล้ชิดยิ่งขึ้น
ด้าน นายวทัญญู สุขเสงี่ยม ผู้แทนศิษย์เก่า Claremont Graduate University ในประเทศไทย กล่าวเป็นเกียรติที่ได้พบนายกรัฐมนตรีในวันนี้ พร้อมชื่นชมความเป็นผู้นำของนายกรัฐมนตรี ซึ่งสะท้อนค่านิยมของ Claremont Graduate University ที่ว่า Multa lumina lux una หรือ Many lamps, one light พร้อมขอบคุณสำหรับความทุ่มเทของนายกรัฐมนตรี นำมาซึ่งความภาคภูมิใจแก่ชาวไทย และผู้สำเร็จการศึกษาจาก Claremont Graduate University ทุกคน โดยพร้อมให้ความร่วมมือกับนายกรัฐมนตรี เพื่อสนับสนุนให้นักศึกษาไทยได้มีโอกาสไปศึกษาต่อยัง Claremont Graduate University มากขึ้น
ทั้งนี้ Claremont Graduate University มีการมอบรางวัลให้แก่ศิษย์เก่าที่ทำคุณประโยชน์ในด้านต่าง ๆ มาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2518 โดยรางวัล The President’s Award of Service จะพิจารณามอบแก่บุคคลที่ทำคุณประโยชน์แก่สาธารณะ ส่งเสริมการพัฒนาของมนุษยชาติ และสนับสนุนสิทธิมนุษยชน โดยนายกรัฐมนตรีถือเป็นศิษย์เก่าคนไทยคนแรกที่ได้รับรางวัลดังกล่าว
ต่อมา นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เปิดเผยอีกครั้งว่า ดีใจและเป็นเกียรติมาก ๆ ที่ได้รับรางวัล President’s Award of Service จาก Claremont Graduate University และตนจะตั้งใจทำงานในหน้าที่นายกรัฐมนตรีให้ดีที่สุด ให้ควรค่าแก่รางวัลที่ได้รับจากมหาวิทยาลัย และคู่ควรกับโอกาสที่ได้มาทำงานเพื่อพี่น้องคนไทยทุกคน
(I am very humbled and honored to receive the President’s Award of Service from the Claremont Graduate University today. It is still too early to say what my achievements as the Prime Minister are as there is still more than a third of my term left. However, I am determined to use the remaining time to do my very best in the interest of the country and all Thai people.)
นายกรัฐมนตรี เปิดเผยความรู้สึกหลังจากได้รับรางวัลว่า รู้สึกแปลกใจ และแน่นอนว่ารู้สึกดีใจด้วย เนื่องจากไม่เคยได้รับรางวัลเหล่านี้มาก่อน ซึ่งการที่มาเป็นนายกรัฐมนตรีและได้รางวัลนี้ถือว่าเป็นรางวัลที่มีคุณค่ามากอย่างหนึ่ง แต่ส่วนตัวมองว่าการที่จะได้รับการยอมรับ เราจะต้องได้ทำอะไรมาบ้างพอสมควรแล้ว ซึ่งผมเองก็ต้องมีความซื่อตรงต่อตัวเองว่าภารกิจเรายังอยู่ระหว่างการดำเนินการ เนื่องจากเราเพิ่งเป็นรัฐบาลได้เพียงแค่ปีเดียว ก็หวังว่า หลังจากช่วงที่จบเทอมแล้ว ในเรื่องของความรู้สึกที่ได้รับรางวัลนี้คงจะมีความภูมิใจ มากกว่านี้
นายเศรษฐา เล่าย้อนความหลังสมัยที่ศึกษาที่ Claremont Graduate University ว่าช่วงนั้นหากใครที่จบปริญญาตรีแล้ว หลายๆท่านจะพยายามที่จะออกไปหาประสบการณ์ไปทำงานก่อน เพื่อจะได้มาสมัครเรียนมหาวิทยาลัยที่ดี ๆ ต่อ เนื่องจากอยู่ในข้อกำหนดของมหาวิทยาลัยว่าต้องมีประสบการณ์การทำงาน แต่ตัวผมเองในตอนนั้นผมอยู่ที่ต่างประเทศมานานมากแล้ว และผมก็ไม่อยากที่จะทำงาน แล้วค่อยกลับไปเรียนต่อ ผมอยากที่จะกลับบ้าน กลับประเทศไทยทีเดียว ผมเลยเลือกที่จะศึกษาต่อให้จบ ผมก็สมัครมาที่ Claremont Graduate University ซึ่งถือว่าเป็นสถาบันการศึกษาที่ดี และในข้อกำหนดของทางมหาวิทยาลัยก็ไม่ได้กำหนดว่าจะต้องทำงานมาก่อน ก็ถือว่าเป็นโชคที่ดีในตอนนั้นที่เขารับและให้เข้าศึกษาได้
สำหรับบรรยากาศตอนนั้น ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี และถือว่าเป็นสถาบันการศึกษาที่ดี อยู่นอกเมืองอยู่ห่างไกลจากย่านความเจริญแถบลอสแอนเจลิสถึงประมาณ 45 นาที ทำให้เราซึบซับบรรยากาศการใช้ชีวิตในโรงเรียนได้อย่างเต็มที่ ได้ใช้ชีวิตนักเรียนที่เหมาะสม ไม่ต้องอยู่กับแสงสีเสียง ที่สำคัญในย่านดังกล่าวเป็นจุดที่มีสถาบันการศึกษาที่มีชื่อเสียง 5 แห่งอยู่ในย่านใกล้ๆ กัน ซึ่งแต่ละแห่งมีนักเรียนประมาณ 2-3พันคน ซึ่งเป็นจำนวนที่กำลังเหมาะสม และถือว่าเป็น Ivy League of the west หรือกลุ่มของมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงระดับแนวหน้าของสหรัฐอเมริกา ในย่านดังกล่าวอีกด้วย ซึ่งผมเอง ผมจำได้ว่าการตั้งชื่อถนนในมหาวิทยาลัยที่มีชื่อถนนอาทิ Cornell , Harvard , Yale เป็นต้น โดยถือว่าเป็นโรงเรียนที่มีสภาพแวดล้อมที่น่ารักและอบอุ่น ซึ่งในช่วงนั้นที่ผมได้เข้าไปศึกษาถือว่ายังเป็นเด็กอยู่ อายุประมาณ 22ปี รู้สึกได้ว่าเป็นบรรยากาศที่ดีอบอุ่น รู้สึกถึงความเป็นครอบครัว ที่เราสามารถเข้าถึงศาสตราจารย์ คณาจารย์ผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆได้เต็มที่ ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ดี และความอบอุ่นนี้ทำให้เราปรับตัวได้ในตอนเรียนอย่างดีมาก ๆ
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ซึ่งจากการหารือกับคณาจารย์ที่มาพบในวันนี้ก็เล็งเห็นว่า อยากให้มีการส่งเสริมนักเรียน-นักศึกษาไทยไปศึกษาต่อที่ต่างประเทศมากขึ้น ผมเชื่อว่า ชื่อเสียงของ Claremont Graduateโดยเฉพาะอย่างยิ่งด้าน MBA ที่มีสำนักของ Peter F Drucker ซึ่งเป็นปรมาจารย์ด้านการจัดการบริหารองค์กรธุรกิจสมัยใหม่ ที่มีชื่อเสียงมาก ผมเชื่อว่าที่สถาบันแห่งนี้จะสามารถผลักดันนักเรียนได้อย่างดียิ่ง นายกฯ ระบุในช่วงท้าย