ยอดกุนซือทะลุมิติ 6 สำนักพิมพ์มติชน มู่อี้ เขียน กระดิ่งหยก แปล จำนวน 367 หน้า ราคา 260 บาท

ติดตามบทบาทของเมิ่งเทียนฉู่ ยอดกุนซือ ที่ย้อนมิติกลับมายุคราชวงศ์หมิงและเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องเข้าไปพัวพันกับคดีที่เขามองว่ามีความเชื่อคร่ำครึ ทว่า ณ เวลานั้นความเชื่อเหล่านี้ยังคงตัดสินชีวิตคนได้ ทำให้หลายคนต้องดิ้นรนเอาชีวิตรอดจากจารีตโบราณที่สืบทอดอิทธิพลมาจากความเชื่อตามคำสอนของสำนักขงจื่อ

คดีศพไม่สมประกอบของหญิงหม้ายผู้รักษาจารีตยังไม่ทันคลี่คลาย ฮูหยินรองสกุลเมิ่งก็โดนสำนักป่าสกุลยินกักตัว ไม่รู้ชะตากรรม ส่วนฮูหยินสามก็เผชิญอุปสรรคยามคลอดลูกถึงขั้นไปเยือนประตูยมโลก เมิ่งเทียนฉู่จับพลัดจับผลูเข้าไปพัวพันกับคดีใหญ่ที่เกี่ยวพันถึงฮ่องเต้ ต่อมาเกิดเหตุบุตรสาวสกุลหวูผูกคอตายปริศนาในห้องนอน พยานผู้พบเห็นคนสุดท้ายมีเพียงสาวใช้ข้างกายและอาจารย์สำนักศึกษาที่โบกมือทักทายจากนอกหน้าต่าง

ขณะที่การงานของเขากำลังรุ่งโรจน์ ถูกตาต้องใจขุนนางใหญ่ในเมืองหลวง ภยันตรายก็พร้อมใจประดังประเดมาจากทุกสารทิศ บีบคั้นให้กุนซือหนุ่มต้องปกป้องชีวิตและครอบครัวสุดกำลัง ท่ามกลางสถานการณ์ที่ต้องอยู่อย่างห่วงหน้าพะวงหลัง

ทุกการตัดสินใจและเลือกหนทางแก้ไขปัญหา จึงย่อมนำไปสู่บทต่อไปของชีวิต

จีน 3 มิติ จัดพิมพ์โดย วิทยาลัยนานาชาติปรีดี พนมยงค์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จำนวน 276 หน้า ราคา 200 บาท

หนังสือรวมบทความคัดสรรจากผู้ทรงคุณวุฒิทั้งชาวไทยและชาวจีน (ที่ส่วนใหญ่เป็นนักวิชาการประจำมหาวิทยาลัยปักกิ่งที่ล้วนแล้วแต่เป็น “ตัวจริงเสียงจริง”) ซึ่งมาร่วมสอนในหลักสูตรจีนศึกษาของวิทยาลัยนานาชาติปรีดี พนมยงค์ ที่เคยตีพิมพ์ในจุลสารจีนศึกษามาก่อนแล้ว เพื่อเผยแพร่บทวิเคราะห์ทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจและสังคม โดยนำมาเสนอทั้งภาษาไทยและภาษาจีน หวังส่งเสริมการศึกษาเกี่ยวกับประเทศจีนในแวดวงวิชาการไทย แต่ก็เหมาะสำหรับผู้อ่านทั่วไปที่สนใจความเป็นไปของมหาอำนาจจีนในปัจจุบันด้วย

ในเล่ม แวดล้อมไปด้วยเนื้อหาน่าสนใจ เช่น ประชาธิปไตยแบบอำนาจนิยมของจีน, พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีนใช้วิธีการอย่างไรในการปกครองประเทศ, การปราบคอร์รัปชั่นของ สี จิ้น ผิง, สังคมนิยมแบบมีอัตลักษณ์ของจีน, กองทัพกับการเมืองการปกครองจีน, ความแตกต่างระหว่างคนรวยกับคนจนในประเทศจีนปัจจุบัน, เศรษฐกิจจีนภายใต้สภาวการณ์ใหม่, การพัฒนารถไฟความเร็วสูงของจีนกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ, การปรับยุทธศาสตร์การต่างประเทศที่มีต่อประเทศเพื่อนบ้านของ สี จิ้น ผิง กับความสัมพันธ์ไทย-จีน เป็นต้น

ผู้สนใจหาซื้อได้ที่วิทยาลัยนานาชาติปรีดี พนมยงค์ โทร. 0-2613-3701 ถึง 5 และศูนย์หนังสือธรรมศาสตร์
JAGUAR จากัวร์ สำนักพิมพ์สถาพรบุ๊คส์ ชญาน์พิมพ์ เขียน จำนวน 335 หน้า ราคา 230 บาท

“อดิเลีย จอห์นสัน” บุตรสาวคนโตของนักธุรกิจเมืองผู้ดีที่คิดจะมาทำธุรกิจที่อเมริกา แต่กลับโดนโจมตีขบวนรถไฟระหว่างเดินทางโดย “อินเดียนแดง” เหตุการณ์นี้ทำให้เธอถูกลักพาตัวไปชั่วขณะโดย “เจค แห่งฮังค์ปาปา” ชายหนุ่มผู้ที่ไม่เคยมีใครรู้จักตัวตนที่แท้จริง เขาฉลาด เก่งกาจ และกล้าหาญ สมชื่อ “ไวต์จากัวร์” ที่แฝงตัวสืบเสาะแผนการที่เหล่าคนขาวผู้ละโมบคิดกระทำต่อเผ่าซู

ด้วยเหตุผลอะไรก็ตามแต่ เจคถูกใจอดิเลียยิ่งนัก เขาจึงปล่อยเธอไป แต่การถูกลักพาตัวนั้น ทำให้เธอถูกผู้ดีติฉินนินทาอย่างหนัก สบช่องให้ “เอ็ดเวิร์ด ฮันทิงตัน” หลานชายเจ้าของสัมปทานรถไฟ ใช้โอกาสนี้ขอหมั้นสตรีรูปสวยรวยทรัพย์ผู้นี้ เพื่อที่จะใช้ประโยชน์จากเงินทองของเธอมา “ทำการใหญ่” คือ การขับไล่และแย่งทองจากพวกอินเดียนแดง

เจค เข้ามาตีสนิทกับเอ็ดเวิร์ด ในนาม “เจค ทัลบอต” เพราะต้องการหาข่าว ทำให้ต้องมาพบกับอดิเลียอีกครั้ง แต่ใช่ว่าความสัมพันธ์ทั้งคู่จะราบรื่น ใต้ความไม่สบอารมณ์กับชายหนุ่มรูปงามคนนี้ สิ่งเดียวที่ทำให้อดิเลียประหลาดใจคือ ดวงตาสีเขียวงดงามของเจค ช่างละม้ายคล้ายกับของอินเดียนแดงผู้ที่เคยลักพาตัวเธอยิ่งนัก!

ความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะเป็นอย่างไร เจคจะถูกจับได้และช่วยชนเผ่าของ “ตนเอง” ได้หรือไม่ ต้องติดตาม

ถนนนอกเมือง สำนักพิมพ์แสงดาว นิเวศน์ กันไทยราษฎร์ เขียน จำนวน 192 หน้า ราคา 140 บาท

กว่า 50 ปีที่ “นิเวศน์ กันไทยราษฎร์” จรดปลายปากกาอยู่ในบรรณพิภพ มีผลงานมากมายให้หนอนหนังสือและนักอ่านทั่วไป ได้หยิบมาเสพเป็นอาหารสมอง

“ถนนนอกเมือง” เป็นหนึ่งในงานเขียนประเภทนวนิยายที่เคยตีพิมพ์ในนิตยสารสตรีสาร ได้รับแรงบันดาลใจจากการได้เห็นสภาพสังคมที่พัฒนาอย่างรีบเร่ง การขยายตัวของชุมชนเมือง ที่เน้นไปในทาง “พัฒนา” ทางวัตถุเสียมากกว่า ภายใต้เป้าหมาย เพื่อ “ความเจริญ” แต่ในความรีบเร่งนั้น ได้นำพาให้เกิดผลกระทบต่อวิถีชีวิตของผู้คน รวมทั้งวัฒนธรรมตามมาด้วย

เรื่องราวเล่าผ่านตัวละครหนุ่มน้อยที่มีชื่อว่า “บุญเหลือ” เขาเกิดมาในครอบครัวของผู้ใช้แรงงาน มีชีวิตที่ตื่นเต้น ตื่นตาตื่นใจกับสิ่งที่ได้พบเห็น ตั้งคำถามกับเรื่องราวต่างๆ อันน่าฉงนฉงายที่เข้ามาในชีวิต จวบจนกระทั่งวันหนึ่งสภาพเดิมๆ ของชีวิตเขาได้เปลี่ยนไป เมื่อความเจริญย่างกรายเข้ามา “ถนนแห่งความเจริญ” พาดผ่านเข้ามายังบริเวณที่เขาอาศัยอยู่ และเพราะวิถีชีวิต เพราะความเป็นคนจน ทำให้เขาต้องจำยอมเอาชีวิตถอยร่นออกมาจากถนนสายนั้น ต้องระหกระเหินไปอาศัยอยู่ที่ใหม่ที่เรียกว่า “กองขยะ”

นวนิยายเรื่องนี้ แม้จะมีอายุกว่าเกือบ 40 ปีมาแล้ว แต่ก็ยังทันสมัยอยู่ เพราะยังให้ภาพสะท้อนความน่าสะเทือนใจของสิ่งที่เกิดขึ้น และเมื่อมองเหลียวย้อนกลับไป ถนนนอกเมืองสายนั้น ก็ยังคงคืบคลานเข้าหาผู้คนอยู่เป็นระยะ ทำให้ยังมีคนจนๆ ต้องถอยร่นไปสู่กองขยะอีกนับไม่ถ้วน

คํา คม คิด

“เราควรหยิบยกเอาประวัติศาสตร์เดือนตุลาขึ้นมาไว้ในหลักสูตรมัธยม ก็เพราะในเชิงสัญลักษณ์ อุบัติการณ์เดือนตุลาเป็นเส้นแบ่งระหว่างไทยเก่ากับไทยใหม่ที่ชัดเจน และคนไทยที่มีชีวิตอยู่ในยุคสมัยปัจจุบัน จะต้องเข้าใจความเปลี่ยนแปลงตรงนี้ให้ดี”

นิธิ เอียวศรีวงศ์ จากหนังสือ การเมืองของประวัติศาสตร์และความทรงจำ