Whisper of the Heart “แด่ทุกคนที่มีฝัน”

เครดิตภาพประกอบ rotoscopers.com

…เด็กสาวคนหนึ่งเดินหลงทางอยู่ใน “ถ้ำแห่งความฝัน” ซึ่งเจ้าตัวเองก็ยังคงหาทางออกไม่เจอ และกำลังเดินป้วนเปี้ยน ล้มลุกคลุกคลาน ไม่ช้าไม่นานร่างกายก็เหนื่อยล้า อ่อนแรง เด็กสาวจึงตัดสินใจหยุดเดินและฟุบตัวลงกับพื้น จิตใจไร้เรี่ยวแรงแทบหมดหวัง ถ้าเธอไม่บังเอิญเจอชายหนุ่มยื่นมือเข้ามาจับไว้และก้าวเดินไปพร้อมกัน

“ชิซึกุ” คือชื่อของเด็กนักเรียนหญิงชั้นมัธยมต้นคนนั้น

เธอชอบเขียนหนังสือ เวลาว่างส่วนใหญ่มักหมดไปกับการนั่งอ่านหนังสืออยู่ในห้องสมุดที่พ่อของเธอทำงานอยู่

เวลานี้เธอกำลังแต่งเพลงให้เพื่อนๆ เพื่อขับร้องในวันงานโรงเรียน

แต่เนื้อเพลง Country Road ของเธอก็ยังไม่ได้ดังใจต้องการสักที

วันหนึ่งเธอบังเอิญเจอเจ้าแมวอ้วนฉุตัวหนึ่ง มันนั่งอยู่บนรถไฟฟ้าอยู่ข้างๆ เธอ

พอถึงที่หมายเจ้าแมวก็กระโดดลง เธอจึงเดินตาม ติดตามเจ้าแมวหง่าวไปอย่างไม่ลดละ

สุดท้ายเจ้าแมวหน้าทะเล้นก็มาหยุดอยู่ตรงหน้าบ้านหลังหนึ่ง

ซึ่งมันทำให้เธอประหลาดใจไม่น้อยว่าละแวกไม่ไกลจากตัวเมืองเล็กๆ ที่เธออาศัยอยู่ เหนือขึ้นไปจะมีบ้านหลายต่อหลายหลังเรียงรายอยู่

เด็กสาวได้เข้ามายังร้านขายของเก่า และได้พบรูปปั้นแมวหุ่นเพรียวงามระหง แววตาจรัสแสงระยิบระยับ

แถมยังได้ตื่นตาตื่นใจกับประวัติความเป็นมาของนาฬิกาโบราณที่เล่าถึงตำนานหญิงผู้สูงศักดิ์กับชายผู้ต่ำต้อยที่ไม่มีทางเอื้อมถึงกันจากคุณตาใจดีที่เป็นเจ้าของร้าน ซึ่งเล่าเรื่องราวต่างๆ ให้เธอฟังอย่างสนุกสนาน จนหลงลืมเวลาที่ผ่านไปอย่างรวดเร็ว

ไม่นานชิซึกุจึงได้รู้ว่าชายหนุ่มที่ชื่อ “เซย์จิ” คนที่ชอบยืมหนังสือเหมือนเธอทุกครั้ง เป็นคนเดียวกับที่เคยล้อเพลงที่เธอแต่ง และเป็นหลานรักที่พักอาศัยอยู่กับคุณตาใจดีบนเนินเขาแห่งนี้

ชิซึกุได้มาเห็นความสามารถพิเศษในตัวของเซย์จิ ที่นอกจากจะเป็นนักทำไวโอลินที่เก่งแล้ว เขายังเป็นนักเล่นไวโอลินที่มีฝีมือคนหนึ่ง

เซย์จิเล่าความฝันให้ชิซึกุฟังว่าเขาอยากเป็นมืออาชีพทางด้านทำไวโอลินและความเป็นมืออาชีพนี้จะพัฒนาได้ก็ต่อเมื่อไปอยู่ในดินแดนบ้านเกิดของประเทศที่ผลิตไวโอลิน อย่าง “อิตาลี”

เซย์จิให้สัญญาว่า เมื่อเรียนการทำไวโอลีนสำเร็จดังตั้งใจเขาจะกลับมาหาเธอ

หลังจากวันนั้นชิซึกุจึงเริ่มถามตัวเองอย่างเป็นจริงเป็นจังว่า แล้วตัวเธอต้องการอะไรกันแน่ในชีวิต!

ไม่ช้าคำตอบนั้นก็ระบุชัดว่าเธอ “อยากเป็นนักเขียน”

ชิซึกุจึงทดสอบความสามารถในด้านนี้ของตัวเองด้วยการฝึกปรือเขียนนิยายระหว่างรอชายหนุ่มกลับมา นั่นคือความมุ่งมั่นอันแรงกล้าครั้งแรกในชีวิตที่เธอนึกอยากจะฝ่าฟัน

ไม่นานหลังตรากตรำอยู่กับตัวเองและจดจ่ออยู่กับหน้ากระดาษแผ่นแล้วแผ่นเล่า นิยายเล่มแรกในชีวิตของเด็กสาวก็เสร็จสมบูรณ์ เธอจึงรีบนำมันมาให้คุณตาใจดีอ่านอย่างที่เคยสัญญาไว้

หลังอ่านจบ-คุณตาบอกว่ามันยังไม่สมบูรณ์นัก…

เด็กสาวถึงกับร้องไห้ ใช่ว่าเธอฟูมฟายเพราะถูกตำหนิติเตียนในข้อบกพร่องของงานเขียนชิ้นแรก

แต่เธอร้องไห้เพราะ “ดีใจ” ว่านั่นเป็นคำชมครั้งแรก และเป็นงานเขียนชิ้นแรกในชีวิตที่เธอมุมานะเขียนมันได้จนจบ

…คืนนั้นเธอเดินกลับบ้านมาด้วยความปลาบปลื้มใจที่สามารถพิสูจน์ได้ว่าอย่างน้อยตัวเองก็ทำได้…แม้ไม่ดีที่สุดก็ตาม

เครดิตภาพประกอบ rotoscopers.com

ฉากน่าประทับใจฉากหนึ่ง-อยู่ในฉากที่ทุกคนต่างไม่พอใจกับการกระทำอันดื้อรั้นและเกินขอบเขตของตัวเด็กสาว ทั้งแม่และพี่สาวต่างก่นด่าว่าต่างๆ นานาที่เจ้าตัวตัดสินใจไม่เรียนต่อ

ส่วนตัวพ่อกลับได้แต่นิ่งเฉยมองความเป็นไปของลูกอยู่ห่างๆ หากถามว่าประทับใจอะไรในฉากที่เหมือนไม่มีอะไรฉากนี้

ผู้เขียนตอบได้ทันทีเลยว่า ประทับใจในความเป็นพ่ออย่างสุดซึ้งที่พยายามทำความเข้าใจในความตั้งใจของลูกสาวก่อนในเบื้องต้น โดยไม่คิดค้านหรือถามเหตุผลว่าทำไมการเรียนถึงตกต่ำ ค่ำคืนไม่ยอมหลับยอมนอนมัวทำอะไรอยู่

และที่สำคัญคือไม่ซ้ำเติมกับความฝันเล็กๆ ที่ยังมองไม่เห็นของตัวลูกสาว

ระยะสายตาที่มองอยู่ห่างๆ นี้ ทำให้คำพูดในเวลาต่อมา หลังชิซึกุกลับจากบ้านคุณตาใจดีมาหลับผล็อยว่า “ได้พักผ่อนซักที” จึงมีความหมายอย่างลึกซึ้งและเปี่ยมไปด้วยรักและเอ็นดูมาโดยตลอดอย่างแท้จริง

อีกฉากที่ไม่พูดถึงคงไม่ได้เลย คือตอนที่เซย์จิกลับมาหาชิซึกุและพาเธอนั่งซ้อนท้ายปั่นจักรยานขึ้นบนทางลาด

ฉากดังกล่าวบอกเป็นภาพของการปั่นจักรยานเทียบเคียงกับความฝันได้ชัดเจน

ชายหนุ่มพูดทำนองว่าจะพาชิซึกุขึ้นไปให้ได้

แต่เมื่อเธอเห็นถึงพละกำลังอันอ่อนล้าของฝ่ายชาย เธอจึงลงจากเบาะท้ายและบอกว่า ไม่อยากเห็นเซย์จิต้องเหนื่อยอยู่คนเดียว

“เราต้องช่วยกัน”

และนั่นก็ทำให้เราได้เห็นภาพที่เซย์จิเร่งถีบปั่นจักรยานขึ้นเนินโดยมีชิซึกุคอยช่วยดันขึ้นอีกแรง

ฉากดังกล่าวจึงไม่ต่างไปจากความฝันของคนทั้งคู่ที่ต้องช่วยกันทั้งผลักและดันไปให้ถึงฝั่งฝัน

หากใครคนหนึ่งล้มอีกคนก็จะช่วยประคองและลุกก้าวไปพร้อมกัน

เครดิตภาพประกอบ rotoscopers.com

มนุษย์เราทุกคนก็คงเป็นเช่นนี้ ทุกคนต่างมีความฝัน ฝันมากฝันน้อยต่างกันไป แต่ฝันจะหดเล็กเหลือเล็กนิดเดียวก็ต่อเมื่อเราขาดไร้ซึ่ง “กำลังใจ” และ “คนที่คอยเข้าใจ” คอยเกื้อหนุน

ซึ่งทั้งเซย์จิและชิซึกุต่างก็มีให้กันอย่างละครึ่งพอดิบพอดี และช่วยกันหล่อเลี้ยงความฝันชนิดมิขาดพร่อง วันข้างหน้าความฝันของทั้งสองจะถึง “ฝั่งฝัน” หรือ “ล้มลงกลางทาง” ก็ไม่ใช่เรื่องน่าผิดหวังหรือขมขื่นแต่อย่างใด ในเมื่อวันนี้หัวใจของทั้งคู่กล้าที่จะฝันและโบยบินไปพร้อมกัน

Whisper of the Heart จึงเป็นแอนิเมชั่นอีกเรื่องของจิบลิที่ยังฝากความประทับใจและก่อเกิดแรงดลใจดีๆ ทุกครั้งที่ได้ดู…โดยเฉพาะทุกคนที่มีฝัน