ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 19 - 25 พฤศจิกายน 2564 |
---|---|
คอลัมน์ | การ์ตูนที่รัก |
ผู้เขียน | นพ.ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์ |
เผยแพร่ |
ด.ญ.ดั่งใจ Little Miss Dungjai
ด.ญ.ดั่งใจ Little Miss Dungjai หนังการ์ตูนสั้นความยาว 7 นาทีกว่า ดูได้ในยูทูบ
ไม่มีบทพูด นอกจากคำพูดว่า “ไม่ยอม” ซ้ำหลายๆ ครั้งในตอนท้าย มีดนตรีประกอบและภาพลายเส้นที่ค่อนข้างเร็ว บางช่วงไม่เข้าใจว่าจะสื่ออะไรแต่ถ้าดูภาพรวมก็พอจะเข้าใจ
อย่างไรก็ตาม เป็นไปได้ว่าคนที่ได้ดูจะเข้าใจต่างกันและไม่เท่ากัน
เปิดฉาก มีธงไตรรงค์ แสดงว่าเรื่องราวเกิดขึ้นที่นี่ เด็กหญิงคนหนึ่งยืนอยู่ท่ามกลางเด็กชายในเครื่องแบบ ตีความว่าเป็นลูกเสือ ทุกคนยืนเข้าแถว หน้าแถวเป็นคุณครู น่าจะเป็นครูใหญ่ ครูใหญ่หน้าดุ ทรงผมเหมือนเขาแหลมสองข้างชวนให้คิดถึงซาตาน
ครูใหญ่ชี้นิ้วไปที่ท้องของเด็กหญิง ปรากฏเป็นก้อนสีแดงหลุดออกจากร่างของเด็กหญิง ฉากนี้เร็วมากชวนให้คิดถึงหัวใจเป็นอย่างแรก ใครบางคนนำหัวใจนั้นมาสับเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
ครูใหญ่วัดเส้นผม วัดกระโปรง แขวนป้ายเขียนว่า “เด็กไม่ดี”
เด็กหญิงถูกพาเข้าห้องมืด มีเสียงพูดใส่หูเธอต่างๆ นานาฟังไม่ได้ศัพท์ การ์ตูนวาดรูปใบหูขนาดใหญ่ที่มีใครกรอกหูเธอทั้งสองข้าง
เด็กหญิงจนตรอก หน้าซีด ถูกขนาบด้วยตุ๊กตาที่ชวนให้คิดถึงหุ่นดิน หุ่นดินหลากสีรายล้อมเด็กหญิง บีบรัดเข้ามาแล้วเด็กหญิงก็อ้วกเป็นน้ำดีสีเขียวเต็มหน้าจอ
เปลี่ยนภาพอย่างเร็วพร้อมดนตรีเร่งเร้า มีสายรัดคอเด็กหญิง ภาพวาดเด็กหญิงถูกลดทอนลงเป็นเพียงภาพลายเส้นเหมือนตุ๊กตาลอยละล่องลงพื้นน้ำ เธอนอนหงายบนผิวน้ำ หน้าตาหวาดกลัวและเศร้าสร้อยในตอนแรกก่อนจะยิ้มแล้วจมลงไป
จอมืดลง ทั้งหมดที่เล่ามาใช้เวลา 2 นาที 14 วินาที
หากตีความบางรูปผิดก็ขออภัย แต่เรื่องราวก็เป็นไปตามขนบของวัฒนธรรมการวิจารณ์เมื่อท่านปล่อยผลงานสู่สาธารณะ สาธารณะและนักวิจารณ์มีสิทธิ์ตีความเนื้อเรื่องและเนื้อหาที่ได้เสพ ท่านอาจจะต้องการสื่อเรื่องหนึ่ง แต่ผู้เสพอาจจะเสพได้เท่าที่ได้
ที่เก็บเกี่ยวได้คือเด็กหญิงถูกดัชนีของครูใหญ่ปีศาจซึ่งมีอำนาจเหนือกว่ามากควักเอาหัวใจเธอไปทำลาย จากนั้นส่งเธอเข้าห้องมืด แล้วส่งใครบางคนมากรอกหูไม่หยุดยั้ง ตอนที่เธออ้วกตุ๊กตาที่ล้อมรอบเธอดูเหมือนจะกลายเป็นแม่และครอบครัวของเธอเองที่กดดันเธอซ้ำ
เมื่อโรงเรียนทำลายเธอ เมื่อบ้านกดดันเธอ เธอก็จากไป
ผมเข้าใจเท่านี้
วินาทีถัดมา มือข้างหนึ่งดึงเธอขึ้นมาจากใต้น้ำ แล้วปล่อยลงกับพื้นแตกเป็นชิ้นๆ ตอนที่เธอขึ้นจากน้ำลายเส้นเป็นหุ่นที่มีระยะชัดลึกสามมิติ หลังจากเธอตกลงพื้นหักเป็นชิ้นๆ เธอจะปรากฏตัวอีกครั้งเป็นภาพลายเส้นสองมิติในห้องเรียน
หน้าชั้นเป็นคุณครูผู้ชายหน้าดุอีกคนหนึ่ง มีธงไตรรงค์อีกแล้ว เขาชี้นิ้วมาที่เธอ วัดความยาวของปลายผม และความยาวของกระโปรง จากนั้นชี้นิ้วไปที่เพื่อนนักเรียนหญิงซึ่งนั่งข้างเธอ เพื่อนนักเรียนหญิงแสดงสีหน้าหวาดกลัว
ครั้นคุณครูหน้าดุหันหลังเขียนกระดาน เด็กหญิงของเราลุกขึ้นยืนแล้วชี้กลับ พูดอะไรบางอย่างที่ฟังไม่ออกแต่สื่อความหมายว่าแข็งขืน ครูผู้ชายหน้าดุหันกลับมาใบหน้าคล้ายคลึงครูใหญ่ปีศาจตอนต้นเรื่อง
ครูใหญ่ปีศาจทำอะไรบางอย่าง ตัดมือเด็กหญิง มือและแขนท่อนปลายที่ถูกตัดกลายเป็นหินตกลงพื้นแตกกระจาย เพื่อนๆ ทั้งห้องร้องอุทาน หนังฉายมา 3 นาที 44 วินาที
ทั้งห้องนิ่งเงียบ ทันใดนั้นเพื่อนนักเรียนชายคนหนึ่งหัวเราะเยาะเธอ แต่เศษหินที่พื้นลอยขึ้นมาประกอบเป็นมือใหม่ให้แก่เด็กหญิง ใบหน้าเด็กหญิงกลายเป็นปีศาจสีม่วงคล้ำ ไม่มีลูกตา เธอกรีดนิ้วตัดร่างกายเด็กชายที่หัวเราะเยาะเธอขาดสองท่อน
ครูผู้ชายหันมาแล้วยิ้มอย่างพึงพอใจ
เด็กหญิงกลายเป็นปีศาจม่วงแล้ว เธอกวาดนิ้วชี้ตัดนักเรียนขาดกลางทั้งห้อง เธอทำไปหัวเราะไปจนกระทั่งกลายเป็นคุณครูในเครื่องแบบคนใหม่
พลังอำนาจของเธอสูงขึ้นทุกที เธอหัวเราะบ้าคลั่ง สายฟ้าปรากฏรอบตัวเธอน่ากลัว เธอชี้นิ้วลงไปที่เด็กชายคนหนึ่งในชุดลูกเสือ เขาต้องตายแน่
ทันใดนั้นเด็กชายในชุดลูกเสือชี้นิ้วน้อยๆ ของเขาหยุดนิ้วปีศาจของคุณครูคนใหม่ได้ เสียงดัง “ติ๊ง” แล้วหนังก็หยุดนิ่งที่นาทีที่ห้า
คุณครูคนใหม่ในร่างปีศาจคืนร่างเป็นคุณครูธรรมดาหน้าซีดเผือด ในขณะที่เด็กชายในชุดลูกเสือขบเขี้ยวเคี้ยวฟันและหายใจหอบ จากนั้นมีนิ้วเล็กๆ นับร้อยรายล้อมคุณครูในชุดเครื่องแบบ เสียงพูด “ไม่ยอม” มากมายดังขึ้นรอบข้าง
“ไม่ยอมๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”
แล้วร่างของคุณครูในเครื่องแบบก็กลายเป็นหิน จากนั้นแตกหักร่วงลง
หนังจบที่ 5 นาที 48 วินาที แล้วขึ้นตัวหนังสือว่าผลิตโดย Primp Surapakpinyo และ Pattama Homrod
จากนั้นเปลี่ยนภาพเป็นมือหินของคุณครูตกอยู่บนพื้น แล้วขึ้นตัวหนังสือว่ากำกับโดย Primp Surapakpinyo และ Pattama Homrod เช่นเดิม
ที่เหลืออีกนาทีกว่าเป็นเอ็นด์เครดิต ซึ่งดูเหมือนว่าทั้งสองท่านจะทำทุกหน้าที่ หนังจบที่ 7 นาที 31 วินาที
ชัดเจนดีนะครับ วัฒนธรรมอำนาจสร้างคนรุ่นใหม่ที่ฝักใฝ่ในอำนาจ จนกระทั่งถึงคนรุ่นหนึ่งซึ่งจะไม่ยอมอีกต่อไป
จากเด็กหญิงดั่งใจที่สุดท้ายต้องสูญเสียชีวิตหรือตัวตนให้แก่สังคม แม้จะเกิดใหม่ก็เหมือนเดิม มิหนำซ้ำยังสืบทอดสังคมเดิมๆ จนกว่าจะถึงรุ่นที่ไม่ยอม