การ์ตูนที่รัก : ONE PIECE เล่ม 1 ถึง 23 ความมุ่งมั่นและความยืดหยุ่น / นายแพทย์ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์

นพ.ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์

 

ONE PIECE เล่ม 1 ถึง 23

ความมุ่งมั่นและความยืดหยุ่น

 

มังกี้ ดี ลูฟี่ มีความมุ่งมั่น เขาตั้งใจจะเป็นโจรสลัด ไม่ใช่สิ มิใช่โจรสลัด แต่เป็นจ้าวแห่งโจรสลัด จะทำเช่นนั้นได้เขาจะต้องเข้าไปในแกรนด์ไลน์เพื่อตามหาและครอบครองวันพีซ

สมบัติหนึ่งเดียวในใต้หล้า

หนังสือการ์ตูนที่มีความยาว ณ วันนี้ 98 เล่ม มีหลายประเด็นให้พูดคุย ตั้งแต่จิตวิทยาพัฒนาการไปจนถึงเรื่องการเมืองการปกครอง

เรามาดูเรื่องแรกก่อนคือจิตวิทยาพัฒนาการ

 

ตัวเอกในมังงะเด็กผู้ชายแทบทุกคนมีความมุ่งมั่น ยกตัวอย่างได้เป็นร้อยๆ เรื่อง ลูฟี่เป็นคนหนึ่งที่มีมากเป็นพิเศษและแสดงออกให้เห็นตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมาด้วยการพูดซ้ำ ทำซ้ำ และยืดซ้ำ

เขาพูด แหกปาก ตะโกน ใช้ฟอนต์หนาถมดำตัวใหญ่ในการดำเนินชีวิตและต่อสู้เรื่อยมา

โดยเฉพาะอย่างยิ่งฉากต่อสู้ที่ตนเองเป็นฝ่ายเสียเปรียบหรือเพลี่ยงพล้ำ เขาจะตะโกนไม่เลิกจนกว่าจะได้ชัยชนะ แล้วเขาชนะทุกที

จะว่าไปมังงะหลายเรื่องก็ออกจะโม้ๆ แต่พวกเขาก็โม้ซ้ำๆ อย่างไม่ยอมเหน็ดเหนื่อยจนกว่าจะเอาชนะและคว่ำผู้ร้ายได้ทุกครั้ง มองในแง่นี้ก็อดประหลาดใจมิได้ว่าการ์ตูนญี่ปุ่นไม่เกรงใจเลยที่จะพูดเรื่องเดิมเป็นร้อยพันครั้งในการ์ตูนนับร้อยพันเรื่องมานานหลายทศวรรษ

นั่นคือความมุ่งมั่น ไม่ท้อถอย ไม่ยอมแพ้ ล้มแล้วลุกเสมอ บาดเจ็บปางตายเลือดท่วมก็ไม่ปล่อย จนกว่าจะชนะศัตรูหรืออธรรม

เป็นการส่งข่าวสารเรื่องความมุ่งมั่นอย่างมุ่งมั่นจนคนรับสารต้องยอมแพ้

 

ลูฟี่มิได้แค่มีความมุ่งมั่น เขามีเป้าหมายชัดเจนคือเข้าแกรนด์ไลน์ไปเอาวันพีซมา เขาจึงหาเรือ หาผู้ช่วย หาต้นหน หานักดาบ หาพ่อครัว หาหมอประจำเรือ เขาทำไปทีละขั้นตอน เขาไม่รอให้ครบแล้วค่อยไป เขาเป็นพวกไปก่อนหาทีหลัง

“ยิงก่อน เล็งทีหลัง”

“สร้างสนามขึ้นมา พวกเขาจะมาเอง”

ภาษาจิตวิทยาพัฒนาการเรียกว่า construct เขาสร้างหรือค่อยๆ ประกอบร่างอนาคตแบบที่เขาต้องการขึ้นมาจนกว่าจะไปถึงเป้าหมาย นี่คือรากฐานของการศึกษาที่เรียกว่าการประกอบสร้างความรู้ หรือ constructivism ซึ่งประเทศเราไม่ยอมทำ

ความข้อนี้สำคัญ เด็กที่มี Executive Function (EF) ดีกว่าจะมีความคิดว่าตนเองเป็นผู้กระทำ มิใช่ผู้ถูกกระทำ เรียกว่ากระบวนทัศน์พัฒนา (growth mindset) เราคือบุคคลที่พัฒนาได้ มีพลวัต มิใช่อยู่นิ่ง ไม่ยอมถูกแช่แข็ง แตกต่างจากเด็กที่มีกระบวนทัศน์ผลลัพธ์ (fixed mindset) มักคิดว่าเราโง่ เราแย่ เราพัฒนาไม่ได้อีก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเพราะพ่อแม่หรือครูบอกมา

บางที ก็เป็นรัฐและผู้ปกครองที่บอกมา

ลูฟี่ไม่พบอะไรแบบนั้น ตอนเป็นเด็กเขาพบโจรสลัดผมแดงแชงคูส แชงคูสบอกแก่เขาว่าเขาพัฒนาได้ แชงคูสผมแดงพูดด้วยว่าแล้วจะรอดู ลูฟี่จึงประกอบสร้างอนาคตขึ้นอย่างช้าๆ ตลอดเส้นทางไปสู่วันพีซในแกรนด์ไลน์ ลูฟี่มีคุณสมบัติที่สำคัญของ EF ด้วย นั่นคือความยืดหยุ่น (flexible)

ลูฟี่มิเพียงคิดยืดหยุ่นได้ เขากินผลวิเศษเข้าไปทำให้ตัวเองกลายเป็นมนุษย์ยางยืด เขาจึงยืดหยุ่นได้ทั้งกายใจ และเป็นเช่นเดียวกับเรื่องทุกเรื่องในชีวิตนั่นคือทุกสิ่งมีราคาต้องจ่าย ทุกทางเลือกมีผลลัพธ์ ลูฟี่กินผลวิเศษเข้าไปไม่สามารถว่ายน้ำได้อีกเลย โจรสลัดตกน้ำไม่ได้จะเป็นจ้าวแห่งโจรสลัดได้อย่างไร

แต่มิใช่มีเพียงลูฟี่ที่กินผลวิเศษ ผู้ร้ายหลายคนกินผลวิเศษด้วย คนแรกคือกัปตันบากี้ เขากินผลวิเศษแยกส่วนเข้าไปแล้วสามารถแยกร่างกายออกเป็นชิ้นๆ ตามใจชอบโดยหารู้ไม่ว่านั่นคือจุดอ่อน แยกส่วนอาจจะดูดีแต่องค์รวมดูดีกว่าแน่ในตอนท้าย

เมื่อกัปตันบากี้ถูกสับเป็นชิ้นๆ เขาแยกส่วนร่างกายออกปฏิบัติการได้แต่การแยกส่วนทำให้สูญเสียคุณสมบัติขององค์รวม

จิตวิทยาง่ายๆ เช่นนี้ก็ไม่รู้จัก แบบนี้แพ้ลูฟี่ผู้มีความยืดหยุ่นอย่างแน่นอน

 

เมื่อถึงเล่ม 9 ลูฟี่พบว่าสาวนามิเป็นสายสืบของอารอน มนุษย์ครึ่งฉลามที่ปกครองและรีดนาทาเร้นชาวเมืองบนเกาะแห่งหนึ่ง อารอนเคยสังหารแม่เลี้ยงของนามิ เหลือพี่สาวของเธอเอาไว้ (ฉากลั่นกระสุนทะลุหัวแม่ของนามิเป็นฉากรุนแรงฉากหนึ่ง) วันนี้พี่สาวและชาวเมืองก้มหน้าก้มตาส่งส่วยให้แก่อารอนและกองทัพของมันทุกเดือน

“ตลอดเวลา 8 ปีที่ผ่านมาอย่าให้สูญเปล่า” เป็นผู้นำหมู่บ้านห้ามปรามชาวเมืองที่คิดสู้ตาย “ถ้าคิดจะสู้จนตัวตายไม่ยอมก้มหัวให้การปกครอง พวกเราก็คงทำตั้งแต่ตอนนั้นแล้วใช่มั้ย แต่พวกเราไม่ทำแบบนั้น พวกเราเลือกที่จะสู้กับความอดทน เพื่อการมีชีวิตอยู่ต่อไป”

นามิยินยอมเข้าเป็นพวกอารอนด้วยเงื่อนไขว่าจะหาเงินหนึ่งล้านยูนิตมาไถ่เมืองทั้งเมืองคืน

หลายปีที่ผ่านมานามิคอยช่วยเหลืออารอนปล้นสะดมจนเป็นที่ไว้วางใจของอารอน เมื่อหาได้ครบหนึ่งล้านยูนิตตามจำนวน อารอนตระบัดสัตย์และย่ำยีจิตใจของนามิซ้ำ เธอทรุดลงกองกับพื้นน้ำตาตกพูดว่า “ลูฟี่ ช่วยด้วย” เป็นครั้งแรก

ลูฟี่เงยหน้าขึ้น “ไปกันเถอะ”

แล้วสี่สิงห์ ลูฟี่ อุซป โซโล ซันจิ เดินเคียงข้างอย่างสง่างามเข้าสู่แดนฉลามทรราช เป็นฉากคลาสสิคเหมือนครั้งที่วิลเลียม โฮลเดน เดินเคียงข้างสามสหายเข้าสู่ความตายในหนังคลาสสิคปี 1969 ของแซม แพ็กคินพาห์ เรื่อง The Wild Bunch

 

ลูฟี่ต่อสู้กับอารอนไปสองเล่ม เป็นหนังสือการ์ตูนที่บ้าบอคอแตกและลายเส้นยุ่งเหยิงน่าดู แต่ภายใต้ความชุลมุนและวินาศสันตะโรนั้นเรายังคงเห็นคุณสมบัติที่โดดเด่นของลูฟี่ นั่นคือความมุ่งมั่นและความยืดหยุ่น

แล้วเขาก็ล้มทรราชอารอนนำเสรีภาพคืนมาสู่ชาวเมืองที่ถูกกดขี่มานาน 7 ปีสำเร็จ ไม่ใช่สิ 8 ปี

กัปตันบากี้และอารอนเป็นแค่ผู้ร้ายระดับต้นๆ ที่นอกแกรนด์ไลน์ เมื่อถึงเล่ม 12 ตอนที่ 100 จึงเริ่มต้นการเดินทางเข้าสู่แกรนด์ไลน์ ดินแดนโจรสลัด จากเล่ม 12 ถึงเล่ม 23 เป็นฉากการต่อสู้แสนยาวนานและวายป่วงของลูฟี่และพรรคพวกกับองค์กรอาชญากรรมบาร็อกเวิร์กส์ ซึ่งนำโดยหนึ่งในเจ็ดเทพโจรสลัดชื่อคร็อกโคไดล์

ลูฟี่และพรรคพวกได้พบเจ้าหญิงบิบี ธิดาของกษัตริย์แห่งอาณาจักรอลาบาสตาซึ่งอยู่ใต้การครอบงำของบาร็อกเวิร์กส์

บาร็อกเวิร์กส์มีนักฆ่าหลายชั้นที่ได้รับการจัดตั้งมาอย่างดี พวกมันส่งคนเข้าแวดล้อมพระราชาและยึดเอาเทคโนโลยีฝนเทียมมาเป็นของตัว ทำให้ชาวเมืองอยู่กันด้วยความอดอยากแร้นแค้น ได้รับปันส่วนน้ำเพียงแค่พอประทังให้ชื่นใจ

แล้วประชาชนส่วนหนึ่งก็ผันตัวเป็นพวกปฏิวัติ บางคนก่อการร้าย

บิบียังมีนายทหารที่จงรักภักดีต่อพระราชาและตนเองเหลืออยู่ ด้วยความช่วยเหลือและสละชีวิตของนายทหารคนหนึ่งนี้เองที่เปิดทางให้ลูฟี่ป่วนบาร็อกเวิร์กส์เสียยับเยิน สู้กันหลายเล่มมาก กว่าท้องฟ้าจะสีทองผ่องอำไพก็ไปถึงเล่ม 23

บางที เราล้มทรราชมิได้หากไม่มีคนในช่วยเหลือ

ระหว่างการเดินทางสู่อาณาจักรอลาบาสตานี้เอง ลูฟี่ได้พบกับช็อปเปอร์ กวางเรนเดียร์ที่เป็นหมอ ลูฟี่ช่วยสะสางความหลังขมขื่นของช็อปเปอร์ด้วยการเตะวาปาลู กษัตริย์อีกคนหนึ่งที่แปรสภาพเป็นโจรสลัดลอยขึ้นฟ้าหายไป

ช็อปเปอร์กลายเป็นตัวละครโดดเด่นน่ารักอีก (ตัว) หนึ่งในการเดินทางอันยิ่งกว่าแสนมหัศจรรย์เพื่อตามหาวันพีซต่อไป