ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 16 - 22 เมษายน 2564 |
---|---|
คอลัมน์ | การ์ตูนที่รัก |
ผู้เขียน | นพ.ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์ |
เผยแพร่ |
ผ่าพิภพไททัน (3)
มิได้มีเอเลนเพียงคนเดียวที่สามารถกลายร่างเป็นไททันได้ ยังมีไททันหญิงอีกตนหนึ่งที่ดูเหมือนจะฉลาดเฉลียวสูงกว่าไททันทั่วไป
ที่แท้แล้วเอเลนถูกไว้ชีวิตเพื่อล่อสปายปรากฏตัว
ไททันหญิงวิ่งไล่ล่าเอเลนไปตลอดแนวป่าไม้ยักษ์อย่างไม่ลดละ หลายครั้งที่เอเลนต้องการกลายร่างเป็นไททันเพื่อป้องกันเพื่อนฝูงที่ถูกไททันหญิงและยักษ์ตัวอื่นๆ จับกินไปทีละคนสองคน แต่ทุกครั้งก็เป็นหัวหน้าทหารรีไวห้ามเอาไว้ จนกระทั่งถึงจุดแตกหักในที่สุด
ไททันหญิงถูกจับมัดเอาไว้อย่างแน่นหนา มันกู่ร้องโหยหวนเรียกไททันอื่นๆ เข้ามารุมกินตัวมันเอง ที่เหลืออยู่คือแอนนี่
ที่แท้แอนนี่เป็นสปายจากเขตนอกกำแพง นำไปสู่คำถามว่ายังมีสปายอีกกี่คน และไททันเป็นตัวอะไรกันแน่
หลังจากเหตุการณ์เปิดโปงแอนนี่แล้วเนื้อเรื่องเข้มข้นขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง จุดพลิกผันที่สามเกิดขึ้นเมื่อไททันเกราะและไททันมหึมาปรากฏตัว หากฉากสู้รบต่อเนื่องยาวนานระหว่างไททันหญิงกับทีมสำรวจว่าดุเดือดแล้ว ฉากสู้รับกับไททันเกราะและไททันมหึมาที่สูงกว่า 60 เมตรยิ่งกว่าเหนือจินตนาการ
ฉากต่อสู้ที่รอคอยคุ้มค่าการรอคอยแต่การผูกโครงเรื่องยิ่งคุ้มค่ามากกว่า (แม้ว่าบทแปลในครั้งแรกออกจะชวนสับสนอยู่ไม่น้อย) ร่างที่แท้ของไททันเสื้อเกราะคือไรเนอร์ ร่างที่แท้ของไททันมหึมาคือเบลทรูท วัตถุประสงค์ของพวกมันเพื่อคุ้มครองยูมีร์และคริสต้า สองทหารหญิงในทีมสำรวจที่เติบโตมาด้วยกัน
ยูมีร์เป็นอีกคนหนึ่งที่กลายร่างเป็นไททันพิกลไปก่อนหน้านั้นแล้ว ในขณะที่คริสต้ามีความลับดำมืดรอคอยอยู่
เนื้อหาที่น่าสนใจในช่วงนี้เป็นดังนี้
พระราชาที่ศูนย์กลางมิได้อยู่โดดเดี่ยวและตามท้องเรื่องก็อาจจะมิใช่ตัวปัญหาที่น่าห่วงที่สุด ประดาขุนนาง นายทหารระดับสูง นักบวช และข้าราชการทุกระดับที่แวดล้อมต่างหากคือ “กำแพง” ที่แท้กำแพงซีน่าชั้นในเป็นแค่หินแข็งที่แกร่งที่สุดในโลกที่แม้ไททันก็ทำลายได้ยาก
แต่กำแพงที่แกร่งกว่าคือชั้นอำนาจของทุกฝ่ายที่ได้ผลประโยชน์จากโครงสร้างที่ดำรงอยู่มาหลายร้อยปี
เนื้อเรื่องชวนพิศวงมากขึ้นไปอีกเมื่อการต่อสู้ครั้งหนึ่งเปิดเผยให้เห็นรอยแตกของกำแพงชั้นซีน่าและมีไททันตนหนึ่งยืนอยู่ภายใน
ที่แท้กำแพงชั้นในถูกสร้างด้วยร่างของไททันที่สามารถเปลี่ยนผิวหนังเป็นหินแข็ง
นี่มนุษย์ทำอะไรลงไป ชวนให้กลับไปดูชื่อเรื่องและตำนานเทพเจ้ากรีกอีกครั้งหนึ่ง ที่ถูกโจมตี (attack) คือไททัน
เมื่อกำแพงชั้นนอกแตก ชาวบ้านที่เคยทำเกษตรกรรมเป็นพวกแรกที่ถูกฆ่าและกิน ที่เหลืออยู่ต้องอพยพเข้าไปอยู่ในเขตกำแพงชั้นที่สอง ทิ้งพื้นที่เกษตรกรรมกว้างใหญ่เป็นที่อยู่ของพวกไททันเพ่นพ่าน เกิดวิกฤตการณ์อาหารอย่างรุนแรงของประชาชาติ
เกษตรกรที่เข้ามาอยู่ในเขตการค้ากลายเป็นคนเร่ร่อนขอทานไร้งานทำ
ในขณะที่พวกพ่อค้าและขุนนางนักบวชยังคงอยู่ดีกินดี
ที่บริเวณนอกกำแพง ระหว่างที่เอเลนและทีมสำรวจต่อสู้กับไททันเสื้อเกราะและไททันมหึมา พลันปรากฏไททันสัตว์มีรูปร่างคล้ายวานรขนยาวตัวสูงใหญ่แขนขาเก้งก้างเดินไปมา
ไม่มีใครรู้ว่ามันปรากฏตัวทำไมจนกระทั่งครั้งหนึ่งที่ทีมสำรวจเดินทางไปถึงหมู่บ้านของโคนี่ ทหารหนุ่มผมเกรียนหน้าตาน่ารักในหน่วยสำรวจ
โคนี่พบว่าคนทั้งหมู่บ้านรวมทั้งพ่อแม่ของตัวเองหายสาบสูญไปหมดโดยไม่มีร่องรอยการต่อสู้หรือซากศพที่ถูกไททันกัดกินอย่างที่ควรจะเป็น เหลือเพียงไททันร่างพิการนอนอยู่ตนหนึ่งซึ่งเป็นที่น่าสงสัยว่าคือคุณแม่ของโคนี่เอง ที่แท้ไททันมีความสามารถเปลี่ยนมนุษย์เป็นไททันได้ด้วย
ฮันซี่ โซเอะ สาวนักวิจัยพบว่าที่ท้ายทอยของไททันมีอะไรที่อาจจะเป็นสมองและไขสันหลังของมนุษย์ฝังอยู่ คือพื้นที่กว้างสิบเซนติเมตร สูงหนึ่งเมตร ที่ตรงนั้นจึงเป็นจุดตายของไททัน
เปลี่ยนมนุษย์เป็นไททัน เปลี่ยนไททันเป็นกำแพง ใครเป็นคนเริ่ม?
เนื้อหาตรงนี้มีค่าควรแก่การหยุดพักอีกครั้ง ในความขัดแย้งที่ไม่สามารถเจรจาต่อรองหรือเรียกร้องอะไรได้อีก ในที่สุดจะมีกลุ่มหนึ่งเริ่มต้นใช้ความรุนแรง หรือซ่องสุมกำลังคนเพื่อใช้ความรุนแรง
เมื่อความรุนแรงพัฒนาถึงขีดสุดโดยไม่เลือกว่าอะไรควรทำอะไรไม่ควรทำ และเป้าหมายเริ่มมิใช่เป้าหมายทางทหาร ฝ่ายที่เริ่มต้นใช้ความรุนแรงแม้ว่าจะเป็นฝ่ายที่ถูกกระทำก่อนก็จะมีสภาพเป็นผู้ก่อการร้ายในทันที
และเมื่อเรากล่าวหาว่าผู้ก่อการร้ายหรือผู้ก่อการจลาจลเป็นฝ่ายเริ่มใช้ความรุนแรงก่อน หรือเป็นฝ่ายทำร้ายเป้าหมายที่มิใช่เป้าหมายทางทหารก่อน
คำตอบที่ได้รับกลับมาเสมอคือใครเริ่มก่อน การขูดรีดประชาชนที่อดอยากอยู่แล้วตั้งแต่แรกมิใช่การกระทำรุนแรงต่อเป้าหมายที่มิใช่เป้าหมายทางทหารตั้งแต่แรกหรอกหรือ
คือโครงสร้างปัญหาที่ไร้ทางออก
หัวหน้าทหารรีไว เอเลน มิคาสะ และอาร์มินเป็นตัวละครหลักที่เดินเรื่องทั้งหมดที่เล่ามาด้วยการเปิดเผยความลับมากมายที่เกาะเกี่ยวกันเป็นปมที่คลายไม่ออก การช่วงชิงเอเลนและคริสต้ายังคงดำเนินไปอย่างมีเงื่อนงำและพลิกผัน
หนังสือพักรบที่ระยะก่อนถึงครึ่งทางด้วยบทสนทนาระหว่างผู้บังคับบัญชาหน่วยเอลวินกับนายทหารระดับสูงพิคซิส
เอลวินซึ่งบัดนี้แขนขาดไปข้างหนึ่งได้สร้างสมมุติฐานของเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นในหลายร้อยปีที่ผ่านมา และเสนอทางออกด้วยการเปลี่ยนตัวพระราชา
เขามีข้อสรุปส่วนตัวว่าขุนนาง นายทหาร นักบวช และข้าราชการมิได้มีความตั้งใจจะดูแลราษฎรหรือปกป้องประชาชนเลย
พวกเขาทำทุกอย่างเพื่อปกป้องผลประโยชน์ส่วนตัวเท่านั้นและยินดีสังเวยประชาชนผู้บริสุทธิ์ได้ทุกเวลาเพื่อป้องกันกำแพงชั้นใน
เขาเป็นคนแรกที่ตาสว่าง
แต่ก็ยังมีข้อคำถามว่าสว่างพอรึยัง
“ประชาชนที่เป็นชนชั้นล่างได้ถูกบีบให้ออกไปอยู่ข้างนอกกำแพงเพื่อลดปริมาณการบริโภคทรัพยากร” เอลวินพูด “สิ่งที่พวกเขา (ขุนนางและนายทหาร) ต้องการปกป้องมิใช่มนุษย์ แต่เป็นตำแหน่งและบ้านเรือนที่มีสวนในบ้านของพวกเขาเท่านั้น” (เขียนตามบทแปลซึ่งโดยภาพรวมแล้วแปลเข้าใจยาก)
เอลวินเล่าให้พิคซิสฟังถึงเรื่องราวในวัยเด็ก ตอนนั้นเขาเที่ยวเล่าเรื่องที่พ่อเล่าให้ฟังไปทั่วจนกระทั่งวันหนึ่งพ่อถูกอุ้มหายไป เขาเข้ามาเป็นทหารเพื่อพยายามสืบทราบความจริงที่พ่อเล่า (ซึ่งนักอ่านไม่รู้ว่าพ่อของเอลวินรู้อะไร พอๆ กับจนป่านนี้เอเลนก็ยังเดินทางไปไม่ถึงบ้านเกิดเพื่อค้นหาบันทึกของพ่อเช่นกัน)
ถึงวันนี้เขารู้เพียงว่าทหารหญิงคริสต้าหรืออีกชื่อหนึ่ง ฮิสทอเรีย เรส จะเป็นกุญแจสำคัญของการเปลี่ยนตัวพระราชา
การเปลี่ยนตัวพระราชาจะได้ผลหรือ เป็นไปได้หรือที่ทหารปฏิวัติแล้วไม่สืบทอดอำนาจ
จบเล่ม 15