ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 19 - 25 กุมภาพันธ์ 2564 |
---|---|
คอลัมน์ | การ์ตูนที่รัก |
ผู้เขียน | นพ.ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์ |
เผยแพร่ |
นายแพทย์ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์
ดาบพิฆาตอสูร (2)
ทันจิโร่ฝึกวิชากับอุโรโกะดาคิ ซากอนจิอยู่หนึ่งปี จึงมาถึงการคัดเลือกครั้งสุดท้าย เหล่านักเรียนปราบอสูรจะต้องเข้าไปปราบอสูรฝูงหนึ่งในหุบเขา ใครรอดชีวิตออกมาจะได้เป็นนักพิฆาตอสูรอย่างเป็นทางการ
ทันจิโร่ใช้ปราณวารีเป็นพลังประจำตัว เขาใช้ดาบที่ซากอนจิให้มาพิฆาตอสูรไปหลายตน นักเรียนที่เข้ามาผ่านการคัดเลือกครั้งสุดท้ายนี้ถูกอสูรกินไปจำนวนหนึ่ง
ทันจิโร่พบอสูรตัวใหญ่มากมีแขนขายั้วเยี้ยเกาะกันกลมเป็นก้อนเนื้อใหญ่น่าทุเรศสายตา มันกินเด็กๆ ไปแล้ว 50 คน มันกินนักเรียนของซากอนจิไปแล้ว 13 คน ที่แท้มันคืออสูรที่ถูกซากอนจิปราบตั้งแต่ยุคเอโดะ
ทันจิโร่ใช้กระบวนท่าปราณวารีกระบวนที่ 1 ซึ่งเป็นขั้นสุดยอดจึงสังหารอสูรน่าเกลียดตนนี้ลงได้
การคัดเลือกครั้งสุดท้ายพัฒนาทันจิโร่ไปอีกขั้นหนึ่ง เขาได้เป็นประจักษ์พยานของพี่น้องอสูรที่กินกันเอง เป็นประจักษ์พยานของความแค้นเคืองที่อสูรมีต่อมนุษย์และจะไม่มีวันเลิกรา
ที่สำคัญคือ เขาไม่พบหนทางช่วยเหลือน้องสาวเนซึโกะให้คืนร่างมนุษย์ได้เลย
เขาทำได้แค่ฆ่าอสูรตรงหน้าที่ไม่ยอมต่อรองอะไรทั้งสิ้น
โครงเรื่องปราบปีศาจนอกเหนือจากปีศาจเป็นสัญลักษณ์ของความยากจนแล้ว ที่ใช้ตีความได้เสมอคือเรื่องความเกลียดชัง มิใช่ความเกลียดชังในระดับปกติ แต่เป็นความเกลียดชังในระดับที่ไม่เผาผี ไม่ต่อรอง ไม่ให้อภัย พบหน้าคือฆ่ากันอย่างเดียว เช่นนี้แล้วทางออกอยู่ที่ไหน
เราพบความเกลียดชังลักษณะนี้ทั่วโลก ที่ได้ยินเสมอๆ มักเป็นเรื่องยิวและปาเลสไตน์
แต่มีที่อื่นอีกมาก ข้างบ้านเราในพม่า หรือแม้แต่ในบ้านเราเองที่มีความเกลียดชังอย่างเปิดเผยคงอยู่มานานเกินสิบปีแล้ว
เกลียดชังกันมากพอที่จะทำลายหรือทำให้หายไปเลย
ทันจิโร่ผ่านการคัดเลือก บัดนี้เขาได้รับดาบพิฆาตอสูรประจำตัวชื่อดาบเพลิงสุริยัน
เขาเป็นนักล่าอสูรประจำการ แต่ในใจเขามิได้ต้องการฆ่า
เขาต้องการช่วย
อย่างน้อยก็ช่วยน้องสาวของตัวเองให้พ้นจากสภาพอสูร
คนที่คิดแบบนี้ในสถานการณ์ที่สองฝ่ายจ้องฆ่ากันสถานเดียวย่อมอยู่ลำบากเป็นธรรมดา
ไม่นับว่าเขาสะพายกล่องใส่อสูรน้องสาวขึ้นหลังไปทุกที่อีกต่างหาก
งานแรกเป็นอสูรสามเขาจับหญิงสาวกินไปแล้ว 16 คน ทันจิโร่ใช้ดาบเพลิงสุริยันสีดำและพลังน้ำปราณวารีเข้าต่อสู้โดยมีเนซึโกะคอยคุ้มกันอยู่ด้านข้าง
อสูรสามเขานั้นสามารถแยกเป็นสามร่าง
ร่างหนึ่งเขา ร่างสองเขา และร่างสามเขา
สองตนล่อทันจิโร่ลงบึงน้ำมืดมิดใต้ดิน อีกร่างหนึ่งต่อสู้กับเนซึโกะบนดิน สองพี่น้องเอาชนะอสูรสามเขาได้ในที่สุดและบีบคั้นให้มันบอกที่อยู่ของจอมอสูรที่ฆ่าครอบครัวของทันจิโร่ มันชื่อคิบุซึจิ มุซัน รูปกายภายนอกเป็นชายหนุ่มหน้าตาดีแต่งกายนำสมัยผูกไท้สวมหมวกอยู่เสมอ
การต่อสู้อสูรสามเขาเป็นเพียงการอุ่นเครื่องและย้ำเตือนนักอ่านอีกครั้งหนึ่งว่าอสูรไม่ต่อรอง มันฆ่าสถานเดียวและฆ่าเพื่อกิน เมื่อเราพบศัตรูที่จะไม่มีวันต่อรองและจ้องแต่จะกิน เราจะทำอย่างไร
จะว่าไปนี่เป็นประเด็นร่วมสมัยมากของทุกประเทศทั่วโลก
เล่ม 2-3 ทันจิโร่และเนซึโกะพบอสูรสองตนที่คิดสังหารจอมอสูรมุซันเช่นเดียวกัน “พี่สาว” ชื่อทามาโยะ มีความรู้ด้านการแพทย์ “น้องชาย” ชื่อยูชิโร่ หลงใหลและหวงแหนพี่สาวออกนอกหน้า พี่น้องสองคู่สี่คนปะทะอสูรสองตนในกลุ่ม 12 จันทราอสูร ตัวเมียชื่อสึซามารุ ใช้ลูกบอลเป็นอาวุธ ตัวผู้ชื่อยาฮาบะ ใช้ลูกศรเป็นอาวุธ ช่างเป็นมังงะที่มีชื่อตัวละครมากมายและลายเส้นอ่านยากเสียจริงๆ
บางกรอบเพ่งอ่านอย่างพินิจพิเคราะห์จึงพอจะเข้าใจ
เนซึโกะไม่ทันระวังเตะสวนลูกบอลที่สึซามารุเตะมา ขาของเธอจึงขาดไปในทันใด ทามาโยะรีบฉีดยาช่วยเหลือ ข้างทันจิโร่ต่อสู้กับยาฮาบะนานสองนานก็ทำอะไรมันมิได้ เพราะทุกครั้งที่ฟันดาบไปลูกศรของมันก็เลี้ยวตามแรงเหวี่ยงของดาบก่อนที่จะวกมาหมายทิ่มแทงทันจิโร่
ทันจิโร่ใช้ดาบเพลิงสุริยันร่ายรำปราณวารีกระบวนท่าวังน้ำวน ลูกศรของยาฮาบะถึงกับหมุนรอบตัวมันเองตัดหัวมันขาด แต่ลูกศรนับสิบยังไม่สิ้นฤทธิ์
ทันจิโร่ปล่อยกระบวนท่าอย่างต่อเนื่อง คลื่นน้ำ กังหันน้ำ สายน้ำตก กระแสน้ำวน หยาดน้ำค้าง และดาบผ่าวารี จนกระทั่งลูกศรหักล้างกันเองหมดสิ้น เชื่อแล้วว่าเมื่อสร้างเป็นอะนิเมะน่าจะสนุกมากขึ้นมาก
ข้างเนซึโกะหลังฟื้นฟูขางอกออกมาใหม่ได้ เธอสามารถเตะบอลสู้กับสึซามารุ ทามาโยะเห็นว่าปล่อยให้ยืดเยื้อจะไม่ได้การจึงหลอกล่อให้นังปีศาจลูกบอลพูดชื่อจอมอสูรมุซันออกจากปาก เพียงเอ่ยนามของมัน คำสาปที่มันฝังไว้ในตัวอสูรก็ทำงานแยกร่างสึซามารุออกเป็นชิ้นๆ
นี่คือมาตรการที่จอมอสูรใช้ควบคุมบริวารชั้นในมิให้ทรยศ ปรากฏว่าปีศาจลูกบอลและปีศาจลูกศรมิใช่ 12 จันทราอสูร ของแท้ยังไม่มา!
มาตรการของผู้นำสูงสุดก็มักจะเป็นเช่นนี้จริงๆ การเอ่ยนาม หรือบางวัฒนธรรมแม้กระทั่งการเผยแพร่รูปก็เป็นข้อห้าม เมื่อไม่มีรูปและไม่มีนามเสียแล้ว จะเจรจาต่อรองอย่างไรก็ทำได้ยาก
หากจำกันได้ ในหนังสือการ์ตูนรวมเรื่องสั้นของ Gotouge Koyoharu เรื่องที่หนึ่ง “นักล่านักล่า” ปรากฏตัวสองอสูร ยูชิโร่และทามาโยะมาก่อนแล้ว
เล่ม 3-4 พักรบเพื่อให้โทนของเรื่องเบาลงบ้าง อ่านไปก็พบว่าเบามากถึงระดับบ๊องๆ เล็กน้อย เป็นการเปิดตัวผู้ช่วยพระเอกสองคน คนหนึ่งคืออางาซึมะ เซนอิทสึ อีกคนหนึ่งคือฮาชิบิระ อิโนสุเกะ เพิ่มมาอีกสองชื่อ แต่ก็จะเป็นตัวละครสำคัญมากในเวลาต่อไป จึงต้องอดทนเพ่งดูตัวหนังสือขนาดจิ๋วและมุขตลกเพื่อทำความรู้จักโรคประสาทของคนทั้งสอง
เซนอิทสึ น่าจะป่วยด้วยโรค Sleep Disorder อะไรสักอย่าง เขาเซ่อซ่า ขี้โวยวาย ขี้กลัวและไม่เอาไหนได้ตลอดเวลาจนกว่าเหตุการณ์จะคับขันถึงที่สุดเมื่อเขาหมดสติไปอย่างฉับพลันทันใด แล้วเข้าสู่สภาวะฌาน-trance state มีพลังปราบอสูรอันน่ามหัศจรรย์
อิโนสุเกะ น่าจะเป็น Post-traumatic Stress Disorder (PTSD) ได้รับความบอบช้ำมามาก ต้องใส่ชุดและหน้ากากหมูป่าเพื่อปิดบังตัวตนและแสดงความกร่างอยู่เสมอๆ แต่ก็สามารถสติแตกได้ทุกเมื่อเมื่อมีเหตุกระตุ้น หน้ากากหมูป่าเป็นตัวตนภายนอก-external self ช่วยให้เขากลับคืนได้
ผ่านไป 4 เล่ม ทันจิโร่มิได้อยู่โดดเดี่ยว ที่แท้โลกแบ่งออกเป็นสองค่าย