ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 3 - 9 กุมภาพันธ์ 2566 |
---|---|
คอลัมน์ | อะไร(แม่ง)ก็เป็นศิลปะ |
ผู้เขียน | ภาณุ บุญพิพัฒนาพงศ์ |
เผยแพร่ |
ตามรอยศิลปะ ณ ดินแดนสเปน : พิพิธภัณฑ์กูเกนไฮม์ บิลบาว
สุดยอดพิพิธภัณฑ์ที่พลิกฟื้นคืนชีวิตให้แก่เมือง (2)
ยังไม่ทันที่พวกเราจะก้าวเท้าเข้าไปภายในพิพิธภัณฑ์กูเกนไฮม์ บิลบาว พื้นที่รอบนอกของพิพิธภัณฑ์ก็มีงานศิลปะกลางแจ้งให้เราชมกันอย่างละลานตาหลากหลายชิ้นแล้ว
เริ่มตั้งแต่ประติมากรรมรูปแมงมุมขนาดยักษ์ ยืนเขย่งเกงกอยอยู่หน้าทางเดินเข้าพิพิธภัณฑ์ ผลงานของศิลปินหญิงชาวฝรั่งเศส/อเมริกันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคนหนึ่งในวงการศิลปะร่วมสมัยโลก หลุยส์ บรูชัวร์ (Louise Bourgeois) อย่าง Maman (2001) ประติมากรรมทำจากเหล็กและหินอ่อนชิ้นนี้เป็นผลงานที่สร้างชื่อเสียงให้เธอที่สุด จนมีคนตั้งฉายาให้เธอว่า “คุณนายแมงมุม” เลยทีเดียว
เธอมักจะถ่ายทอดผลงานออกมาในรูปทรงของสิ่งมีชีวิต (ส่วนใหญ่เป็นเพศเมีย) อันน่าขนลุก พิสดาร แต่ก็แฝงเอาไว้ด้วยความงามอย่างน่าพิศวง
“ในเมื่อความกลัวอดีตเกี่ยวเนื่องกับความกลัวทางกายภาพ ความกลัวจึงปรากฏตัวให้เห็นผ่านร่างกาย สำหรับฉัน ประติมากรรมคือร่างกาย ร่างกายฉันคือประติมากรรม”
องค์ประกอบอันน่าสะพรึงกลัวในผลงานหลายๆ ชิ้นของเธอโดยเฉพาะอย่างยิ่ง แมงมุม เปรียบเสมือนภาพสะท้อนความรู้สึกหวาดกลัวในวัยเยาว์ที่ฝังอยู่ในจิตใต้สำนึกของเธอ และผู้หญิงหลายคน เนื่องจากความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยดีนักกับพ่อบังเกิดเกล้าของเธอเอง ซึ่งเป็นเผด็จการและเจ้าชู้ มากรักหลายใจ
ว่ากันว่าเขาถึงกับมีความสัมพันธ์โจ่งแจ้งกับชู้รักต่อหน้าภรรยาและลูกๆ เลยทีเดียว
นอกจากนั้น เธอยังตั้งคำถามต่อเพศสภาวะ, บทบาท และพื้นที่ของสตรีในทั้งโลกศิลปะและสังคมที่ถูกจำกัดจำเขี่ยอย่างคับแคบเสมอมา
อีกนัยหนึ่งก็แสดงออกถึงความปรารถนา, ความเย้ายวน, พลังและสัญลักษณ์ทางเพศของผู้หญิง ของเพศแม่ ซึ่งก็คือเพศผู้ให้กำเนิดสรรพชีวิตทั้งหลายนั่นเอง
ซึ่งผลงานชิ้นที่โด่งดังที่สุดอย่างแมงมุมตัวนี้ก็เปรียบเสมือนตัวแทนของแม่ของเธอนั่นเอง (Maman ภาษาฝรั่งเศสแปลว่า แม่)
“แมงมุมเป็นเหมือนบทกวีสรรเสริญแม่ของฉัน เธอเป็นเพื่อนที่ดี แม่เป็นผู้ถักทอสิ่งต่างๆ เหมือนกับแมงมุม ครอบครัวของเราทำธุรกิจฟื้นฟูสิ่งทอ แม่ของฉันต้องดูแลโรงงาน เธอฉลาดมาก เหมือนกับแมงมุมที่คอยกินยุง ซึ่งเป็นตัวแพร่เชื้อโรคและไม่เป็นที่ต้องการ ดังนั้น แมงมุมจะคอยช่วยเหลือและปกป้องเรา เหมือนกับแม่ที่ปกป้องลูกไม่มีผิด”
ถัดมาตรงลานน้ำด้านข้างพิพิธภัณฑ์ เป็นผลงานของศิลปินอังกฤษเชื้อสายอินเดีย หนึ่งในประติมากรร่วมสมัยคนสำคัญที่สุดของโลก อนิช กาปูร์ (Anish Kapoor) เจ้าของผลงานที่ท้าทายและยกระดับการรับรู้ที่มีต่อศิลปะของผู้ชม อย่าง Tree and the Eye (2009)
ผลงานประติมากรรมความสูง 12.97 เมตร ที่ประกอบด้วยลูกบอลโครเมียมขัดเงาแวววาวราวกับกระจกเงาจำนวน 73 ลูก ตั้งอยู่บนแกนสามอัน ที่สะท้อนการสำรวจสมการทางคณิตศาสตร์และโครงสร้างอันซับซ้อนผ่านรูปทรงสามมิติของศิลปิน พื้นผิวเงาวาววับของบอลแต่ละลูกจะสะท้อนเงาหักเหซึ่งกันและกัน ก่อให้เกิดเป็นมิติและพื้นที่ลวงตาอันไม่มีที่สิ้นสุด
ย้ำเตือนให้ผู้ชมตระหนักถึงความไม่มั่นคงยั่งยืนในวิสัยทัศน์ของมนุษย์ที่มีต่อโลกอันกว้างใหญ่ใบนี้
อนิช กาปูร์ เป็นที่รู้จักจากผลงานประติมากรรมแนวคอนเซ็ปช่วลและมินิมอลที่เต็มเปี่ยมด้วยความงามราวกับบทกวี แต่ก็แฝงเร้นการอุปมาอันลุ่มลึกคมคาย โดยมักจะเป็นประติมากรรมนามธรรมขนาดมหึมาที่สร้างสภาพแวดล้อมที่ผู้ชมสามารถเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งภายใน เพื่อสัมผัสกับประสบการณ์อันน่าพิศวงราวกับอยู่ในห้วงอวกาศอันเวิ้งว้างห่างไกลและอบอุ่นชิดใกล้ราวกับอยู่ในครรภ์มารดาไปพร้อมๆ กัน
ผลงานของเขาเป็นส่วนผสมอันแปลกประหลาดของปรัชญาอันซับซ้อนลึกซึ้งและประสบการณ์ดาษดื่นสามัญในชีวิตประจำวันของคนเรา เพื่อกระตุ้นให้พวกเขาเหล่านั้นตั้งคำถามถึงการมีอยู่ของมนุษย์ที่ส่งผลกระทบต่อธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และแสดงถึงความสัมพันธ์อันน่าสนใจระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ
กาปูร์สนใจในความเป็นอนันต์และความว่างเปล่าอันไม่มีที่สิ้นสุด เช่นเดียวกับการขุดคว้านพื้นที่เพื่อเสาะหาความหมาย และสะท้อนสภาวะอันว่างเปล่าและหมดจดของจิตใจมนุษย์นั่นเอง
ตามมาด้วยผลงาน Puppy (1992) ของ เจฟฟ์ คูนส์ (Jeff Koons) ศิลปินป๊อปอาร์ตชาวอเมริกัน ผู้ทำงานศิลปะด้วยการนำเอาวัตถุและข้าวของโหลๆ ที่พบเห็นเกลื่อนกลาดดาษดื่นในวัฒนธรรมป๊อปปูลาร์มาผลิตซ้ำด้วยรูปแบบและวัสดุที่แตกต่างไปจากเดิม
เช่น ลูกโป่งที่บิดเป็นรูปสัตว์ต่างๆ ที่เรามักเห็นตัวตลกทำแจกเด็กๆ ตามงานเทศกาล ช่อดอกไม้แฟนซี ตุ๊กตาเป่าลม หรือของชำร่วยโหลๆ อย่างตุ๊กตากระเบื้องเคลือบที่ขายถูกๆ ตามสถานที่ท่องเที่ยว นำมาผลิตใหม่ด้วยวัสดุใหม่อย่างสแตนเลสขัดเงาผิวมันวับ ขยายขนาดให้ใหญ่มหึมากว่าเดิมหลายเท่า
ในผลงาน Puppy ชิ้นนี้ คูนส์เลือกใช้ภาพลักษณ์ของสุนัขพันธุ์เทอร์เรียร์ มาใช้เป็นแบบ โดยตอนแรกเขาทำเป็นงานประติมากรรมไม้ สูงเพียงแค่ 52 ซ.ม. ก่อนที่จะขยายเป็นงานประติมากรรมสวนดอกไม้ขนาดมหึมา ความสูง 12 เมตร ในปีถัดมา
เหตุที่เขาเลือกใช้สุนัขพันธุ์นี้เป็นแบบก็เพราะเขาคิดว่าจะทำให้ผลงานชิ้นนี้ดูน่ารัก ไม่น่ากลัว หรือดูคุกคามคนดู ถึงแม้จะมีขนาดใหญ่แค่ไหนก็ตาม
อนึ่ง ดอกไม้ที่อยู่บนตัวประติมากรรมเป็นดอกไม้สดจริงๆ ทั้งหมด ที่ปักเอาไว้บนโฟมโอเอซิส ดอกไหนเหี่ยวเฉา ก็ปักดอกใหม่ลงไปแทนเท่านั้นเอง
หรือแม้แต่บนสะพานลาซัลเว่ (La Salve) สะพานข้ามแม่น้ำเนอร์บิออน ที่อยู่เคียงข้างพิพิธภัณฑ์ ก็ยังมีผลงานศิลปะอยู่ด้วยเหมือนกัน
นั่นคือผลงาน Arcos rojos / Arku gorriak (The Red Arches) (2007) ของ แดเนียล บิวเรน (Daniel Buren) ศิลปินคอนเซ็ปช่วลอาร์ตชาวฝรั่งเศส ผู้เป็นที่รู้จักจากผลงานศิลปะจัดวางเฉพาะพื้นที่ (Site-specific installations) ลวดลายแถบและรูปทรงเรขาคณิตสลับสี อันเรียบง่าย แต่เปี่ยมเอกลักษณ์เฉพาะตัว
ผลงานชิ้นนี้ทำขึ้นในวาระครบรอบ 10 ปี ของการก่อตั้งพิพิธภัณฑ์กูเกนไฮม์ บิลบาว โดยบิวเรนตั้งใจทำผลงานชิ้นนี้ขึ้นเพื่อลดความดิบกระด้างของโครงสร้างสะพาน และทำให้สะพานโดดเด่นเห็นชัดถนัดตามากขึ้น
ด้วยการสร้างผลงานศิลปะในรูปของเสารับน้ำหนักสะพานแขวนที่เป็นปริมาตรแผ่นสี่เหลี่ยมแนวตั้งฉากกับสะพาน
เจาะรูครึ่งวงกลมสามวง จนกลายเป็นซุ้มประตูโค้ง ทาสีแดงสดฉูดฉาดตัดกับสีเขียวของตัวสะพาน สะท้อนสีสันลงไปยังพื้นผิวไทเทเนียมของพิพิธภัณฑ์กูเกนไฮม์ที่อยู่เคียงข้าง สันด้านนอกและในของซุ้มประตูโค้งทำเป็นแถบสีขาวสลับดำที่เรืองแสงในยามค่ำคืน ในความคิดของเรา
ผลงานศิลปะชิ้นนี้ของบิวเรน ดูไม่ต่างอะไรกับประตูเมืองที่ต้อนรับเหล่าบรรดาผู้มาเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์กูเกนไฮม์ยังไงยังงั้น
พิพิธภัณฑ์กูเกนไฮม์ บิลบาว ตั้งอยู่เลียบแม่น้ำเนอร์บิออน (Nervi?n) ในเมืองบิลบาว แคว้นบาสก์ (Basque) ประเทศสเปน
ดูรายละเอียดการเข้าชมได้ที่นี่ shorturl.at/cinwy •
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022