ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 24 - 30 ธันวาคม 2564 |
---|---|
คอลัมน์ | อะไร(แม่ง)ก็เป็นศิลปะ |
ผู้เขียน | ภาณุ บุญพิพัฒนาพงศ์ |
เผยแพร่ |
Body Universe
สำรวจมุมมองหลากหลาย
ของศิลปะการถ่ายภาพ
เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา เรามีโอกาสได้ไปชมนิทรรศการศิลปะที่น่าสนใจ เลยถือโอกาสเอามาเล่าให้ฟังกันตามเคย
นิทรรศการนี้มีชื่อว่า Body Universe
โดยกลุ่มศิลปินและคนทำงานภาพถ่ายอย่าง วิริยะ โชติปัญญาวิสุทธิ์, ศุภฤกษ์ คฤหานนท์, ชาญพิชิต พงศ์ทองสําราญ*, โรเบิร์ต จ้าว เหรินฮุ้ย (Robert Zhao Renhui), มิติ เรืองกฤตยา, วศินบุรี สุพานิชวรภาชน์, กฤตนันท์ ตันตราภรณ์, ปริญญากร วรวรรณ, นิพันธ์ ยอดมณี ภายใต้การร่วมงานของสองคิวเรเตอร์ นิ่ม นิยมศิลป์ และ เอกรัตน์ ปัญญะธารา






นิทรรศการครั้งนี้เป็นการรวมตัวกันของช่างภาพในแขนงต่างๆ ทั้งศิลปินร่วมสมัยที่ทำงานภาพถ่าย, ช่างภาพสารคดี, ช่างภาพวิทยาศาสตร์, ช่างภาพดาราศาสตร์, ช่างภาพทางการแพทย์ ไปจนถึงศิลปินเซรามิกที่ใช้ภาพถ่ายเป็นสื่อ
ทุกคนต่างมีแนวทางและความสนใจที่หลากหลาย และใช้อุปกรณ์หรือเทคนิคแตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายภาพในระบบอะนาล็อกหรือดิจิตอล, การใช้แสงธรรมชาติ, หรือการใช้ประจุอิเล็กตรอน, การประดิษฐ์อุปกรณ์ถ่ายภาพจากเทคโนโลยีใหม่ๆ ไปจนถึงการใช้อุปกรณ์สำเร็จรูป
หากสิ่งที่ศิลปินทุกคนในนิทรรศการนี้มีร่วมกันคือการพยายามสำรวจและนำเสนอโลกที่เขาประสบ พบเห็น เข้าใจ และหลงใหล ผ่านสื่อภาพถ่ายนั่นเอง

เริ่มต้นด้วยผลงานของวิริยะ ที่ใช้แสงวิทยาศาสตร์และแสงธรรมชาติในการจับภาพสิ่งรอบตัวที่มนุษย์มองด้วยตาไม่เห็น เช่น ฝุ่น หิมะ หรือลมหายใจที่ลอยอยู่ในอากาศ และเปลี่ยนสิ่งที่อยู่รอบตัวทั่วไปในชีวิตประจำวันที่เราไม่ทันสังเกต ให้กลายเป็นภาพถ่ายที่ดูแปลกตา น่าพิศวง
หรือผลงานของศุภฤกษ์ ช่างภาพดาราศาสตร์ผู้บันทึกปรากฏการณ์ของเทหวัตถุบนฟากฟ้าเอกภพถ่ายทอดออกมาเป็นภาพถ่ายอันตระการตาน่าอัศจรรย์
หรือผลงานของชาญพิชิต* ช่างภาพสารคดีที่บันทึกวัฒนธรรมการสักลายบนเรือนร่างของกลุ่มชาติพันธุ์ที่กำลังจะสูญหายไป ถ่ายทอดออกมาเป็นภาพถ่ายคล้ายภูมิทัศน์ ที่สะท้อนถิ่นที่อยู่อาศัยของเจ้าของรอยสักได้อย่างน่าสนใจ
หรือผลงานของโรเบิร์ต ที่สำรวจความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์และธรรมชาติผ่านภาพถ่ายที่บันทึกห้วงขณะของปรากฏการณ์นกอพยพย้ายถิ่นฐานที่ดูเหมือนกลุ่มควันประหลาดกลางท้องฟ้า ราวกับจะย้ำเตือนให้เราเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมอย่างมีนัยยะสำคัญ

หรือผลงานของมิติ ที่ใช้ภาพถ่ายบันทึกคุณค่า ความหมาย หรือแม้แต่มูลค่าที่เปลี่ยนแปลงไปตามเศรษฐกิจและการพัฒนาเมืองของผืนดิน ที่ดูธรรมดาสามัญ แต่ในขณะเดียวกันก็สามารถกำหนดชะตากรรมของผู้ที่ครอบครอง (หรือไม่ได้ครอบครอง) มัน อย่างไม่อาจปฏิเสธได้
หรือผลงานของวศินบุรี ที่ใช้เทคโนโลยีกล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอน (Scanning Electron Microscope) ถ่ายภาพกำลังขยายสูงหลายหมื่นเท่าของพื้นผิววัสดุที่เขาคลุกคลีอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันอย่าง “ดินเผา” เพื่อสำรวจรากเหง้าของสิ่งที่นิยามตัวตนของเขาและครอบครัวอย่างใกล้ชิดสุดขั้ว
หรือผลงานของกฤตนันท์ ภาพถ่ายของสิ่งมีชีวิตเล็กๆ อย่างแมลง ที่ถูกขยายให้เห็นรายละเอียดอันน่าตื่นตาที่ไม่อาจมองเห็นด้วยตาเปล่า

หรือผลงานของปริญญากร ช่างภาพสารคดีที่คร่ำหวอดในแนวสัตว์ป่าและธรรมชาติ ผู้สร้างความเข้าใจและส่งแรงบันดาลใจในการถ่ายภาพเชิงอนุรักษ์และการเรียนรู้ในการเคารพวิถีชีวิตในธรรมชาติสู่ผู้อ่านผู้ชมจำนวนมาก ที่ถูกนำมาตีความแบบร่วมสมัยได้อย่างน่าสนใจ
และท้ายสุด ผลงานภาพถ่ายดวงตาของนิพันธ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านเครื่องมือพิเศษทางจักษุวิทยา ที่นอกจากจะดูงดงามอย่างน่าประหลาดแล้ว ยังมีประโยชน์ในการช่วยให้จักษุแพทย์รักษาผู้ป่วยได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

นิ่ม นิยมศิลป์ หนึ่งในสองคิวเรเตอร์กล่าวถึงที่มาของนิทรรศการครั้งนี้ว่า
“ถึงแม้นิทรรศการนี้จะเป็นการแสดงผลงานภาพถ่าย แต่ทางผู้จัดอย่าง HOP – Hub Of Photography ก็ค่อนข้างให้อิสระในการทำงาน เราเลยอยากลองสำรวจในประเด็นที่เราค่อนข้างสนใจ และหยิบหลายๆ ศาสตร์มารวมกัน เราชอบการที่ศิลปะไม่ได้มีแค่เรื่องของ Fine Art อย่างเดียว แต่มีความเชื่อมโยงกับวิทยาศาสตร์ หรือมานุษยวิทยา, ทิศทางและอารมณ์ของนิทรรศการนี้ เราได้แรงบันดาลใจมาจากภาพถ่ายดวงตาทางการแพทย์ที่เสิร์ชในอินเตอร์เน็ต แล้วรู้สึกว่าเป็นภาพถ่ายที่มีความเฉพาะทางและแสดงถึงความเป็นมนุษย์มากๆ เราเลยเอาตรงนี้มาเป็นธีมหลักของนิทรรศการ”
“จะเห็นว่าผลงานในนิทรรศการนี้มีความเชื่อมโยงกับทุกองค์ประกอบที่อยู่ในธรรมชาติและแฝงความเป็นมนุษย์อยู่ แต่เราไม่อยากหยิบรูปทรงมนุษย์มาใช้แบบตรงๆ แต่ให้ทุกอย่างมีความเชื่อมโยงกับมนุษย์ นั่นเป็นที่มาของการคัดเลือกศิลปินแต่ละคน”

“อย่างองค์ประกอบในงานของมิติที่เป็นเรื่องของดิน ซึ่งดินก็เป็นสิ่งที่อยู่ในโลกนี้มาตั้งแต่ต้น แต่มนุษย์เรานี่แหละที่เป็นคนใส่ความหมายให้สิ่งต่างๆ ที่อยู่ในโลกนี้ ภาพถ่ายของมิติเป็นภาพของดินที่เอามาจากที่ดินใจกลางเมืองที่กำลังจะเปลี่ยนเป็นคอนโดมิเนียม เพราะฉะนั้น ดินที่ว่านี้ก็จะมีเรื่องของราคาค่างวดอยู่ด้วย หรือดินในงานภาพถ่ายของวศินบุรี ก็เป็นตัวแทนของสิ่งที่เป็นตัวตน ครอบครัว หรืออาชีพการงานของเขา”
“หรือภาพถ่ายของชาญพิชิตที่เป็นเรื่องรอยสัก แต่เราไม่อยากให้เป็นภาพถ่ายของคนที่มีรอยสักตรงๆ สิ่งที่เราอยากเน้นก็คือรอยสักบนพื้นผิวมนุษย์ที่ดูเหมือนภูมิทัศน์ที่เป็นเหมือนชั้นทางวัฒนธรรมของรอยสักที่กำลังสูญหาย”
“หรืองานของศุภฤกษ์ที่เป็นภาพของกระจุกดาวลูกไก่ ส่วนหนึ่งของจักรวาลที่มีมาก่อนหน้านี้ไม่รู้กี่ร้อยกี่พันล้านปี แต่มนุษย์เรานี่แหละที่ไปให้ความหมายมัน ถ้าย้อนกลับไปทุกๆ วัฒนธรรมก็จะมีนิทานเกี่ยวกับกระจุกดาวลูกไก่ตั้งแต่สมัยกรีกหรืออาณาจักรจีนโบราณ เหมือนเราพยายามหาความหมายให้กับสิ่งที่เราเห็นมาอย่างยาวนาน”

“ในนิทรรศการครั้งนี้เราอยากโฟกัสเกี่ยวกับเรื่องของการรับรู้กับมุมมองของคน เราอยากให้คนปรับมุมมองในสิ่งที่เห็นหรือเข้าใจ ผลงานในนิทรรศการก็จะมีงานภาพถ่ายแตกต่างหลากหลาย ทั้งภาพถ่ายสายวิทยาศาสตร์, ดาราศาสตร์, เทคนิคการแพทย์ อย่างห้องมืดที่เราแสดงผลงานของศิลปินสามคน เราต้องการให้คนรู้สึกว่าสิ่งที่เขาเห็นคืออะไร อย่างภาพถ่ายดวงตา ที่จริงๆ แล้วเป็นภาพดวงตาของผู้มีปัญหาทางสายตา แต่ในขณะเดียวกันก็มีความงามแฝงอยู่ ผลงานชุดนี้ทำให้เรารู้สึกว่า ท้ายที่สุดแล้วการรับรู้และความเข้าใจไม่ใช่แค่การมองเห็นทางร่างกายเท่านั้น”
“นิทรรศการนี้เลยตั้งใจให้มีคิวเรเตอร์ร่วมอย่างเอกรัตน์ เพราะเรารู้สึกว่าอยากจะสำรวจผลงานของคนทำงานในสายช่างภาพอาชีพ ซึ่งเอาจริงๆ ก็เป็นอีกกลุ่มศิลปินนั่นแหละ ในนิทรรศการนี้เราอยากตั้งคำถามว่า ศิลปะภาพถ่ายคืออะไร? เพราะเรารู้สึกว่าภาพถ่ายก็เป็นเครื่องมือในการแสดงออกทางศิลปะอย่างหนึ่ง อยู่ที่ศิลปินแต่ละคนต้องการจะพูดถึงอะไร ความหลงใหลของเขาคืออะไร เขาต้องการจะสื่ออะไรออกมา”
“ด้วยความที่เอกรัตน์ทำงานในสายภาพถ่ายสารคดี เราก็เลยให้เขามาช่วยเติมเต็มในสิ่งที่เราไม่คุ้นเคย ก็เป็นอะไรที่ท้าทายสำหรับเราอยู่เหมือนกัน”

เอกรัตน์ คิวเรเตอร์ร่วมของนิทรรศการกล่าวเสริมท้ายว่า
“ในการทำงานนิทรรศการครั้งนี้จะเป็นการเลือกงานตามความถนัดของแต่ละคน อย่างงานของ ม.ล.ปริญญากร ก็เป็นอะไรที่แอบยากประมาณหนึ่งในการเอาภาพถ่ายในเชิงสารคดีที่คนคุ้นเคยและเห็นจนชินตาของเขามานำเสนอในหอศิลป์ แต่เขาก็เปิดกว้างในเราทดลองตีความได้ตามใจ เราเลยขอลองทำให้งานของเขามีความเป็นร่วมสมัยขึ้น ด้วยการพิมพ์ออกมาเป็นภาพชิ้นเล็กๆ ใส่ในกล่องพลาสติกใส เหมือนเป็นการตั้งคำถามว่า ถ้าสัตว์เหล่านี้สูญพันธุ์ไปหมดจนไม่มีเหลืออยู่ในโลกนี้แล้ว เราจะมองสัตว์เหล่านี้ในความหมายเดิมไหม? ก็เลยทำให้มีลักษณะเป็นเหมือนกับวัตถุที่ถูกเก็บรักษาเอาไว้ในพิพิธภัณฑ์หรือห้องทดลองของนักวิทยาศาสตร์”
“ส่วนภาพถ่ายปีกผีเสื้อของกฤตนันท์นี่มีความน่าสนใจตั้งแต่ตัวศิลปินแล้ว คือเขาไปเรียนเรื่องการถ่ายภาพทางวิทยาศาสตร์มาจากประเทศอังกฤษเลย หรือภาพถ่ายดวงตาของนิพันธ์ที่ถ่ายเพื่อการแพทย์ ไม่เคยแสดงงานศิลปะมาก่อน ซึ่งเราเห็นงานเขาแล้วรู้สึกอัศจรรย์ใจมาก ว่าเขาถ่ายภาพแบบนี้มาได้อย่างไร เราก็เลยทาบทามพวกเขามาเพื่อแสดงให้เห็นถึงงานภาพถ่ายที่มีความแตกต่างหลากหลาย เราอยากได้มุมมองของคนรุ่นใหม่ที่พยายามค้นหาแนวทางของตัวเอง”

นิทรรศการ Body Universe จัดแสดงตั้งแต่วันที่ 9 ธันวาคม 2564-30 มกราคม 2565 ณ HOP PHOTO GALLERY ชั้น 3 โซน MUNx2 ซีคอนสแควร์ ศรีนครินทร์, ชมผลงานได้ทาง facebook #HOPHubOfPhotography หรือ instagram @hubofphotography
*เนื่องจากทาง HOP PHOTO GALLERY มีนโนบายสนับสนุนผลงานจากศิลปินในเชิงสร้างสรรค์อย่างแท้จริง ในกรณีที่ผู้แสดงผลงานมีความข้องเกี่ยวด้านการละเมิดสิทธิและสวัสดิภาพผู้อื่นในทุกกรณี ทาง HOP PHOTO GALLERY จึงขอระงับการแสดงผลงานของ ชาญพิชิต พงศ์ทองสำราญ หนึ่งในศิลปินในนิทรรศการ Body Universe ชั่วคราว จนกว่าจะมีการพิสูจน์ข้อเท็จจริงอันเป็นที่สิ้นสุด จึงเรียนมาเพื่อทราบ.