“เรามีชีวิตเดียวเท่านั้น จึงเป็นหน้าที่ของเราที่จะใช้มันอย่างเต็มที่ที่สุด”

นี่เป็นประโยคเด็ดของหนังที่สร้างจากนิยายขายดีของ โจโจ มัวเยส ซึ่งเป็นผู้เขียนบทภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วย

วิลล์ เทรย์เนอร์ (แซม คาฟลิน ซึ่งน่าจะเป็นที่รู้จักดีที่สุดในบท “ฟินนิก โอแดร์” จากภาคสองและสามของ The Hunger Games) เป็นหนุ่มพลังสูงที่ใช้ศักยภาพของตนอย่างเต็มที่ในวัยเพียงสามสิบปี เขาถึงพร้อมด้วยชาติตระกูล ฐานะ รูปลักษณ์ และสติปัญญา

แต่ความเป็นอนิจจังของชีวิตก็ชนเขาล้มคว่ำโครมใหญ่ ในรูปของมอเตอร์ไซค์ที่แล่นมาจากที่ไหนไม่รู้ ท่ามกลางสายฝนของชีวิต

ลู คลาร์ก (เอมิเลีย คลาร์ก จาก Game of Thrones) เป็นสาวน้อยสดใส ซื่อบริสุทธิ์ จิตใจดีงาม ซึ่งต้องแบกภาระหนักในครอบครัว เธอเติบโตและไม่เคยไปไหนพ้นหมู่บ้านเล็กๆ ในชนบท กับครอบครัวที่มีพ่อ แม่ และปู่

เธอเพิ่งจะตกงาน และในฐานะคนหาเลี้ยงครอบครัว เนื่องจากพ่อหางานทำไม่ได้ งานเดียวที่มีให้ใกล้ๆ บ้านคือการดูแลลูกชายเจ้าของปราสาทที่เป็นอัมพาตตั้งแต่คอลงไป

ลูไม่มีหน้าที่เป็นพยาบาลส่วนตัว เพียงแค่อยู่เป็นเพื่อน คอยดูแลช่วยเหลือเล็กๆ น้อยๆ และค่าจ้างก็ดีมากจนไม่สามารถปฏิเสธงาน เพียงเพราะบุคคลในความดูแลของเธอเป็นชายหนุ่มผู้ฉุนเฉียว อารมณ์บูดตลอดเวลา และดูถูกเธออย่างร้ายกาจ

นี่คือสถานการณ์ “ตัวฉันก่อนมีคุณ” ของทั้งสองฝ่าย

และสถานการณ์นั้นกำลังจะเปลี่ยนไป ภายในช่วงเวลาหกเดือนที่วิลล์เป็นคนกำหนดให้แก่ชีวิตที่เหลือของตัวเอง

ถ้าจะพูดไป ผู้เขียนจำได้ว่าเคยดูหนังเกี่ยวกับคนเป็นอัมพาตทั้งแขนและขานี้มาหลายเรื่องแล้ว แม้จากนักแสดงที่ในชีวิตจริงก็ป่วยแบบนั้น คือ คริสโตเฟอร์ รีฟ ที่เคยเป็นซูเปอร์แมนคนก่อนหน้า เฮนรี คาวิลล์ ในชีวิตจริง รีฟประสบอุบัติเหตุตกม้า กระดูกสันหลังหัก รักษาไม่หาย ต้องพิการตั้งแต่คอลงมา

หลังจากนั้นเขาใช้ชื่อเสียงความเป็นดารารณรงค์เพื่อคนพิการจากกระดูกสันหลัง และยังแสดงหนังแบบที่ต้องนั่งรถเข็นอีกหลายเรื่อง

รวมทั้ง Rear Window ซึ่งเป็นเรื่องของคนพิการแบบเดียวกับเขา วันๆ ไม่มีอะไรทำ นั่งดูออกมานอกหน้าต่างด้านหลัง จนได้เป็นพยานรู้เห็นในฆาตกรรม

นั่นคือหนังธริลเลอร์สืบสวนที่มีพระเอกเป็นคนพิการแขนขา นอกจากนั้น ธริลเลอร์แนวนักสืบอีกเรื่องที่มีตัวละครแบบนี้เป็นตัวสำคัญคือ The Bone Collector ที่มี แอนเจลินา โจลี เล่นคู่กับ เดนเซล วอชิงตัน ผู้นอนแบ่บอยู่กับเตียง แต่ใช้สติปัญญาช่วยนางเอกคลี่คลายตามหาฆาตกรต่อเนื่อง

เมื่อไม่กี่ปีมานี้ มีหนังฝรั่งเศสซึ่งสร้างจากเรื่องจริงของบุคคลจริง เกี่ยวกับมหาเศรษฐีที่พิการแบบนี้ ว่าจ้างผู้ดูแลที่เผอิญเป็นคนผิวดำและเพิ่งออกจากคุก ทั้งสองพัฒนามิตรภาพแน่นแฟ้นขึ้น

หนังเรื่องนี้ชื่อ The Intouchables ซึ่งใช้แนวดรามา-คอเมดี้ ให้ความรู้สึกดีๆ ในมิตรภาพเหนือชนชั้นและสีผิว

แต่หนังนานมาแล้วเรื่องหนึ่งผุดขึ้นมาในใจผู้เขียนอย่างแปลกประหลาด หลังจากดูเรื่อง Me Before You ที่ว่าแปลกประหลาดเพราะหนังเรื่องนั้นแทบไม่มีอะไรคล้ายกันเลย มีอยู่อย่างเดียวคือ แคแร็กเตอร์ที่เป็นอัมพาตแบบเดียวกัน

Gattaca (ที่มี อีธาน ฮอว์ก เล่นเป็นพระเอกคู่กับ อูมา เธอร์แมน) เป็นหนังไซไฟธริลเลอร์ ในโลกอนาคตที่ผู้คนหันไปหาความแน่นอนทางวิทยาศาสตร์ในการให้กำเนิดมนุษย์รุ่นใหม่ การผสมพันธุ์ด้วยดีเอ็นเอสมบูรณ์แบบจากพ่อและแม่จะสร้างมนุษย์ที่มีความสามารถสูงด้วยความแม่นยำแน่นอน แต่กระนั้นความไม่แน่นอนก็ยังเกิดขึ้นได้กับคนที่หาไม่จะสมบูรณ์แบบทุกประการ จู๊ด ลอว์ เล่นเป็นหนุ่มพรั่งพร้อมคนนั้น ซึ่งถูกความเป็นอนิจจังชนล้มคว่ำจนหมดอนาคต และใช้เวลาช่วงสุดท้ายในชีวิตเขาช่วยเนรมิตให้ความฝันของคนที่ด้อยกว่าเขา กลายเป็นจริง

สิ่งที่ทำให้ผู้เขียนนึกถึง Gattaca คือแคแรกเตอร์ของ แซม คลาฟลิน ค่ะ ทั้งคลาฟลิน และ จู๊ด ลอว์ เป็นคนอังกฤษเหมือนกัน รูปหล่อสูสีกัน และยโสในความเหนือกว่าของตัวเองจนเห็นได้ชัด นอกจากนั้น ตัวละครทั้งสองตัวนี้ยังเลือกทางออกสำหรับชีวิตคล้ายคลึงกัน

Gattaca ทำให้ผู้เขียนเริ่มรู้จัก จู๊ด ลอว์ และติดใจพระเอกคนนี้มาตั้งแต่ยังหนุ่มฟ้อหล่อเฟี้ยว เส้นผมเต็มหัว จนเริ่มร่วงโรยบางลงและ “ล้านแล้วจ้า” หวังว่า แซม คลาฟลิน คงจะได้กลายเป็นตัวตายตัวแทนของ จู๊ด ลอว์ สำหรับวงการภาพยนตร์

ผู้เขียนไม่ได้อ่าน Me Before You ที่เป็นนิยาย แต่หลังจากดูหนังแล้ว ก็ทำท่าว่าอยากซื้อหนังสือ After You ที่เป็นเรื่องราวต่อจากนั้นในชีวิตของ ลู คลาร์ก มาอ่าน ได้ดาวน์โหลดตัวอย่างหนังสือมาอ่านแล้วด้วย (นี่คือข้อดีของหนังสือดิจิตอลแบบ Kindle ซึ่งให้อ่านแซมเปิลได้ก่อนจะตัดสินใจเสียเงินซื้อ) แต่ในที่สุดก็ตัดสินใจยังไม่ซื้อดีกว่า

ยังไม่อยากลืมเลือนความซาบซึ้งน่าประทับใจของชีวิตตัวละครที่จบลงอย่างสมบูรณ์ตรงนั้นแล้วเร็วเกินไปนักค่ะ

เหมือนกับการที่ได้รู้ว่าโรสยังมีชีวิตต่อมาจนเกือบศตวรรษโดยแต่งงานมีลูกกับคนอื่นที่ไม่ใช่แจ็คนั้นไปทำให้ความรักอันน่าซาบซึ้งของคนทั้งคู่เสื่อมสลายไป (คงไม่ต้องบอกนะคะว่าใน Titanic ค่ะ)

เหมือนกับที่ไม่อยากรู้ว่าเจ้าหญิงพรรณพิลาศมีชีวิตอยู่ต่อมาอย่างไรโดยปราศจากเจ้าชายโอริสสา (คงต้องบอกเสียหน่อยว่าเป็นนิยายเรื่อง “ในฝัน” ของโรสลาเรน หรืออีกนามปากกาของทมยันตี เป็นนิยายที่สาวรุ่นผู้เขียนเสียน้ำตาให้ค่ะ)

เหมือนกับที่ไม่อยากรู้ (แต่ถูกยัดเยียดให้รู้ในอีกหลายปีต่อมา) ว่าอังศุมาลินเลี้ยงดูลูกในท้องให้โตขึ้นมาอย่างไร เมื่อโกโบริจากไปแล้ว (อาจจะไม่ต้องบอกว่านี่คือ “คู่กรรม” นะคะ)

ขณะนี้คงขอทำใจสักพักกับตอนจบของหนัง อันน่าจะสมบูรณ์ดีแล้ว เมื่อ โจโจ มัวเยส ตั้งต้นวางพล็อตและลงมือเขียน Me Before You ทั้งที่เป็นนิยายและภาพยนตร์

ทั้งๆ ที่ประเด็นเรื่อง “การฆ่าตัวตายโดยอาศัยคนช่วย” หรือ assisted suicide นั้นยังเป็นปัญหาที่ถกเถียงกันได้ไม่รู้จบ ทั้งในเชิงศีลธรรม จริยธรรม ศาสนา และคุณค่าของชีวิต

ME BEFORE YOU
กำกับการแสดง
Thea Sharrock

นำแสดง
Emilia Clarke
Sam Claflin
Janet McTeer
Charles Dance
Matthew Lewis