อะไร(แม่ง)ก็เป็นศิลปะ : If you’re sad, I’m sad. If you’re happy, I’m happy. ศิลปะสะท้อนหลักฐานความสัมพันธ์ในโลกส่วนตัว

ภาณุ บุญพิพัฒนาพงศ์

 

If you’re sad, I’m sad.

If you’re happy, I’m happy.

ศิลปะสะท้อนหลักฐานความสัมพันธ์ในโลกส่วนตัว

 

ท่ามกลางสถานการณ์การระบาดไปทั่วโลกของไวรัสโควิด-19 ที่ไม่เพียงทำให้ผู้คนเจ็บป่วยและล้มตายจำนวนมาก หากแต่ยังทำให้เศรษฐกิจทั่วโลกพังทลาย หลายธุรกิจและกิจการต้องปิดตัว ผู้คนต่างตกงาน สูญเสียรายได้เป็นจำนวนนับไม่ถ้วน

นับเป็นวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ที่สุดที่มนุษย์เคยเผชิญหน้าในรอบหลายสิบปีที่ผ่านมา

แต่ในทางกลับกัน การเผชิญหน้ากับวิกฤตเช่นนี้ก็ทำให้มนุษย์ต้องปรับตัวและหาทางเอาตัวรอดจากสถานการณ์นี้ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิตอลในการดำเนินธุรกิจ การทำมาหาเลี้ยงชีพและใช้ชีวิตประจำวัน และการต้องกักตัวเว้นระยะห่างทางสังคม เพื่อป้องกันและลดการแพร่ระบาดของโรค

ในแง่หนึ่งก็ทำให้ผู้คนมีเวลาหันมาใส่ใจตัวเองและคนใกล้ตัวมากขึ้น

 

มีศิลปินผู้หนึ่งหยิบเอาแง่งามเล็กๆ ของประสบการณ์ที่เขาพานพบในช่วงเวลาอันยากลำบากนี้มาแปรเปลี่ยนเป็นผลงานศิลปะในนิทรรศการที่มีชื่อว่า

If you’re sad, I’m sad. If you’re happy, I’m happy.

โดย ยิ่งยศ เย็นอาคาร ศิลปินร่วมสมัยรุ่นใหม่ผู้สร้างสรรค์ผลงานศิลปะที่ถ่ายทอดเรื่องราวของความรัก ความสัมพันธ์ และความห่วงหาอาทรที่เขามีต่อคนใกล้ตัว จากมุมเล็กๆ ในโลกส่วนตัว ในช่วงเวลาที่เขาและคนรักต้องปลีกตัวเว้นระยะห่างจากโลกภายนอก

ความรู้สึกนึกคิดเหล่านี้ถูกนำเสนอผ่านสิ่งละอันพันละน้อยที่อยู่รายรอบตัวพวกเขา

อย่างพื้นไม้ปาร์เกต์เก่าคร่ำคร่าในบ้าน กระเบื้องห้องน้ำสีหม่นจากกาลเวลา ต้นพุดคู่ใจที่ทั้งคู่ปลูกอยู่ในบริเวณบ้าน สบู่ก้อนเล็กลีบจากการใช้ร่วมกันของเขาและคนรัก หรือแม้แต่ภาพความทรงจำอันแสนสุขที่เขาและเธอมีร่วมกันในช่วงเวลาที่ผ่านๆ มา

ยิ่งยศจำลองแง่มุมเหล่านี้ออกมาเป็นผลงานศิลปะหลากหลายรูปแบบ ทั้งภาพวาด ผลงานสื่อผสม และประติมากรรมจัดวาง ที่แสดงออกถึงบุคลิกภาพของศิลปินผู้สร้างสรรค์ผลงานอย่างเด่นชัด ในความใสซื่อ เรียบง่าย จริงใจ และตรงไปตรงมา

“ผมมักคิดเรื่องตัวเองกับความสัมพันธ์ต่อสิ่งอื่นเสมอ ผมชอบที่จะลงมือปฏิบัติและบันทึกไว้เป็นภาพวาดง่ายๆ โดยไม่ต้องพยายามมากนัก แค่เป็นสิ่งที่ยังทำให้สมองของผมทำงานอยู่ อาจเป็นเพราะโรคภัยไข้เจ็บ หรือสิ่งต่างๆ รอบตัวที่เกิดขึ้น ทำให้ผมเลือกที่จะมองหาความสำคัญของคนหรือสิ่งที่อยู่ใกล้ตัว เหมือนสถานการณ์ช่วงนี้ทำให้เราได้อยู่บ้านและใช้ชีวิตร่วมกับคนรักมากขึ้น”

“ผลงานในนิทรรศการนี้เป็นเหมือนการจำลองความสัมพันธ์ของผมกับคนรักออกมา อย่างภาพวาดต้นพุด ซึ่งเป็นต้นไม้ที่ผมและคนรักปลูกด้วยกันตั้งแต่เข้ามาอยู่บ้านแรกๆ พุดเป็นต้นไม้ที่ทนทาน เวลารดน้ำต้นไม้จากระเบียงบ้าน ผมชอบคอยมองดูว่ามันออกดอกหรือยัง ใบเหลืองไหม วันไหนใบเหลืองเหี่ยวก็ทำให้เรารู้ตัวว่าช่วงเวลานั้นเราใช้ชีวิตยุ่งเหยิงจนไม่มีเวลาดูเเลต้นไม้ ต้นพุดเป็นเหมือนสิ่งเตือนใจให้เราพักจากงาน และหันมาดูเเลเขา ดูแลบ้านและคนใกล้ตัวบ้าง”

“หรือภาพวาดสบู่ ด้วยความที่เราทั้งคู่มักจะใช้ของบางอย่างร่วมกันเสมอ สบู่เป็นสิ่งของที่ผมใช้ร่วมกับคนรักทุกวัน เป็นเหมือนความเชื่อมโยงระหว่างเราสองคนที่ใช้ชีวิตร่วมกันมา”

นอกจากภาพวาดสบู่ ยังมีผลงานประติมากรรมจัดวางเรืองแสงหล่อจากขี้ผึ้งพาราฟิน (ที่มีคุณสมบัติใกล้เคียงกับสบู่) รูปผนังห้องน้ำและสบู่ก้อนบนที่วางสบู่ ราวกับจะเป็นการจำลองภาพแห่งความทรงจำอันเรื่อเรืองของทั้งคู่ออกมา

“ผมอยากเก็บความทรงจำช่วงที่เราใช้เวลาต่างๆ ร่วมกัน อย่างเวลาเราอาบน้ำ หรือทำกิจกรรมต่างๆ ในห้องน้ำ เวลาเราถูสบู่แล้วละอองน้ำหรือฟองสบู่กระเซ็นใส่ผนัง หรือในช่วงโควิดระบาดที่เราหันมาใส่ใจ ห่วงใย และดูแลกัน คอยเตือนกันและกันให้อาบน้ำ ล้างมือเวลากลับมาจากข้างนอก ผมเลยทำแม่พิมพ์จากผนังห้องน้ำในบ้าน แล้วหล่อมาเป็นประติมากรรมพาราฟินออกมา ซึ่งคราบน้ำและรอยฟองสบู่ที่ติดอยู่บนผนังห้องน้ำก็ถูกเก็บติดออกมาด้วย”

ยิ่งยศยังจำลองความทรงจำส่วนหนึ่งในบ้านที่เขาและคนรักอาศัยร่วมกันออกมาเป็นผลงานประติมากรรมซิลิโคนอันนุ่มนิ่มที่เก็บเอาร่องรอยของพื้นบ้าน ฝุ่นผงที่แทรกอยู่ตามร่องพื้นไม้ หรือแม้แต่เศษผมของพวกเขาทั้งคู่ที่ร่วงหล่นในบ้าน

“ฝุ่นผงเหล่านี้น่าจะอยู่มาตั้งแต่ตอนที่ผมเข้ามาอยู่ในบ้านแรกๆ ถึงแม้เราจะพยายามทำความสะอาดขนาดไหน แต่ในร่องพื้นก็ยังมีฝุ่นผงเล็กๆ น้อยๆ เหลืออยู่ดี ผมพยายามเก็บสิ่งเล็กๆ น้อยๆ พวกนี้เอาไว้เพื่อเป็นเหมือนหลักฐานแห่งความสัมพันธ์ของเรา เหมือนเป็นการย้ำเตือนว่าเราอยู่ด้วยกันมานานเพียงใด ความสัมพันธ์ของเราดำเนินไปถึงไหนแล้ว”

“ในประติมากรรมอีกชิ้นผมเลยใส่เศษผมของผมและแฟนรวมกันเอาไว้ข้างในด้วย”

 

นอกจากผลงานที่แสดงถึงประสบการณ์ที่เขามีร่วมกับคนรักภายในบ้านแล้ว

ในนิทรรศการนี้ของยิ่งยศยังมีผลงานที่เป็นตัวแทนของการรำลึกถึงความทรงจำดีๆ ที่พวกเขาเคยมีร่วมกัน

ไม่ว่าจะเป็นผลงานสื่อผสมที่ทำขึ้นจากชิ้นส่วนของกระดาษระบายสีฟ้าสดใสที่ถูกฉีกและปะเรียงต่อกันเป็นเหมือนผิวน้ำทะเลต้องลม

หรือภาพวาดกระเบื้องผนังห้องน้ำที่กระเพื่อมไหวเหมือนเกลียวคลื่นในท้องทะเล และประติมากรรมอ่างน้ำปูกระเบื้อง ภายในบรรจุวัตถุรูปร่างคล้ายครีบ อันเป็นสัญลักษณ์แทนกีฬาทางน้ำที่ทั้งคู่ชื่นชอบลอยอยู่ภายใน ราวกับจะเป็นตัวแทนความรู้สึกโหยหากิจกรรมอันเพลิดเพลินที่พวกเขาเคยทำร่วมกันในยามที่โลกภายนอกยังเป็นปกติสุขอยู่

“น้ำเป็นเหมือนตัวเชื่อมระหว่างผมกับคนรัก ไม่ว่าชีวิตประจำวันในบ้าน หรือกิจกรรมที่เราเคยทำร่วมกัน อย่างผมกับแฟนจะชอบเล่นเซิร์ฟ ว่ายน้ำ ดำน้ำ ผมเลยพยายามเอาสิ่งเหล่านี้มาหลอมรวมกัน ทั้งงานสื่อผสมรูปผิวน้ำทะเล เป็นภาพจำของช่วงเวลาที่เราเดินทางทางน้ำ แล้วได้เห็นเส้นขอบฟ้าบรรจบน้ำทะเล หรือภาพกระเบื้องห้องน้ำที่ปกติจะดูเป็นตารางแข็งๆ ผมก็พยายามบิดให้ดูเป็นธรรมชาติเหมือนคลื่นทะเล”

“หรือประติมากรรมรูปอ่างน้ำที่นอกจากจะเป็นตัวแทนกิจกรรมที่เราชอบแล้ว ครีบที่ทำจากพาราฟินที่ลอยอยู่ภายใน ก็เป็นเหมือนตัวแทนของสิ่งที่แตกต่างกันอย่างน้ำกับพาราฟิน (ที่ทำจากน้ำมันปิโตรเลียม) ถึงจะมีคุณสมบัติที่ไม่เข้ากัน แต่น้ำก็ผลักดันและเกื้อหนุนให้พาราฟินลอยอยู่ได้ ไม่ต่างกับความสัมพันธ์ของคนสองคนที่อยู่ร่วมกัน”

ถึงแม้จะดูเรียบง่าย นิ่ง น้อย และเงียบงัน หากแต่ผลงานของยิ่งยศในนิทรรศการครั้งนี้ก็ส่งผ่านความรู้สึกอันอบอุ่นอ่อนโยนมาสู่ผู้ชมอย่างเรา และยังอาจช่วยสะกิดใจให้เราหันมาใส่ใจดูแลคนใกล้ตัวของเราในช่วงเวลาอันยากลำบากเช่นนี้ได้บ้างไม่มากก็น้อย

นิทรรศการ If you’re sad, I’m sad. If you’re happy, I’m happy. โดยยิ่งยศ เย็นอาคาร

จัดแสดงที่ Cartel Artspace ซอยนราธิวาส 22 (สาธุประดิษฐ์ 15)

ตั้งแต่วันที่ 6-27 กุมภาพันธ์ 2564 เปิดให้เข้าชมวันพุธ-อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 13.00-18.00 น.

สอบถามข้อมูลได้ที่ : facebook @Cartelartpace

ขอบคุณภาพและข้อมูลจากศิลปิน ยิ่งยศ เย็นอาคาร