นพมาส แววหงส์ : HACKSAW RIDGE “สมรภูมิที่โอกินาวา”

นพมาส แววหงส์

HACKSAW RIDGE
กำกับการแสดง
Mel Gibson

นำแสดง
Andrew Garfield
Hugo Weaving
Rachel Griffith
Teresa Palmer
Vince Vaughn
Sam Worthington

เราไม่ค่อยได้เห็นผลงานของ เมล กิบสัน ในฐานะนักแสดงมาพักใหญ่แล้ว และครั้งนี้เขาก็มาในฐานะผู้กำกับฯ อีกครั้ง (หลังจาก Braveheart, Apocalypto, The Passion of the Christ) อีกครั้งด้วยหนังดรามาแบบที่มีเนื้อหาหนักแน่นของวีรกรรม สงครามและการเสียสละ ตามที่เขาถนัด

Hacksaw Ridge สร้างจากเรื่องจริงของวีรบุรุษในสงครามโลกครั้งที่สอง ซึ่งเป็นบุคคลแรกในประวัติศาสตร์อเมริกัน ที่ได้รับเหรียญกล้าหาญโดยไม่ได้ยิงปืนสักนัดเดียวในสมรภูมิ แต่ช่วยชีวิตเพื่อนร่วมรบที่บาดเจ็บไว้ถึง 75 คน

สมรภูมินั้นคือการรบที่โอกินาวา ซึ่งกองทัพอเมริกันพยายามยึดครองฐานที่ตั้งบนเกาะโอกินาวา โดยช่วงชิงจากทหารญี่ปุ่นที่ยึดพื้นที่ไว้อย่างแข็งแกร่งและทรหด เมล กิบสัน สร้างเรื่องราวช่วงนี้อย่างโหดเหี้ยมทารุณ สมจริง จนแทบจะสุดทนทานสำหรับคนดู ชวนให้นึกถึงฉากการบุกขึ้นฝั่งที่นอร์มังดีในเรื่อง Saving Private Ryan ของ สตีเว่น สปีลเบิร์ก ซึ่งทำให้เรารู้สึกเหมือนตกอยู่ท่ามกลางสมรภูมินองเลือด

และกลายเป็นฉากคลาสสิคของหนังสงครามไปแล้ว

หนังยาวสองชั่วโมงเศษๆ นี้แบ่งเป็นสองช่วง ด้วยอารมณ์และบรรยากาศที่ผิดแผกแตกต่างกันแทบจะสิ้นเชิง

ช่วงแรก เราเห็นพระเอกของเรื่องตั้งแต่ในวัยเด็ก เล่นซุกซนและชกต่อยกับพี่ชายจนเกิดเหตุการณ์รุนแรงที่กระทบใจของเขาอย่างยิ่ง

เดสมอนด์ ดอสส์ (ตอนหนุ่มเล่นโดย แอนดรูว์ การ์ฟิลด์) เติบโตขึ้นโดยมีพ่อชื่อ ทอม ดอสส์ (ฮิวโก วีฟวิ่ง) เป็นทหารผ่านศึกจากสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ซึ่งมีสภาพจิตย่ำแย่ยับเยินจากสงคราม ชอบใช้ความรุนแรงในครอบครัว จนเดสมอนด์แทบทนไม่ไหว ที่ต้องคอยปกป้องแม่ (เรเชล กริฟฟิธ) จากการลงไม้ลงมือของพ่อ

จนเขาสาบานกับตัวเองว่าจะไม่แตะต้องอาวุธทำร้ายคนอื่นอีกเลย

เมื่อญี่ปุ่นบุกเพิร์ลฮาร์เบอร์ เลือดรักชาติแล่นพล่านในตัวคนหนุ่มอเมริกันทุกคน ไม่มีใครเพิกเฉยต่อการรุกรานดินแดนในมาตุภูมิ ชายหนุ่มร่างกายแข็งแรงทุกคนสมัครเข้าร่วมรบต่อสู้ในสงครามโลกครั้งที่สอง เมื่ออเมริกาประกาศสงครามกับฝ่ายอักษะในที่สุด

เดสมอนด์ตัดสินใจสมัครเข้าเป็นทหาร ท่ามกลางเสียงคัดค้านหัวชนฝาของพ่อที่ไม่ต้องการให้ลูกชายผ่านประสบการณ์เลวร้ายอย่างที่ตนเองเผชิญมาแล้วในสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง เขาสมัครเข้าเป็นทหารทั้งๆ ที่อยู่ในช่วงหวานชื่นกับพยาบาลสาวสวย โดโรธี (เทเรซา พาลเมอร์) ซึ่งเขาสัญญาจะแต่งงานด้วยในทันทีที่ได้รับอนุมัติให้ลากลับบ้าน

ระหว่างการฝึกเพื่อเตรียมตัวเข้าสู่สมรภูมิ เดสมอนด์มีปัญหากระทบกระทั่งกับเพื่อนร่วมฝึกและครูฝึก ปัญหาใหญ่มาจากการที่เขาปฏิเสธไม่ยอมจับปืน เขาอ้างว่าเป็นข้อตกลงในตอนสมัครเข้ากองทัพว่าเขาจะไม่จับอาวุธสู้รบ แต่ขอเป็นแพทย์สนามในหน่วยเสนารักษ์เพื่อช่วยชีวิตผู้คน

ในขณะที่ใครๆ พากันหัวเราะเยาะว่าเป็นทหารประสาอะไรไม่ยอมจับปืน และประณามหยามเหยียดหาว่าเขาเป็นคนขี้ขลาด และนายทหารชั้นผู้ใหญ่ก็ต้องการกำจัดให้เข้าพ้นจากหน้าที่ไป

แต่เดสมอนด์ก็ยึดมั่น ยืนยันและยืนหยัดในหลักการของตนเองในแบบที่เรียกว่า “ผู้คัดค้านด้วยคุณธรรม” (conscientious objector) แม้จะถูกส่งขึ้นศาลทหาร ด้วยข้อหาดื้อดึงไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาก็ตาม

ช่วงครึ่งหลังเป็นเหตุการณ์ที่เกิดในสมรภูมิ

สมรภูมิคือ แฮ็กซอว์ ริดจ์ ซึ่งเป็นหน้าผาดิ่งชันสูงสี่ร้อยฟุต ที่ต้องปีนป่ายขึ้นไปเพื่อบุกเข้าสู้รบเพื่อครอบครองพื้นที่ที่ทหารญี่ปุ่นยึดไว้

นี่เป็นจุดยุทธศาสตร์บนเกาะโอกินาวาที่จะทำให้กองทัพอเมริกันได้เปรียบกองทัพญี่ปุ่น ก่อนจะพิชิตชัยได้ในที่สุด

กองร้อยที่ส่งขึ้นไปในพื้นที่พ่ายแพ้ยับเยินกลับมาทุกครั้ง เนื่องจากฝ่ายญี่ปุ่นสู้รบโดยขุดอุโมงค์อยู่ใต้ดิน และโผล่ขึ้นมาโจมตีไม่ให้รู้ตัว

ช่วงครึ่งหลังนี้เองที่ เดสมอนด์ ดอสส์ สร้างวีรกรรมอย่างบ้าบิ่นช่วยชีวิตเพื่อนทหารที่บาดเจ็บได้ถึง 75 คน แบบมือเปล่า ไม่ได้ถืออาวุธ ถือแต่ล่วมยาที่มีมอร์ฟีนสำหรับบรรเทาอาการเจ็บปวดเท่านั้น

เพื่อให้รู้ว่านี่เป็นเรื่องราวชีวิตจริงของบุคคลจริงๆ หนังจึงสร้างความหนักแน่นด้วยการจบด้วยคลิปสัมภาษณ์ของ เดสมอนด์ ดอสส์ ตัวจริงเสียงจริงสมัยปัจจุบัน (เขาเพิ่งเสียชีวิตไปเมื่อ ค.ศ.2006) ที่พูดถึงเรื่องราวที่แฮ็กซอว์ ริดจ์

หลังจากไม่เข้าตากรรมการและไม่เข้าตาคนดูมาหลายเรื่องในฐานะผู้กำกับฯ นับแต่ Braveheart ใน ค.ศ.1995 เมล กิบสัน กลับมาผงาดอีกครั้งบนเวทีออสการ์ด้วยการได้รับเสนอชื่อหลายรางวัล รวมทั้งภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ผู้กำกับฯ ยอดเยี่ยม และนักแสดงชายยอดเยี่ยม ซึ่งก็คงจะทราบผลกันในสัปดาห์นี้แล้วละค่ะ

ส่วนในด้านบทภาพยนตร์ ออกจะเป็นไปตามสูตรแบบที่คาดเดาได้ และทิ้งจุดค้างคาใจอยู่หลายจุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งความสัมพันธ์ระหว่างเดสมอนด์กับพี่ชายในฉากแรกที่กลายเป็นความรุนแรงในครอบครัว ดูเหมือนว่าวางเรื่องไว้ในแบบที่ชวนให้คาดหวังว่าจะมีการพัฒนาต่อมา แต่กลับถูกทิ้งไว้ลอยๆ แล้วพี่ชายก็ถูกพ่อไล่ออกจากบ้านหลังจากสวมชุดทหารกลับมากินข้าวที่บ้าน

นอกจากนั้น บทของโดโรธีก็ใส่เข้ามาพอให้เป็นกระสายให้กระชุ่มกระชวยเล็กน้อยว่ามีเรื่องราวความรักเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่ก็ไม่ได้มีอะไรมากนอกจากเป็นทางผ่านก่อนที่เดสมอนด์จะเข้าร่วมรบในสงครามอันนองเลือด

หนุ่มรูปหล่อ แอนดรูว์ การ์ฟิลด์ แปลงโฉมจากสไปเดอร์แมนมารับบทที่น่าจับตาอย่างน่าประทับใจ

ความเป็นหนึ่งในเก้าของหนังเข้าชิงภาพยนตร์ยอดเยี่ยม น่าจะทำให้แฟนหนังพันธุ์แท้ไม่ยอมพลาด Hacksaw Ridge ไปง่ายๆ หรอกนะคะ