ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 30 มิถุนายน - 6 กรกฎาคม 2566 |
---|---|
คอลัมน์ | ของดีมีอยู่ |
เผยแพร่ |
เพิ่งได้ชมรายการ “เอ็กซ์-อ๊อก talk ทุกเรื่อง” ตอนล่าสุดทางช่องยูทูบมติชนทีวี โดยในช่วงหนึ่งของรายการดังกล่าว “ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ” อดีตแกนนำ นปช. และผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย ได้แสดงทรรศนะว่าด้วยเรื่องพลวัตทางการเมืองของ “คนเสื้อแดง” และผลการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 ไว้อย่างน่าสนใจ
ดังนี้
“ผมว่าคนเสื้อแดงจำนวนไม่น้อยเป็นคะแนนที่ลงให้กับพรรคก้าวไกล แต่ถ้าจะให้ประเมินเป็นสัดส่วน ผมว่าส่วนใหญ่ยังสนับสนุนพรรคเพื่อไทยอยู่
“เพียงแต่ว่าเมื่อคะแนนของคนเสื้อแดง ซึ่งเป็นก้อนที่มากเหมือนกันนะที่ไปสนับสนุนพรรคก้าวไกล ไปบวกกับคะแนนของคนหนุ่มสาวของคนรุ่นใหม่ หรือแม้กระทั่งคนที่เคยเห็นต่างกับคนเสื้อแดงเห็นต่างกับพรรคเพื่อไทยมาหนุนเสริม จึงเป็นคะแนนอันดับหนึ่ง
“อันนี้เป็นเรื่องที่ต้องเคารพการตัดสินใจและยอมรับกัน ผมเจอพี่น้องคนเสื้อแดงก็หลายคน ที่บอกกันตรงๆ ว่ายังรักกันเหมือนเดิม ห่วงใยกันเหมือนเดิม แต่เที่ยวนี้ขอเปลี่ยนการตัดสินใจลงคะแนน เข้าใจได้ครับ ทั้งก่อนและหลังเลือกตั้ง ผมเจอพี่น้องที่มาบอกแบบนี้ ซึ่งผมเคารพในวิถีทางและการตัดสินใจดังกล่าว
“เหตุผลเพราะว่าคนเสื้อแดงคือคนที่ผ่านการต่อสู้ ผ่านความเจ็บปวด ผ่านการดูถูกเหยียดหยามมามากมาย ดังนั้น การตัดสินใจใดๆ ก็ตามทางการเมือง จึงเป็นสิทธิ์โดยชอบ และเป็นเรื่องที่เราผู้ถูกเรียกว่าแกนนำต้องเคารพและเรียนรู้
“สำหรับผม ผมคิดว่าคะแนนของคนเสื้อแดงอาจจะเดินออกจากพรรคเพื่อไทยไปได้อีก ในขณะเดียวกัน ก็มีโอกาสที่จะเดินกลับมาได้เช่นเดียวกัน ขึ้นอยู่กับแนวทางทางการเมือง
“ขณะที่พรรคก้าวไกลก็มีสิทธิ์ที่จะกวาดคะแนนจากทุกฝ่ายได้เพิ่มขึ้น แต่ก็ต้องพิสูจน์ตัวเอง ว่าเมื่อได้รับโอกาสจากประชาชนแล้ว สามารถที่จะดำเนินการทางการเมืองหรือทางการบริหาร ตามที่ถูกคาดหวังไว้ได้หรือเปล่า
“ทั้งหมดมันเป็นเรื่องของการเดินทาง พรรคเพื่อไทยเมื่อเจอสภาพการณ์แบบนี้ ก็ต้องสรุป ประเมิน เรียนรู้ และปรับตัวครั้งใหญ่ พรรคก้าวไกลเขาก็ต้องมีบทสรุปเหมือนกัน ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมันได้มาอย่างไร และถ้าจะได้ไปต่อ ให้มันเพิ่มขึ้นมากขึ้น จะต้องทำแบบไหนบ้าง ผมว่านี่คือความตรงไปตรงมาและความสวยงามของวิถีทางประชาธิปไตย
“ถ้าเมื่อไหร่ก็ตาม คนเสื้อแดงถูกมองว่าเป็นของตายของพรรคการเมืองไหน ผมก็ไม่เห็นด้วย ผมไม่ยอมรับแบบนั้น ใครก็ได้ที่อยากได้คะแนนของคนเสื้อแดงก็ต้องทำให้เขาเชื่อ ทำให้เขาเห็น และพิสูจน์ตัวเองให้ได้ มันก็เป็นแบบนี้
“ถ้าการเลือกตั้งครั้งถัดๆ ไป จะมีพรรคการเมืองอื่นๆ นอกจากเพื่อไทยและก้าวไกล ประกาศตัวว่าเป็นฝ่ายประชาธิปไตย และมีแนวทางที่แหลมคม ต้องตรงใจ ต้องตรงอุดมการณ์ หรือความต้องการของคนเสื้อแดงมากกว่า คะแนนก็อาจจะไหลจากเพื่อไทย ไหลจากก้าวไกลไปอีกพรรคนั้นก็เป็นได้ มันเป็นแบบนี้
“อย่างที่ผมเคยพูดบนเวทีชุมนุมแต่ไหนแต่ไรมา ว่าคนเสื้อแดงที่ลุกขึ้นมาต่อสู้ไม่ได้อยู่ภายใต้การกำกับหรือบงการของใคร พรรคไหน เป็นการเฉพาะ แต่เขาไปตามวิถีทางที่เขาคิด วิถีทางที่เขาเชื่อ
“หลักใหญ่ใจความก็คือการตัดสินใจเลือกทางการเมือง ถ้ามีเหตุผลหรือมีหลักการที่ถูกต้องรองรับ ผมว่าไม่มีตรงไหนผิด เพียงแต่ว่าสถานการณ์มันเปลี่ยน เหตุการณ์มันพัฒนาไป การพิสูจน์ทราบของแต่ละคนแต่ละพรรคมันเพิ่มขึ้นชัดขึ้น การตัดสินใจของผู้คนก็อาจจะเกิดขึ้นแบบเดิมหรือเกิดขึ้นแบบใหม่ ก็เป็นไปได้”
จากการวิเคราะห์ของณัฐวุฒิ กระบวนการตัดสินใจทางการเมืองในแต่ละห้วงเวลาของ “คนเสื้อแดง” นั้นมีพัฒนาการ มีความไหลเลื่อนเคลื่อนไหว (เช่นเดียวกับประชาชนกลุ่มอื่นๆ ในประเทศนี้) ไปตามบริบทการต่อสู้อันผันแปร
องค์กรที่ต้องได้รับแรงกระแทก-ผลกระทบจากพัฒนาการข้างต้นอย่างจังๆ และตรงๆ เป็นอันดับแรก ก็คือพรรคการเมือง
เรื่องที่น่าตั้งคำถาม ณ ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญยุคปัจจุบันมีอยู่ว่า พรรคการเมืองที่ได้รับผลกระทบใหญ่จากความเปลี่ยนแปลงของมวลชนคนเสื้อแดงและประชาชนจำนวนมหาศาลนั้น ได้สรุปบทเรียนความพ่ายแพ้และประเมินตัวเองไปมากน้อยแค่ไหนแล้ว?
รวมถึงสามารถหยัดยืนตั้งหลักเพื่อหวนกลับคืนสู่ที่ทางที่ถูกที่ควรได้หรือยัง? •
ของดีมีอยู่ | ปราปต์ บุนปาน
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022