พิธา ไม่ห่วงปมหุ้นสื่อ มั่นใจตั้งรัฐบาลได้ ยัน 100วันแรก ถกไตรภาคี ขึ้นค่าแรง 450

พิธา ไม่ห่วงปมหุ้นสื่อ เชื่อตั้งรัฐบาลได้ เหน็บ แรมโบ้ บอกปกติคนแพ้ ต้องยินดีคนชนะ-ส่งมอบงานรัฐบาลใหม่ ยัน 100 วันแรกจะเจรจาขึ้นค่าแรง 450 บาท ผ่านวงไตรภาคี

เมื่อวัรที่ 2 มิ.ย. 66 นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีถูกร้องเรื่องถือหุ้นสื่อว่า ได้ตรวจสอบกับทางพรรคแล้ว ขณะนี้ กกต.ยังไม่ได้เรียกเข้าชี้แจง ทั้งนี้ หากตัดสินกันอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรม ทั้งเรื่องหลักฐาน และเรื่องทางกฎหมาย คิดว่าไม่มีอะไรน่ากังวล

เมื่อถามว่าหาก คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ไม่สามารถรับรอง ส.ส.ของพรรคก้าวไกลได้ทั้ง 151 คน จะส่งผลกระทบต่อการจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า เข้าใจว่าตามกฎหมายจะรับรองได้ช้าสุดในวันที่ 13 ก.ค. หากช้าไปก็ติดกระดุมเม็ดแรกไม่ได้ ไม่สามารถเปิดสภา เลือกประธานและรองประธานสภาได้ ก็ตั้งรัฐบาลไม่ได้ จะทำให้ประชาชนเรียกร้องให้ กกต.ทำให้เร็วมากขึ้น ก็จะยิ่งเป็นประโยชน์กับประชาชน

ส่วนกระแสข่าวว่าที่ส.ส.ของพรรคก้าวไกล ถูกร้องเกี่ยวกับการเลือกตั้ง อาจส่งผลให้กกต.ไม่ประกาศรับรองบ้างหรือไม่ ซึ่งอาจทำให้ตัวเลข ส.ส.ไม่ถึง 151 คน นายพิธากล่าวว่า เท่าที่เห็นมีเรื่องของน.ส. ชลธิชา แจ้งเร็ว ว่าที่ ส.ส.ปทุมธานี แต่เป็นคดีมาตรา 112 ซึ่งตนยังไม่ได้ดูรายละเอียดกับทีมกฎหมายว่ามีประเด็นอะไรบ้าง แต่ต้องให้กำลังใจกับ น.ส.ชลธิชา ที่ต้องขึ้นศาลโดยไม่มีทนาย และหวังว่าจะผ่านไปได้ด้วยดี ได้เข้าไปทำงานรับใช้ชาวปทุมธานีร่วมกับเพื่อนส.ส.ที่ได้รับเลือกตั้งมา

เมื่อถามถึงพ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา ส.ว. และอดีตเลขาธิการ กกต. โพสต์กรณีตัวอย่างว่าหากเป็นหัวหน้าพรรคแต่พ้นสมาชิกภาพความเป็น ส.ส. จะไม่มีผลสืบเนื่องต่อการรับรองการส่งผู้สมัคร ส.ส.ของพรรค นายพิธา กล่าวว่า ยังไม่เห็นรายละเอียด อาจจะให้ความเห็นไม่ได้ แต่ฟังความเห็นของนักวิชาการและอดีต กกต. บอกว่ามีกฎหมายที่สามารถพูดได้ ไม่ได้เกี่ยวข้องว่าใครผิดพลาดอะไร แล้วที่เหลือจะต้องมีการเลือกตั้งใหม่ แต่ยังมั่นใจในรายละเอียดของตัวเอง และมั่นใจจะตั้งรัฐบาลได้ ทุกอย่างมีความสม่ำเสมอ และแนวโน้มที่ดี หาก กกต. รับรองได้เมื่อไหร่คาดว่าจะประชุมสภาได้โดยเร็ว และตามเวลาก็จะตั้งรัฐบาลได้

ส่วนกระแสข่าวว่าการพูดคุยเรื่องประธานสภาได้ข้อสรุปแล้วว่าเป็น นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทยนั้น นายพิธา กล่าวว่า นพ.ชลน่านได้ออกมาบอกผ่านทวิตเตอร์แล้วว่า คำว่าจบแล้ว มีนิยามของมันอยู่ ไม่ได้หมายความว่าจบที่ตัวบุคคล แต่ในความขัดแย้งมีกระบวนการแก้ไขปัญหา ว่าจะทำอย่างไรให้เป็นประธานสภาของประชาชน ดังนั้น คงมีการพูดคุยกัน โดยยังคงยืนยันการให้สัมภาษณ์ของนายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล ที่เป็นทีมเจรจาบอกไว้ว่าจะชัดเจนในช่วงกลางเดือนมิ.ย.นี้ และสิ่งที่นายมงคลกิตต์ สุขสินธารานนท์ อดีตส.ส. โพสต์เอาไว้ไม่เป็นความจริง

ส่วนกรณีนายเสกสกล อัตถาวงศ์ รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ เตือนพรรคก้าวไกลที่เรียกร้องให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ เตรียมเก็บของออกจากทำเนียบรัฐบาลว่าระวังฝันค้าง ยังต้องเจออีกหลายด่านกว่าจะตั้งรัฐบาลได้นั้น นายพิธา ระบุว่า ตนยังไม่ได้ฟังสัมภาษณ์ของนายเสกสกล แต่ได้เห็นการให้สัมภาษณ์ของนายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกฯ ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกฯแล้ว

จึงขอพูดด้วยความเข้าใจว่า เมื่อมีการเปลี่ยนผ่านอำนาจแล้ว ตามปกติคนที่แพ้เลือกตั้งจะต้องยินดีกับผู้ชนะการเลือกตั้ง ยอมแพ้ และส่งมอบงานให้รัฐบาลต่อไป หากเอาประชาชนเป็นที่ตั้ง คงไม่หลุดไปจากหลักการนี้ แต่อาจมีการพูดคุยกันของสภาล่างกับสภาสูง น่าจะเป็นไปในลักษณะนั้นมากกว่า

นายพิธา กล่าวถึงข้อห่วงกังวลของประธานสภาแรงงานเรื่องค่าแรง 450 บาท ว่า หากรัฐบาลพรรคก้าวไกลไม่สามารถทำได้ใน 100 วันแรก อาจมีกลุ่มแรงงานไปยื่นร้อง กกต. ว่าสัญญาว่าจะให้แต่ทำไม่ได้ โดยยืนยันว่าในช่วง 100 วันแรกตามกฏหมายจะต้องให้ไตรภาคี คือ ลูกจ้าง 5 คน นายจ้าง 5 คน ฝ่ายของรัฐ 5 คน พูดคุยกัน หากลูกจ้างเห็นว่าค่าแรง 450 บาทเป็นจำนวนที่เหมาะสม หากจะได้ 10 วันต่อเดือน หรือ 20 วันต่อเดือน ขึ้นอยู่กับระยะเวลาทำงานของแต่ละคน ก็ยังไม่ถึง 10,000 บาท

ขณะนี้ค่าของชีพสูงมากในการใช้ชีวิต จึงเชื่อว่าจะเป็นไปได้ใน 100 วันแรก จะมีการเจรจากันเกิดขึ้น ขณะเดียวกันต้องพูดคุยกับนายจ้างและผู้ประกอบการ ที่จะได้รับผลกระทบจากการขึ้นค่าแรง และเพิ่มประสิทธิภาพของแรงงาน