ส่องถ้ำ ‘มิสกวัน’ เช็กสเตตัส ‘แม่ทัพปู-3 รอง’ จับตา ‘บิ๊กบี้’ จัดระบบ ‘คอแดง’ เขตปลอดการเมือง

ส่องถ้ำ ‘มิสกวัน’ เช็กสเตตัส ‘แม่ทัพปู-3 รอง’ จับตา ‘บิ๊กบี้’ จัดระบบ ‘คอแดง’ เขตปลอดการเมือง กับสูตร 3-3-3 และก้าวต่อไปของ ‘บิ๊กหนุ่ย’

 

หลัง 1 เมษายนที่ผ่านมา กองทัพภาคที่ 1 ถูกจับตามองไปที่ 3 รองแม่ทัพ ที่ 1 ใน 3 คนนี้ จะต้องขึ้นเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 คนต่อไป ในเวลาอีกแค่ไม่กี่เดือน

โดยที่แม่ทัพปู พล.ท.พนา แคล้วปลอดทุกข์ แม่ทัพภาคที่ 1 ยังคงลดบทบาท เดินตามรอยเท้าบิ๊กบี้ พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผบ.ทบ. เมื่อครั้งเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 ในการให้ออกสื่อ ไม่ให้สัมภาษณ์ เช่น แม่ทัพภาคที่ 1 ในอดีต ที่เมื่อรับตำแหน่ง จะมีการให้สัมภาษณ์เรื่องแนวทางการทำงาน เพราะแม่ทัพภาคที่ 1 คุม กทม. คุม 26 จังหวัดภาคกลาง และจุดยืนกองทัพภาคที่ 1 ที่เป็นขุมกำลังรบหลักของ ทบ. และการปฏิวัติรัฐประหารทุกครั้งต้องมีแม่ทัพภาคที่ 1 เป็นคีย์แมน

จึงจะเห็นแต่การออกสื่อโซเชียลของหน่วยในกองทัพภาคที่ 1 และ ททบ.5 เท่านั้น แต่ก็เป็นแค่กิจกรรมและภารกิจต่างๆ ยังไม่มีการแสดงความคิดเห็นใดๆ

นอกจากบุคลิกภาพที่เป็นคนไม่ค่อยพูดแล้ว คาดว่าเป็นเพราะสถานภาพ “ทหารคอแดง” ด้วย

อีกทั้งการพูดออกสื่อ ย่อมมีความเสี่ยงต่อความผิดพลาด โดยเฉพาะในยุคโซเชียล ที่มีการทำศึกทางความคิดทางการเมืองอยู่ 2 ขั้วเช่นนี้

พล.ท.พนา แคล้วปลอดทุกข์

แต่เมื่อครั้งที่รับตำแหน่ง 30 กันยายน 2565 พล.ท.พนา ที่เป็นทหารคอแดงหมาดๆ เพิ่งจบการฝึกหลักสูตรทหารรักษาพระองค์ 3 เดือนก่อนหน้านั้นมา ถือเป็นโอกาสของการประกาศจุดยืน

โดยเฉพาะการตอกย้ำว่า กองทัพภาคที่ 1 เป็นหน่วยทหารที่พระมหากษัตริย์ได้ทรงจัดตั้งขึ้น และไว้วางใจพระราชหฤทัยให้ทำหน้าที่ในการรักษาความมั่นคงของประเทศชาติ รักษาไว้ซึ่งพระบรมเดชานุภาพแห่งพระมหากษัตริย์เจ้า และเป็นที่ยอมรับเชื่อถือศรัทธาของประชาชนมาโดยตลอด

ซึ่งถือเป็นแนวทางการปฏิบัติงานของอดีตผู้บังคับบัญชาที่ผ่านมาทุกท่าน ในอันที่จักเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ไว้ด้วยชีวิต และพร้อมเป็นหลักในการรักษาความมั่นคง ปกป้องเอกราชและอธิปไตยของชาติสืบไป

โดยจะปฏิบัติหน้าที่ตามปณิธานของ ผบ.ทบ. ที่ว่า พิทักษ์ราชัน ปกป้องประชา รักษาแผ่นดิน

และยึดตามแนวทางของอดีตแม่ทัพภาคที่ 1 ในการแสดงออกถึงความจงรักภักดี ต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ให้ความสำคัญกับการถวายพระเกียรติในโอกาสต่างๆ

และการปลูกฝังจิตสำนึกให้กำลังพลและครอบครัว ให้มีความรักต่อสถาบัน และความเสียสละต่อส่วนรวม โดยจะทำตามแนวทางและมาตรฐานในการปฏิบัติงานที่ได้วางรากฐานไว้ต่อไปให้ดีที่สุด

พล.ท.พนา แคล้วปลอดทุกข์

ด้วยเส้นทางที่เดินมา และจะเดินต่อไป พล.ท.พนาถือว่าได้ขึ้นแท่นการเป็นว่าที่ ผบ.ทบ.ในอนาคตแล้ว ตั้งแต่บิ๊กแดง พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ.ในเวลานั้น ดึงจาก ผบ.พล.ร.11 มาเป็นรองแม่ทัพภาคที่ 1 น้องเล็กในบรรดารองแม่ทัพ ที่เป็นรุ่นพี่เตรียมทหาร 24 และมีที่เป็นทหารคอแดงอยู่ด้วย

แต่ในเวลานั้น ไม่มีใครคาดคิด พล.ท.พนาได้ถูกเลือกแล้ว จนก่อนการแต่งตั้งโยกย้ายนายพลแค่ไม่กี่เดือน ก็มีคำสั่งให้ พล.ต.พนา ทหารคอเขียวในขณะนั้น ไปฝึกหลักสูตรทหารคอแดง

นั่นเป็นสัญญาณที่ทุกคนรู้กันทันทีว่า พล.ต.พนาเตรียมที่จะขึ้นเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 คนใหม่แน่นอน

แต่ที่ไม่คาดคิดกันคือ การขึ้นเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 ในการโยกย้ายกันยายน 2565 เลย ทั้งๆ ที่มีบิ๊กหนุ่ย พล.อ.ธราพงษ์ มะละคำ แม่ทัพน้อยที่ 1 รุ่นพี่ ตท.24 ที่เป็นทหารคอแดงจ่ออยู่

เพราะในเวลานั้น พล.ท.ธราพงษ์ เป็นตัวเต็งเพราะเติบโตมาตามไลน์ เป็นทั้งผู้พัน ผู้การ และ ผบ.พล.ร.2 รอ. เป็นทหารคอแดง และเป็นสายบูรพาพยัคฆ์ น้องรักบิ๊กตู่ พล.อ.กู้เกียรติ ศรีนาคา อดีต ผช.ผบ.ทบ. ลูกรักบิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ พี่ใหญ่บูรพาพยัคฆ์ และก็เป็นที่รู้จักคุ้นเคยของ “3 ป.” ที่ก็เติบโตจาก พล.ร.2 รอ. มาด้วยกัน จนถือว่าเป็นสายแข็ง

แต่ที่สุด พล.ต.พนาแข็งกว่า ก็ขึ้นแม่ทัพภาคที่ 1 เลย ส่งผลให้ พล.ท.ธราพงษ์ในเวลานั้น ถูกส่งข้ามไป บก.ทบ. เป็นพลเอก ที่ปรึกษาพิเศษ ทบ. ออกนอกไลน์ ทั้งๆ ที่เคยถูกมองว่าเป็นแคนดิเดต ผบ.ทบ.ในอนาคตอีกคนด้วย

จนถูกมองว่า อำนาจของ 3 ป.ในกองทัพ ถูกคุมกำเนิดแล้ว เพราะนายทหารในสาย 3 ป. อย่าง พล.ท.ธราพงษ์ ไม่ได้เป็นแม่ทัพภาคที่ 1

พลโท ธราพงษ์ มะละคำ

หากมองลึกลงไปอีก นี่อาจเป็นส่วนหนึ่งของศึกพี่น้อง 3 ป. ที่แยกพรรค แยกทางเดินทางการเมือง มาชิงอำนาจรัฐ ชิงเก้าอี้นายกฯ กันเอง ด้วยเพราะ พล.ท.ธราพงษ์ ถูกมองว่าเป็นสายตรง ป.ป้อม พล.อ.ประวิตร มากกว่า

ส่วน พล.ท.พนา ถูกมองเป็นสายตรง พล.อ.อภิรัชต์ ที่ยังมีบทบาทสำคัญต่อกองทัพ โดยเฉพาะในส่วนของทหารคอแดง ฉก.ทม.รอ.904

โดยที่ พล.อ.อภิรัชต์ ก็คือน้องรักของ พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งถูกพาดพิงและตกเป็นข่าวลือเสมอว่าเป็นกองหนุน พล.อ.ประยุทธ์ ในการตั้งพรรครวมไทยสร้างชาติ และแยกตัวออกมาจาก พล.อ.ประวิตร

ดังนั้น พล.อ.ประยุทธ์จึงไม่ต้องห่วงกองทัพ เพราะมี พล.อ.อภิรัชต์ดูแลให้ จนมีกระแสข่าวว่า หาก พล.อ.ประยุทธ์ได้มาเป็นนายกฯ อีกสมัย พล.อ.อภิรัชต์จะออกมาเป็น รมว. กลาโหม และหากออกมาแล้ว คือ จะมาสู่ถนนการเมือง เป็นทายาททางการเมืองของ พล.อ.ประยุทธ์ นำขั้วอนุรักษนิยม ฝืนกระแสสู้กับขั้วประชาธิปไตย และกลุ่มปฏิรูปสถาบันเลยทีเดียว

แต่หากไม่ได้ออกมา ก็จะให้นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค รทสช. เพื่อนรุ่นพี่ ทำหน้าที่ในการปกป้องสถาบันนี้แทน

พร้อมๆ กันนั้น ก็เป็นการสะท้อนว่า พล.ท.พนา คือ ว่าที่ ผบ.ทบ.ในอนาคตอันใกล้นี้แล้ว

ไม่ว่า ผบ.ทบ.คนต่อไปจะเป็น ตท.23 อย่างบิ๊กต่อ พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์ รอง ผบ.ทบ. สายทหารเสือฯ น้องรัก พล.อ.ประยุทธ์ หรือบิ๊กโต พล.อ.สุขสรรค์ หนองบัวล่าง ผช.ผบ.ทบ. สายบูรพาพยัคฆ์ ที่เป็นน้องรักของทั้ง 3 ป. ขึ้นเป็น ผบ.ทบ. ในโยกย้ายกันยายนนี้ ในรัฐบาลใหม่ นายกฯ และ รมว.กลาโหมคนใหม่ หรืออาจจะหน้าเดิมแล้ว แค่ 1 ปี เพราะทั้งคู่เกษียณกันยายน 2567

จากนั้น พล.ท.พนา ที่คาดว่าในโผนี้จะขึ้น 5 เสือ ทบ. นั่ง ผช.ผบ.ทบ. จ่อคิวรอ ก็จะขึ้นเป็น ผบ.ทบ.ในการโยกย้ายกันยายน 2567

พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์,พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้

แต่อย่างไรก็ตาม กองทัพกำลังถูกจับตามองว่า หากมีการเปลี่ยนรัฐบาล ถึงขั้นเปลี่ยนขั้วเป็นพรรคเพื่อไทย จะส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงการวางทายาทอำนาจในกองทัพหรือไม่

การเมืองอาจมีผลต่อการเลือก ผบ.ทร. และ ผบ.ทอ. แต่ยากที่จะแทรกการแต่งตั้ง ผบ.ทบ. และแม่ทัพภาคที่ 1 เพราะมีเหล่าพิเศษ อย่างทหารคอแดง และ ฉก.ทม.รอ.904 หรือ “ฉ.ก.ทบ.คอแดง” เป็นเกราะอยู่ และเป็นเหล่าพิเศษ ฉก.พิเศษ ที่ พล.อ.อภิรัชต์เป็นผู้ก่อตั้งในช่วงเปลี่ยนผ่าน

ตราบใดที่การแต่งตั้งโยกย้ายทหารยังคงต้องนำขึ้นทูลเกล้าฯ ก็ยากที่การเมืองจะแทรกแซงได้ โดยเฉพาะในส่วนของทหารคอแดง ทั้ง ผบ.ทหารสูงสุด ผบ.ทบ. แม่ทัพภาคที่ 1 และผู้บัญชาการกองพลคอแดง รักษาพระองค์

คงมีแต่เกมการเมืองภายในกองทัพ และในบรรดาทหารคอแดง ทั้งในกองทัพ และนอกกองทัพเท่านั้น ที่จะเป็นจุดเปลี่ยนหาก พล.อ.อภิรัชต์ถูกลดบทบาทลง เพราะไม่ใช่มีแต่ พล.อ.อภิรัชต์เท่านั้น ที่มีเพาเวอร์ในกองทัพ

แต่บิ๊กบี้ พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผบ.ทบ. และ ผบ.ฉก.ทม.รอ.904 ที่นั่งมา 3 ปี และกำลังจะเกษียณ 30 กันยายน 2566 นี้

แต่เชื่อกันว่า จะมีตำแหน่งรองรับ เช่นเดียวกับนายทหารคอแดงหลายคนที่เกษียณก่อนหน้านี้

พลตรี สราวุธ ไชยสิทธิ์

พล.อ.ณรงค์พันธ์ กำลังถูกจับตามองว่า เป็นขั้วอำนาจใหม่ในสายคอแดง โดยมีเตรียมทหาร 28 เป็นกำลังหลัก เพราะเป็นที่รู้กันถึงความพิเศษของ ตท.28 ที่มีแบ๊กอัพไม่ธรรมดา จนเป็นรุ่นที่ถูกมองว่ากำลังจะขึ้นมาคุมกองทัพ และถูกมองว่าเป็นคนละขั้วกับ พล.อ.อภิรัชต์อีกด้วย

ในการโยกย้ายใหญ่ ตุลาคม 2565 ที่ผ่านมา พล.อ.ณรงค์พันธ์ และแบ๊กอัพพิเศษ จึงดึง ตท.28 มายึดทั้ง 3 กองพลหลักของกองทัพภาคที่ 1 เบ็ดเสร็จ ทั้ง ผบ.แอ้ม พล.ต.ณัฐเดช จันทรางศุ เป็น ผบ.พล.1 รอ. ขุมกำลังปฏิวัติ พล.ต.สราวุธ ทหารคอเขียว สายวงศ์เทวัญ ที่ตอนนั้นขึ้นเป็น ผบ.พล.ร.2 รอ. คุมกองพลบูรพาพยัคฆ์ คอแดง และ ผบ.ต๊อบ พล.ต.วุทธยา จันทมาศ เป็น ผบ.พล.ร.9 คุมกองพลคอเขียว

พล.อ.ณรงค์พันธ์ แม้จะเป็น ผบ.ทบ.ต่อจาก พล.อ.อภิรัชต์ แต่ก็ใช่ว่าจะฟัง ผบ.ทบ.ผู้พี่เสมอไป เพราะภาพลักษณ์ของ พล.อ.อภิรัชต์ ในอีกด้านหนึ่ง ก็ผูกติดกับ พล.อ.ประยุทธ์ ด้วยสายสัมพันธ์พี่น้อง

อีกทั้งตลอดการเป็น ผบ.ทบ.เกือบ 3 ปี พล.อ.ณรงค์พันธ์มีความชัดเจนในการเป็นทหารพระราชา ที่ยึดถือม็อตโต้ “พิทักษ์ราชัน ปกป้องประชา รักษาแผ่นดิน” ก็มีระยะห่างกับฝ่ายการเมือง โดยเฉพาะกับ พล.อ.ประยุทธ์ จนเคยทำให้เกิดกระแสข่าวลือว่า พล.อ.ประยุทธ์จะย้าย ผบ.ทบ.มาแล้ว

ปัจจัยเหล่านี้เอง ที่ทำให้การแต่งตั้ง ผบ.ทบ.คอแดงคนใหม่ ถูกจับตามอง เพราะจะเป็นการสะท้อนเกมการเมืองในกองทัพบก ที่เสมือน 2 มิติทับซ้อนกันอยู่

หาก ผบ.ทบ.คนต่อไปเป็น พล.อ.เจริญชัย ก็จะสะท้อนทิศทาง ทบ. และสมการอำนาจอย่างหนึ่ง แต่หากเป็น พล.อ.สุขสรรค์ เป็น ผบ.ทบ. ก็จะสะท้อนสมการอำนาจ ในอีกอย่างหนึ่ง

ความเคลื่อนไหวหมากเกมของ พล.อ.ณรงค์พันธ์ และ ตท.28 จึงถูกจับตามองยิ่ง

พล.ต.อมฤต บุญสุยา

โดยเฉพาะเมื่อ พล.อ.ณรงค์พันธ์ ดึง พล.ต.สราวุธ ไชยสิทธิ์ จาก ผบ.พล.ร.2 รอ. แกนนำ ตท.28 ที่เพิ่งนั่งได้ 6 เดือน ขึ้นมาเป็นรองแม่ทัพภาคที่ 1 ในโยกย้ายเมษายน 2566 ที่ผ่านมา แบบพลิกความคาดหมาย เพราะใน ทบ. หรือแม้แต่ผองเพื่อนในรุ่น ตท.28 เอง ก็ยังคิดว่า พล.ต.สราวุธจะขยับในโยกย้ายกันยายน 2566 เพราะ พล.ต.สราวุธเป็นหนึ่งในความหวังของรุ่น ที่จะขึ้นเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 และ ผบ.ทบ.ในอนาคตอยู่แล้ว

จึงทำให้ พล.ต. สราวุธ แม้จะมีผลงาน มีความเหมาะสม แบบที่เพื่อนๆ บอกว่า ครบเครื่อง แต่ถูกมองว่า มาแบบฟาสต์แทร็กพิเศษ เช่นเดียวกับ พล.ท.พนา เพราะ พล.ต.สราวุธ จากที่เดิมเป็นทหารคอเขียว ผบ.มทบ.11 ก็ขยับไปเป็น ผบ.พล.ร.2 รอ. หน่วยทหารคอแดง และเพิ่งไปฝึกหลักสูตรทหารคอแดง 3 เดือนมา จบหมาดๆ ก่อนที่จะมีคำสั่งให้ขึ้นมาเป็นรองแม่ทัพภาคที่ 1

เมื่อขึ้นมาเป็นรองแม่ทัพภาคที่ 1 พล.ต.สราวุธไม่ใช่น้องเล็ก เพราะมีรองไก่ พล.ต.วรยส เหลืองสุวรรณ เพื่อนร่วมรุ่น ตท.28 เป็นรองแม่ทัพอยู่ก่อนแล้ว และมีรองใหญ่ พล.ต.อมฤต บุญสุยา รุ่นพี่ ตท.27 เป็นรองแม่ทัพอีกคน

แต่การมาใหม่ ทำให้ พล.ท.พนา จัดแบ่งสายงาน โดยให้ พล.ต.สราวุธ เป็นรองแม่ทัพภาคที่ 1 คนที่ 3 คุมสายงานส่งกำลังบำรุง และปลัดบัญชี เช่นที่บิ๊กหมี พล.ท.ไกรภพ ไชยพันธุ์ น้องรัก พล.อ.อภิรัชต์ เคยดูแลอยู่ ตอนเป็นรองแม่ทัพ ก่อนขยับไปเป็นพลโท ผบ.รร.นายร้อย จปร.

ส่วน พล.ต.อมฤต พี่ใหญ่ในรองแม่ทัพภาคที่ 1 คนที่ 1 ก็คุมสายงานการข่าว และยุทธการ ส่วน พล.ต.วรยส รองแม่ทัพภาคที่ 1 (2) ก็ดูสายงานกำลังพล

แต่ก็เป็นที่ร่ำลือกันในกองทัพภาคที่ 1 ถึงสายสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดของ พล.ท.พนา กับ พล.ต.สราวุธ และแนวทางการทำงาน ที่เข้าขา เข้าตา ที่ยิ่งทำให้รองกอล์ฟ พล.ต.สราวุธ ถูกจับตามอง

แต่ที่ถูกจับตามองมากกว่าคือ ระหว่าง พล.ต.วรยส กับ พล.ต.สราวุธ ที่เป็นเพื่อนสนิท ตท.28 แต่วันนี้ต้องมาชิงเก้าอี้กัน เนื่องจากเดิมใน ตท.28 ก็คิดว่า พล.ต.วรยส ขึ้นจาก ผบ.พล.1 รอ. มาเป็นรองแม่ทัพภาคที่ 1 เพื่อมาจ่อเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 แต่ตอนนี้มี พล.ต.สราวุธ มาแรงแซงโค้ง มาจ่อชิงอีกคน

จนทำให้เป็นประเด็นในหมู่เพื่อนร่วมรุ่น ตท.28 ที่เสียงแตกว่า พล.ต.วรยส ที่เกษียณ 2571 ควรจะได้เป็นแม่ทัพภาคที่ 1 ก่อนหรือไม่

ส่วน พล.ต.สราวุธ เกษียณกันยายน 2573 ยังรอต่อคิวได้ เพราะการก้าวเดินในจังหวะนี้ สะท้อนถึงอนาคตสู่เก้าอี้ ผบ.ทบ.ในอนาคตด้วย

พล.ต.วรยส เหลืองสุวรรณ

ท่ามกลางกระแสข่าวใน ทบ. ว่า พล.อ.ณรงค์พันธ์ต้องการปรับเปลี่ยนวิถีเดิมๆ ที่แม่ทัพภาคที่ 1 จะมานั่งแค่ปีเดียว แล้วก็ไปขึ้น 5 เสือ ทบ. จึงทำให้การพัฒนากองทัพภาคที่ 1 ไม่ต่อเนื่อง ทั้งๆ ที่เป็นกองทัพสำคัญ แทบจะเรียกได้ว่าเป็นหัวใจของ ทบ.เลย และการปรับหน่วย ปรับโครงสร้าง หลังจากที่ พล.1 รอ. กลายเป็นกองพลคอแดง และเป็น ฉก.ทม.รอ.904 ไปทั้งกองพล ทบ.จึงปรับโครงสร้าง พล.ร.11 ให้มาเป็นกองพลรบหลักทดแทน

แต่จนถึงตอนนี้ พล.ร.11 ก็ยังไม่สมบูรณ์ ตามการจัดอัตราใหม่

และลือสะพัดกันว่า เล็งที่จะให้ พล.ต.สราวุธ เป็นแม่ทัพภาคที่ 1 มากกว่า 1 ปี เพื่อจะมีเวลาในการพัฒนากองทัพภาคที่ 1

แต่ในทางปฏิบัติแล้ว แคนดิเดตแม่ทัพภาคที่ 1 มีถึง 4 คน เพราะ พล.ต.อมฤต ตท.27 ก็เป็นทหารคอแดง แถมเป็นสายทหารเสือฯ สายตรง พล.อ.ประยุทธ์ ยิ่งหาก พล.อ.เจริญชัย ได้เป็น ผบ.ทบ. ก็น่าจะยกทีม ยกแผงสายลุงตู่ เพราะก็เติบโตมาตามไลน์ และถูกเชื่อว่า พล.อ.อภิรัชต์ก็หนุนสายนี้

ส่วน พล.ต.วรยส กับ พล.ต.สราวุธ นั้น แม้เป็นเพื่อน ตท.28 แต่ต่างก็รู้ดีว่า พวกเขาไม่ใช่คนที่ตัดสินใจ ว่าจะให้ “ไก่” เป็นก่อน “กอล์ฟ” หรือให้ “กอล์ฟขึ้นเลย” แต่เป็น พล.อ.ณรงค์พันธ์ และกลไก ฉก.ทม.รอ.904 และทีม “แบ๊กอัพที่แท้จริง” ของ พล.อ.ณรงค์พันธ์

ขณะที่แม่ทัพรุ่ง พล.ท.ชิษณุพงศ์ รอดศิริ แม่ทัพน้อยที่ 1 คอแดง สายบูรพาพยัคฆ์ ก็ถือว่าเป็นแคนดิเดตอีกคน แถมทั้งเป็นเพื่อนรัก ตท.26 ของ พล.ท.พนาด้วย แต่คงไม่อาจสู้พลังภายในของ ตท.27 และ ตท.28 ที่กำลังชิงชัยกันอยู่ และชิงชัยกันเอง

แต่กระนั้นยังคงเป็นที่จับตามองในช่วงช่องว่าง หลังการเลือกตั้งหากมีการเปลี่ยนรัฐบาลใหม่ เปลี่ยนนายกฯ คนใหม่ รวมถึงกลาโหม

ช่วงเปลี่ยนผ่านหลัง ผบ.ทบ.คนใหม่ ที่ไม่ว่าจะเป็น พล.อ.เจริญชัย หรือ พล.อ.สุขสรรค์ ที่จะเกษียณกันยายน 2567 เช่นกัน พล.ท.พนา ที่คาดว่าตุลาคม 2566 นี้ จะขึ้นมาเป็น ผช.ผบ.ทบ. แล้วจะขึ้น ผบ.ทบ.เลยหรือไม่ เพราะมีอายุราชการถึงกันยายน 2570 นั่นหมายถึง จะเป็น ผบ.ทบ.นานถึง 3 ปี เช่นเดียวกับ พล.อ.ณรงค์พันธ์

และหากตามแผนใหม่ที่ร่ำลือกัน คือ ต่อด้วย พล.ต.สราวุธ ที่จะเติบโตไล่ขึ้นมาจ่อรอในห้วง 3 ปีนั้น เพื่อมาเป็น ผบ.ทบ.อีก 3 ปีต่อเนื่อง เป็นสูตร 3-3-3

พล.อ.สุขสรรค์ หนองบัวล่าง

แต่อะไรก็ไม่แน่นอน แม้การเมืองภายนอกจะไม่มีผลต่อ ฉก.ทบ.คอแดง แต่ทว่า เกมภายในอาจได้รับผลกระทบบ้าง จากปัจจัยภายในที่ไม่แน่นอน

โดยมีการจับตาไปที่ พล.อ.ธราพงษ์ ที่แม้จะพลาดเก้าอี้แม่ทัพภาคที่ 1 มาเป็นพลเอกในกรุ บก.ทบ. เพราะต้องหลีกทางให้ พล.ท.พนา รุ่นน้องขึ้นเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 แต่ด้วยดีกรีและเดินมาในเส้นทางเหล็ก และยังคงเป็นทหารคอแดง ไม่ได้ถูกปลดคอแดงตอนที่มีคำสั่งก่อนหน้านี้ จึงยังมีโอกาส เพราะมีอายุราชการถึงกันยายน 2569

ตามธรรมเนียมสายเลือดพี่น้องทหารแล้ว หากไม่ได้ทำผิดพลาดอะไร แต่เพราะไม่ใช่ “คนที่ใช่” ก็อาจจะมีการเยียวยาชดเชย เพราะ พล.อ.ณรงค์พันธ์ ก็มอบหมายที่เกี่ยวข้องกับโครงการพระราชดำริ และจิตอาสาต่างๆ ให้รับผิดชอบ

จนเป็นที่จับตามองว่าในการโยกย้ายกันยายนนี้ พล.อ.ธราพงษ์ จะได้เข้าเป็นห้าเสือ ทบ.หรือไม่ เพราะหากเป็นเช่นนั้นจะกลายเป็นแคนดิเดต ผบ.ทบ.อีกคน ชิงกับ พล.ท.พนา ที่จะขึ้นมาอยู่ในห้าเสือ ทบ.เช่นกัน

เพราะหาก พล.อ.สุขสรรค์ เป็น ผบ.ทบ. ก็อาจทำให้สายบูรพาพยัคฆ์คอแดง มีลุ้นมากขึ้น และหาก พล.อ.ประวิตรมาเป็นรัฐบาลอีกสมัย ไม่ว่าจะเป็นนายกฯ หรือ รมว.กลาโหมก็ตาม ก็อาจส่งผลไม่มากก็น้อย แม้ว่าการเมืองจะแทรกแซงการแต่งตั้ง ผบ.ทบ.คอแดง ไม่ได้ก็ตาม

แต่ก็ต้องขึ้นกับเพาเวอร์ของ พล.อ.อภิรัชต์ น้องรักพี่ตู่ด้วยนั่นเอง

แต่ก็ต้องยอมรับว่า โอกาสของ พล.อ.ธราพงษ์ ที่จะได้ย้อนกลับมาสู่ไลน์ในกองทัพบกเป็นไปได้น้อย แต่มีแนวโน้มว่าจะถูกส่งออกไปอยู่ บก.ทัพไทย เพื่อเป็น ผบ.ทหารสูงสุด ต่อจากบิ๊กอ๊อบ พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี รอง ผบ.ทหารสูงสุด เพื่อนร่วมรุ่นเตรียมทหาร 24 ที่คาดว่าจะขึ้นเป็นทหารสูงสุดคอแดงคนที่ 2 ต่อจากบิ๊กแก้ว พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ที่กำลังจะเกษียณกันยายนนี้ก็เป็นได้ เพราะ พล.อ.ทรงวิทย์เกษียณกันยายน 2568

หรือในอีกทางหนึ่ง อาจข้ามไปเป็นรองปลัดกลาโหม เพื่อจ่อรอขึ้นเป็นปลัดกลาโหม ต่อจากบิ๊กหนุ่ม พล.อ.สนิธชนก สังขจันทร์ เพื่อนร่วมรุ่นเตรียมทหาร 24 ที่จะเกษียณกันยายน 2568

ในเวลานี้ ทุกสายตาจึงชะเง้อมองที่ไปถ้ำสวนมิสกวัน กองทัพภาคที่ 1 ขุมกำลังปฏิวัติ และแหล่งบ่มเพาะอำนาจ สู่การเป็น ผบ.ทบ.คนต่อๆ ไปให้กองทัพบก ทั้งตัว พล.ท.พนา และ 3 นายพล รองแม่ทัพ

ที่สำคัญที่สุดคือ การตัดสินใจของ พล.อ.ณรงค์พันธ์ และแบ๊กอัพพิเศษ ที่จะทิ้งทวนจัดกองทัพบก โดยเฉพาะทำให้ทหารคอแดงเป็นเขตปลอดการเมือง เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมา ได้เห็นปัญหาทุกสิ่งอย่าง อีกทั้งทหารคนไหนที่เกี่ยวข้อง เกี่ยวโยงกับการเมือง ก็โดนย้ายเข้ากรุหมด

จึงทำให้การตัดสินใจของ พล.อ.ณรงค์พันธ์ ก่อนเกษียณ น่าจับตามองยิ่ง