เผยแพร่ |
---|
ทั้งๆที่ผ่านสถานการณ์การเลือกตั้งเมื่อเดือนมีนาคม 2562 มามากกว่า 3 ปี แต่กระบวนการวิเคราะห์และสังเคราะห์ทางการเมืองก็ยังติดความเคยชินแบบเก่า
มองข้าม ปรากฏการณ์”อนาคตใหม่” มองข้ามผลสะเทือนจาก”อนาคตใหม่”มายัง “ก้าวหน้า”และ”ก้าวไกล”
อาจเพราะยังเชื่อมั่นในบทบาทและความหมายของรัฐธรรม นูญ พ.ศ.2560 อันดำเนินไปบนแนวทาง DESIGN มาเพื่อ”พวกเรา” อย่างเต็มเปี่ยม
เป็นความเชื่อมั่นที่เมื่อไม่ไว้วางใจพรรคอนาคตใหม่ก็ผลักดัน เข้าสู่กระบวนการยุบพรรคเหมือนที่เคยทำกับพรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน พรรคไทยรักษาชาติ
มองข้ามความเป็นจริงที่เมื่อยุบพรรคไทยรักไทยก็เกิดพรรคพลังประชาชน เมื่อยุบพรรคพลังประชาชนก็เกิดพรรคเพื่อไทย เมื่อยุบพรรคไทยรักษาชาติยิ่งผนึกพลังอยู่กับพรรคเพื่อไทย
มองข้ามความเป็นจริงที่เมื่อยุบพรรคอนาคตใหม่ก็เกิดพรรค
ก้าวไกล ประสานเข้ากับการเคลื่อนไหวอย่างมากด้วยกัมมันตะจากคณะก้าวหน้า
นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ นายปิยบุตรแสงกนกกุล ยังคงอยู่
เมื่อมองเห็นการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นภายในเดือนพฤษภาคม 2566 ไม่แตกต่างไปจากที่เคยมองต่อการเลือกตั้งในเดือนมีนาคม 2562 ทุกอย่างจึงหยุดนิ่ง ไม่มีอะไรใหม่
เคยคาดหมายพรรคอนาคตใหม่ว่าได้รับเลือก 5 คนก็ถือว่าวิเศษสุดอย่างยิ่งแล้ว
มาถึงเดือนธันวาคม 2565 ก็ยังมองพรรคก้าวไกลเหมือนกับที่มองพรรคอนาคตใหม่ก่อนเดือนมีนาคม 2562 ถึงกับประเมินว่า แม้กระทั่งพรรคเพื่อไทยก็แสดงความรังเกียจ
ทั้งๆที่คะแนนและความนิยมซึ่งปรากฏผ่าน”นิด้า โพล”ตัวเลขของพรรคก้าวไกลจะเป็นรองก็เพียงแต่พรรคเพื่อไทยเท่านั้นในขอบเขตทั่วประเทศ
การประเมินพรรคก้าวไกลอยู่ในสถานะอันเป็นรองจึงเป็นการประเมินบนฐานความเชื่อและบทสรุปเก่าในทางการเมือง
ความน่าแปลกอยู่ตรงที่ในทางยุทธศาสตร์ พรรคพลังประชารัฐ พรรคภูมิใจไทย พรรคประชาธิปัตย์ ประเมินบทบาทของพรรคก้าวไกลต่ำเป็นอย่างยิ่ง
แต่ทุกครั้งที่แสดงปฏิกิริยากลับรุนแรงและแข็งกร้าว
ไม่เพียงแต่จะโดดเดี่ยวพรรคก้าวไกล หากแต่ยังพยายามจุด ประกายความเชื่อที่ว่าหากพรรคก้าวไกลได้รับเลือกอย่างท่วมท้นนั่นคือเชื้อไฟอันนำไปสู่การรัฐประหาร
ภายในท่าทีหมิ่นหยามกลับเคล้าไว้ด้วยความหวาดกลัว