ภาพยนตร์ นพมาส แววหงส์/Mother! “หนังระทึกขวัญเชิงอุปมา”

นพมาส แววหงส์

ภาพยนตร์/นพมาส แววหงส์

Mother! “หนังระทึกขวัญเชิงอุปมา”

กำกับการแสดง,Darren Aronofsky

นำแสดง,Jennifer Lawrence,Javier Bardem,Ed Harris,Michelle Pfeiffer,Domnhall Gleeson,Brian Gleeson

Mother! เป็นประสบการณ์ภาพยนตร์ที่พิสดารพันลึกที่สุดที่ผู้เขียนเจอมาในรอบหลายสิบปี สมกับเครื่องหมายอัศเจรีย์ที่ควบคู่มากับคำว่า “แม่” ในชื่อเรื่อง

ถามว่าสนุกไหม…สนุกมากค่ะ ในลักษณะชวนพิศวงงงงวย เหตุการณ์และการกระทำของตัวละครช่างไม่ได้ดังใจเสียเลย แถมเรายังแทบเดาไม่ออกว่าทำไมตัวละครหลายๆ ตัวจึงทำอย่างที่ทำอยู่

ตัวละครหลักคือ แม่ (เจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์) ที่พาเรานั่งรถไฟเหาะตีลังกา ค่อยๆ ปีนขึ้นทางลาดชันไปช้าๆ แต่แล้วก็พาหล่นวูบดิ่งเหว ก่อนจะลัดเลาะขึ้นๆ ลงๆ อีกหลายรอบ จนถึงไคลแมกซ์ที่บ้าคลั่งและสุดโต่งของความ “เซอร์เรียล”

เหตุผลของเรื่องยังไม่กระจ่างแก่ใจเราในทีแรก แต่เริ่มมีความหมายขึ้นเมื่อมองลึกลงไปอีกชั้นในแง่ของแก่นเรื่องหรือ “ธีม” ที่ครอบคลุมเนื้อหาทั้งหมดไว้

และเราจะเข้าใจหนังเรื่องนี้ได้ดีมากขึ้น ถ้ามองความหมายเชิงอุปมาที่ทับซ้อน แอบแฝง และบางครั้งก็เห็นอยู่โต้งๆโดยตลอด

Mother! เป็นเรื่องราวเชิงเปรียบเทียบ ที่ได้รับความบันดาลใจมาจากคัมภีร์ของศาสนา

ตัวละครหลักคือ “แม่” และสามี (ฮาเวียร์ บาร์เดม) ซึ่งไม่มีชื่อเสียงเรียงนามปรากฏ คำแรกที่เราได้ยินภรรยาเรียกสามีในตอนเช้าเพิ่งตื่นนอน และพบว่าไม่มีใครนอนอยู่ข้างกาย คือการเรียกชื่อในเชิงรักใคร่ว่า Baby

สามีมีเครดิตขึ้นท้ายเรื่องว่า “เขา” (Him) โดยเป็นตัวละครตัวเดียวที่สะกดด้วยตัวอักษรตัวใหญ่ในคำเรียก นอกนั้น (mother, man, woman ฯลฯ) ใช้ตัวอักษรเล็กหมด

นี่ก็น่าจะบอกอะไรให้เรารู้ชัดแล้วว่า เรื่องราวเป็นอุปมาถึงอะไร

ในหนัง Him เป็นนักเขียน ซึ่งนับเป็น “ผู้สร้าง” (Creator) แบบหนึ่ง

ถ้า Him เป็นผู้สร้าง หรือพระเจ้าในรูปแบบหนึ่ง mother ก็น่าจะเป็นแม่แห่งพิภพ หรือ Mother Earth ซึ่งอาศัยอยู่ในสวนสวรรค์อีเดน ที่ถูกรุกรานโดยมนุษย์คู่แรก คือ อาดัม กับ อีฟ

ก่อนที่เรื่องราวจะเริ่มขึ้น หนังบอกให้เรารู้ว่าบ้านในชนบทที่สองคนนี้อาศัยอยู่ เคยถูกไฟไหม้ และ “แม่” สร้างขึ้นใหม่กับมือคนเดียวล้วนๆ ไม่ว่าจะเป็นผนังทุกด้าน ประตูหน้าต่าง และพื้นไม้

บ้านนี้ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ และแม่ก็ยังผสมสีกับปูนฉาบผนัง ซ่อมแซมสิ่งที่พังหรือสึกหรอไป ขณะที่เขากำลังกลัดกลุ้มกับหนังสือเล่มใหม่ซึ่งยังเขียนไม่ออกเลย

อ้อ เมื่อหนังเปิดเรื่อง เราเห็นแก้วผลึกก้อนโตทอประกายรุ้ง กำลังถูกวางตั้งไว้บนฐานอย่างทะนุถนอม และเราได้รู้ต่อมาว่านี่คือของรักของหวงของ Him ซึ่งเก็บมาจากซากปรักหักพังของบ้านที่ถูกไฟไหม้ไปก่อนหน้า

ระหว่างการซ่อมแซมบ้าน บางครั้ง “แม่” เอามือไปทาบบนผนัง และได้ยินเสียงเต้นของหัวใจ ขณะที่ภาพดิ่งลึกเข้าไปในผนัง เห็นหัวใจกำลังเต้นตุบๆ

บ้านนี้มีชีวิตที่ซ่อนอยู่ภายใต้ และอำพรางไว้จากสายตาคนทั่วไป

พล็อตเริ่มเข้มขึ้นเมื่อมีชายแปลกหน้า (เอ็ด แฮร์ริส) มาเคาะประตูเรียก และ Him เปิดรับ แถมยังไม่ทันไร ก็เชื้อเชิญให้พักอยู่ด้วย เนื่องจากที่นี่เป็นบ้านชนบทที่ห่างไกล และที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้น คือผู้ชายคนนั้นบอกว่าเป็นแฟนตัวยงของหนังสือที่ Him สร้างสรรค์

มิไย mother จะทักท้วงว่าเขาเป็นคนแปลกหน้าและอาจเป็นอันตราย

วันรุ่งขึ้น ก็มีผู้หญิงแปลกหน้า (มิเชลล์ ไฟเฟอร์) มาเคาะประตูเรียกอีกคน ปรากฎว่าเป็นภรรยาของชายแปลกหน้า และทั้งสองได้รับการต้อนรับอย่างดีจาก Him ขณะที่ mother ไม่เต็มใจเลยที่ความเป็นส่วนตัวถูกรุกรานด้วยแขกที่ไม่มีความเกรงใจเลย

แถมแขกสองคนนี้ยังจุ้นจ้านโผล่หน้าเข้าไปในห้องหับส่วนตัว และด้วยความสอดรู้อย่างไม่น่าให้อภัย ทำแก้วผลึกล้ำค่าตกแตกกระจาย

กระนั้น Him ก็ยังไม่อยากจะไล่แขกคู่นี้ออกไปให้พ้นบ้าน

เรื่องราวทวีความยุ่งยากขึ้นไปอีก ด้วยการที่ลูกชายสองคนของแขกทั้งคู่เข้ามาทะเลาะกันใหญ่โตและเลยเถิดไปจนทำร้ายกันเองจนบาดเจ็บสาหัส

(วงเล็บไว้เสียหน่อย ว่านี่เป็นอุปมาถึงเรื่องราวของพี่น้องที่ฆ่ากันตายในคัมภีร์ไบเบิล คือ Cain กับ Abel ละกระมัง)

และขณะที่คนอื่นๆ พาตัวคนบาดเจ็บไปโรงพยาบาล mother ต้องถูกทิ้งให้อยู่คนเดียวเพื่อเก็บกวาด และเช็ดเลือดกองใหญ่บนพื้น…ซึ่งเช็ดเท่าไรก็ไม่หมด และยังซึมลึกลงไปในพื้นบ้าน ใส่ชีวิตเลือดเนื้อเพิ่มให้แก่บ้านหลังนี้อีก

เท่านั้นยังไม่พอ เมื่อ Him กลับมาบ้านพร้อมกับข่าวที่ว่าชายที่ถูกทำร้ายเสียชีวิตแล้ว วันรุ่งขึ้น mother ก็ต้องรับแขกที่หลั่งไหลเข้ามา แสดงความเสียใจกับการสูญเสียของครอบครัวคนแปลกหน้าคู่นั้น

เราว้าวุ่นจับต้นชนปลายไม่ถูกไปกับคุณเจนนิเฟอร์ที่ทำอะไรไม่ถูก และโดนรุกรานความเป็นส่วนตัวแบบห้ามไม่ฟัง และไม่มีความเกรงใจกันเลย

และเธอเบรกแตกเมื่อแขกจอมจุ้นจ้านทำท่อน้ำในบ้านแตก น้ำพุ่งกระจายเลอะเทอะไปทั่ว

เหตุการณ์นี้นำไปสู่ความเป็นแม่ ตามชื่อเรื่อง แต่ขอไม่เล่าต่อแล้วนะคะ

ความสนุกของหนังอยู่ที่การจับต้นชนปลายแทบไม่ถูกไปพร้อมๆ กับตัวละครหลักของเรื่อง

ถ้าไปดูแบบเปิดใจกว้าง รับรองว่าสนุกค่ะ ห้ามคาดหวังว่าน่าจะเป็นอย่างโน้นอย่างนี้ ต้องบอกว่าหนังมีลักษณะเซอร์เรียลหรือเหนือจริง จึงไม่ควรดูด้วยเหตุผลแบบสมจริง

นักแสดงตัวสำคัญเป็นดาราเกรดเอทั้งนั้น มิเชลล์ ไฟเฟอร์ หายหน้าไปจากวงการหลายปี และกลับมาในบทบาทที่น่าจดจำมาก และพิสูจน์ฝีมือตัวเองให้เห็นประจักษ์อีกครั้ง

หนังลงเอยแบบหนังระทึกขวัญหลายเรื่อง คือเรื่องวนกลับมาที่เดิม เป็นการบอกว่าความน่ากลัวนี้จะยังดำเนินอยู่สืบไป แต่ที่เสียดแทงใจที่สุด คือเสียงเพลงยอดนิยมในอดีตที่มีเนื้อหาพร่ำเพ้อถึงความรักที่จากไป ที่ดังขึ้นในระหว่างเครดิตตอนท้ายเรียงรายขึ้นจอ

เพลง The End of the World ของ สกีเตอร์ เดวิส ซึ่งเดอะ คาร์เพนเตอร์ส เอามาร้องใหม่ เป็นเพลงที่คนรุ่นอายุผู้เขียนร้องได้ทุกคน ท่อนสุดท้ายของเพลงคือผู้หญิงที่คร่ำครวญว่า

Why does my heart go on beating?

Why do these eyes of mine cry?

Don”t they know it”s the end of the world?

It ended when you said goodbye.

ผู้เป็นแม่ในหนังบอกว่าเธอให้และให้และให้ความรักทั้งหมดแล้ว แต่ที่เจ็บปวดที่สุดคือให้ไปเท่าไหร่ ก็ยังดูเหมือนไม่เพียงพอ

นี่เป็นเสียงต่อว่าของ แม่พระธรณี หรือโลกใบนี้ของเรา ที่มีต่อพระผู้สร้างหรือเปล่าหนอ

หนังยังมีประเด็นน่าคิดน่าติดตามอีกมากที่ยังพูดได้ไม่หมดในคอลัมน์นี้นะคะ

ถือว่าเป็นหนังตัวอย่างไว้ให้คนที่นึกอยากดูไปตามดูเอาเองแล้วกัน