จับสัญญาณ-ท่าที ส.ว. พลิกสู้ 2 กม.ลูกวาระ 2 วุฒิ ‘เพื่อนตู่’ ส่อฟื้นชีพ ‘พรรคเล็ก’/บทความในประเทศ

บทความในประเทศ

 

จับสัญญาณ-ท่าที ส.ว.

พลิกสู้ 2 กม.ลูกวาระ 2

วุฒิ ‘เพื่อนตู่’ ส่อฟื้นชีพ ‘พรรคเล็ก’

 

ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. พ.ศ. … และร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. … หรือร่างกฎหมายลูกทั้ง 2 ฉบับ ที่มีการถกกันอย่างดุเดือดโดยได้ข้อสรุปเรียบร้อยแล้วในชั้นคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.ป.ทั้ง 2 ฉบับ ซึ่ง กมธ.วิสามัญฯ จะส่งร่าง พ.ร.ป.ทั้ง 2 ฉบับถึงนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา

เพื่อรอบรรจุวาระเข้าสู่ที่ประชุมรัฐสภาพิจารณาในวาระที่ 2-3 คาดว่าเป็นช่วงปลายเดือนมิถุนายนนี้

ประเด็นร้อนที่มีการถกเถียงกันมากที่สุดของฝ่ายการเมืองและอาจนำไปสู่การยื่นร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้ตีความ นั่นคือ ประเด็นเรื่องสูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ที่ฝ่ายพรรคเล็กและสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) มองว่าเป็นการได้เปรียบของพรรคใหญ่และทำพรรคเล็กสูญพันธุ์นั้น นั่นคือ การใช้สูตรคิด ส.ส.บัญชีรายชื่อ หารด้วย 100

โดย กมธ.เสียงข้างมากและพรรคการเมืองพรรคใหญ่ คาดการณ์ว่าอย่างไรก็ตาม ผลโหวตในรัฐสภาก็จะออกมาเช่นเดียวกับในขั้น กมธ. เนื่องจากมีการโหวตเสียงข้างมากที่มีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน ไม่น่ามีอะไรที่พลิกผันได้

แต่ตัวแปรที่ไม่สามารถมองข้ามที่อาจจะสามารถพลิกได้คือ ส.ว. ที่มีถึง 250 เสียง ที่อาจจะทำให้การโหวตเปลี่ยนไม่เป็นตามที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้

 

กมธ.เสียงข้างน้อย ที่สนับสนุนให้ใช้หาร 500 ถูกเจตนารมณ์ แม้จะมีคนบอกว่าการหาร 500 กลุ่มที่คิดเช่นนี้มีเพียงคนกลุ่มน้อย เพราะเสียงโหวต กมธ.เสียงข้างมากสนับสนุนสูตรหาร 100 เท่ากับ 32 ต่อ 11 เสียง ซึ่งต่างกันอย่างมาก และผลการโหวตดังกล่าวในส่วนของ ส.ว.เองก็มีเสียงแตกและไม่ไปในทิศทางเดียวกัน

ทั้งนี้ พล.อ.อกนิษฐ์ หมื่นสวัสดิ์ ส.ว. ในฐานะ กมธ.วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.ป.ทั้ง 2 ฉบับ ได้สะท้อนภาพถึงเสียงในสภาของ ส.ว.ในการพิจารณาร่าง พ.ร.ป.ทั้ง 2 ฉบับในวาระที่ 2-3 ว่า จะต้องรอคุยและดูการชี้แจงของ ส.ว.ที่เข้าไปใน กมธ.วิสามัญฯ ต้องชี้แจงให้เข้าใจเหตุผลว่าทำไมโหวตเอาสูตร 500 หรือสูตร 100 ด้วยเหตุผลอะไร

ขอย้ำอีกว่ายังไม่สามารถสรุปได้ว่าการโหวตในวาระ 2 จะผ่านหรือไม่ เพราะที่ผ่านมากฎหมายหลายฉบับที่ กมธ.เสนอมา ในการประชุมสภาถูกตีตกไปก็มีหลายฉลับ คนที่ออกมาพูดนั้นอาจจะด่วนสรุปไป

เพราะอะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น

 

ทั้งนี้ การที่ พล.อ.อกนิษฐ์ออกมาระบุเช่นนี้ อาจจะเป็นการได้รับสัญญาอะไรบางอย่างมาจาก “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะเพื่อนเตรียมทหารรุ่นที่ 12 (ตท.12) หรือไม่

นอกจากนี้ พล.อ.อกนิษฐ์ยังได้เห็นแย้งถึงสูตรการคำนวณ 100 หาร ถือเป็นการขัดเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญชัดเจน พร้อมย้อนกลับไปถึงเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งที่ผ่านมา ที่ทำด้วยความเร่งรีบ ทำให้ขาดความรอบคอบ แก้แค่มาตรา 91 แต่มาตรา 93, 94 ไม่ได้แก้ จึงเกิดเนื้อหาขัดแย้งกัน และทำให้ทุกคนตีความกันไปตามความเห็นของตัวเอง แม้ว่าบางคนบอกว่าต้องถือเอาของใหม่เป็นหลัก ถ้าอย่างนั้นการแก้รัฐธรรมนูญต้องแก้มาตราเดียว ส่วนมาตราอื่นที่เกี่ยวข้องต้องถูกลบล้างทั้งหมด ไม่ใช่ความคิดที่เป็นไปไม่ได้ ตีความอย่างนั้นไม่ได้

พล.อ.อกนิษฐ์ยังย้ำด้วยว่า ข้อสำคัญของการแก้รัฐธรรมนูญแค่ 3 มาตรา จะแก้เจตนารมณ์รัฐธรรมนูญปี 2560 ทั้งฉบับเลย มันไม่ใช่ และไปแก้เจตนารมณ์ไม่ได้ โดยวิธีจะแก้ได้ แค่วิธีการว่าใช้บัตรกี่ใบ แต่เจตนารมณ์ต้องอยู่ แล้วเจตนารมณ์คือ ให้มีพรรคการเมือง พรรคเล็กเกิดขึ้นได้ เพื่อเป็นทางเลือกของประชาชน และประชาชนมีความคิดทางการเมืองก็รวมกลุ่มกันจัดตั้งพรรคการเมืองเป็นพรรคเล็ก ถ้าแก้เอาสูตร 100 ก็ขัดเจตนารมณ์ตรงนี้ชัดเจน เพราะพรรคเล็กมีโอกาสเกิดได้ยาก พร้อมทิ้งท้ายว่ายังมีอีกหลายประเด็นที่เข้าใจกันคลาดเคลื่อน ไว้พูดกันในที่ประชุมสภาถ่ายทอดทางทีวีให้ประชาชนดู ให้รู้ว่าเหตุผลที่แท้จริงว่าทำไมถึงโหวตแบบนี้ ประชาชนจะได้รู้ ได้ตัดสินใจ จะได้รู้ว่าใครเป็นใคร เจตนารมณ์อย่างไรในการแก้แบบนี้

หรือนี่จะเป็นสัญญาณจาก พล.อ.ประยุทธ์ ที่จะยังคงต้องการสูตร 500 เพื่อเอาใจพรรคเล็กไป เพราะ พล.อ.อกนิษฐ์ถือได้ว่าเป็นเพื่อนสนิทของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่เรียนด้วยกันมา

 

อย่างไรก็ตาม ในส่วนท่าทีของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) อย่างนายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหน้าพรรค พปชร. ที่เป็นหนึ่งใน กมธ.วิสามัญฯ พิจารณากฎหมายลูก ก็ย้ำว่า การที่เกมจะพลิกไม่เหมือนกับเสียงข้างมากของ กมธ.ที่มีการลงมติเห็นชอบให้ใช้สูตร 100 หารไปแล้วนั้น มีเพียงแค่ 1 เปอร์เซ็นต์ที่จะเป็นไปได้

ซึ่ง 1 เปอร์เซ็นต์นี้ที่เหลือให้กับฝ่ายที่หนุนให้ใช้สูตร 500 หาร ซึ่งต้องติดตามกันต่อว่าการพิจารณาในวาระที่ 2 จะมีโอกาสพลิกกลับไปใช้สูตร 500 หารหรือไม่

แต่การที่นายไพบูลย์ออกมาระบุชัดเจนเต็มปากว่าสนับสนุนสูตรหารด้วย 100 นั้น ก็เหมือนการส่งสัญญาณว่า “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ก็เห็นพ้องไปในทิศทางเดียวกัน

แต่ทำไมเพื่อนสนิทฝั่งของ พล.อ.ประยุทธ์ อย่าง พล.อ.อกนิษฐ์ ถึงได้เห็นต่าง สวนทางกันเช่นนี้ เหมือนพี่ไปทางน้องไปทางแบบไม่ได้คุยกันให้ชัดเจนก่อนออกมาส่งสัญญาณสื่อสารต่อฝ่ายการเมือง

 

อย่างไรก็ตาม ต้องรอดูในการเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎรรอบนี้ที่มีระเบิด 3 ลูกใหญ่ ที่รัฐบาลและ พล.อ.ประยุทธ์จะต้องนำพาพรรคร่วมรัฐบาลให้ร่วมกันประคองเสียงสนับสนุนให้ผ่านเรื่องสำคัญๆ ในการพิจารณาของที่ประชุมสภา ทั้งการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566 วงเงิน 3.1 ล้านล้านบาท การพิจารณาร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ทั้ง 2 ฉบับ และการพิจารณาญัตติการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯ และรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล

ยิ่งเป็นช่วงสุดท้ายปลายสมัย ก่อนที่รัฐบาลจะครบเทอมในเดือนมีนาคม 2566 ซึ่งแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล รวมทั้งคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่างส่งสัญญาณมาเป็นเสียงเดียวกันว่า ทางฝั่งของพรรคร่วมรัฐบาลจะประมาทเกมการเมืองในสภาของพรรคร่วมฝ่ายค้านไม่ได้เหมือนกัน เพราะพรรคร่วมฝ่ายค้านต้องหวังผลใช้เกมการเมืองในสภา ตรวจสอบรัฐบาลอย่างเต็มที่

ถ้าล้มรัฐบาลไม่ได้ ก็ต้องให้รัฐบาลถึงขั้นเจ็บหนัก หรือปางตาย ก่อนจะครบเทอมแล้วเดินหน้าไปลงสนามเลือกตั้งในครั้งต่อไป

หากสัญญาณจากพี่น้อง “กลุ่ม 3 ป.” ยังไม่เคลียร์กันให้ชัดเจน ก่อนเปิดสมัยประชุมสภา ระวังอาจจะสะดุดล้มจากเกมการเมืองของคนกันเองได้เหมือนกัน