กมธ.แรงงาน รับเรื่องนวดสปาขอความเป็นธรรม จี้รัฐบาลเยียวยา ชี้คำสั่งกทม.-ศบค.ไม่ชัดเจน

‘สุเทพ’ จี้ รัฐบาลเยียวยา ‘นวดสปา’ หลัง กมธ.แรงงานฯ รับเรื่องร้องขอความเป็นธรรม ซัด ‘ประยุทธ์’ ต้นตอปัญหาควรลาออก เพื่อเปิดทางมีรัฐบาลใหม่ ด้าน ‘ทวีศักดิ์’ ชี้ คำสั่ง กทม.- ศบค. ขาดความชัดเจน เล่นกับความทุกข์ร้อนของประชาชน

วันที่ 1 มิถุนายน 2564 สุเทพ อู่อ้น ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการเเรงงาน สภาผู้เเทนราษฎร พร้อม ทวีศักดิ์ ทักษิณ กรรมาธิการฯ รับหนังสือร้องของความเป็นธรรมจากกลุ่มอาชีพนวดและสปา ที่เรียกร้องให้รัฐบาลให้ผ่อนปรนเเละยกเลิกมาตรการสั่งปิด หลังได้รับผลกระทบจากมาตรการควบคุมการเเพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 ทั้ง 3 ระลอก เเต่ไม่ได้รับการเยียวยาใดๆจากภาครัฐ
.
สุเทพ กล่าวว่า ตนรู้สึกเศร้าใจกับการบริหารงานของรัฐบาลที่ส่งผลกระทบเดือดร้อนกับพี่น้องประชาชน ซึ่งเกิดจากความไม่ชัดเจนด้านนโยบายของ ศบค.และรัฐบาล ความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน ผู้ใช้เเรงงาน ผู้ประกอบการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ประกอบการในภาคส่วนต่างๆที่ไม่ได้รับอนุญาตให้เปิดสถานประกอบการ ทั้งร้านนวดเเละสปา ร้านอาหาร สนามกีฬา หรือสถานประกอบการ อื่นๆทั้งหมด ตนจะนำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมของคณะกรรมาธิการเพื่อดำเนินการอย่างเร่งด่วน ขณะนี้มีหลายกลุ่มที่เดือดร้อนมาก เช่น พี่น้องเเรงงานนอกระบบกลุ่มรถยนต์ขับขี่สาธารณะ (แท็กซี่), กลุ่มลูกจ้างที่ถูกเลิกจ้างกว่า 1,300 คน จากบริษัทบิลเลียน จังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งนับตั้งเเต่ถูกเลิกจ้างยังไม่ได้รับการเยียวยาจากผู้ประกอบการ จากสถานการณ์ที่มีความลำบากไปทั่วเช่นนี้ จึงขอเรียกร้องให้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ลาออกเพื่อเปิดทางให้บุคคลมีความสามรถเข้ามาบริหารงานแทน
.
ด้าน ทวีศักดิ์ ทักษิณ ในฐานะกรรมาธิการฯ กล่าวว่า กลุ่มผู้ประกอบการนวดแผนไทยเเละสปา ได้รับผลกระทบเป็นวงกว้างจากนโยบายที่ไม่ชัดเจนของภาครัฐที่ใช้ควบคุมการเเพร่ระบาดไวรัสโคโรนา 2019 ซึ่ โดย เมื่อวานนี้ ( 31 พ.ค. 64 ) ทางกรุงเทพมหานครออกมาตรการปลดล็อก 5 กลุ่มธุรกิจซึ่งมีร้านนวดเเละสปาให้กลับมาเปิดกิจการได้ เเต่ไม่ทันข้ามวัน ในช่วงเย็น ทางศบค.กลับออกเเถลงการณ์ให้ชะลอมาตรการดังกล่าว จึงส่งผลกระทบต่อทางด้านจิตใจของพี่น้องประชาชนเเละผู้ประกอบการมาก เพราะทันที่ที่ได้ข่าวว่าปลดล็อก จากต้นทุนที่ไม่มีอยู่แล้วด้วยหวังว่าจะเปิดกิจการได้จึงไปกู้หนี้ยืมสินแต่สุดท้ายก็โดนยกเลิกไป เรื่องความเดือดร้อนของประชาชนแบบนี้ไม่ควรเกิดรัฐบาลต้องมีความชัดเจนต่อกรณีที่เกิดขึ้น
.
พิทักษ์ โยธา นายกสมาคมจารวีเพื่ออนุรักษ์นวดแผนไทย กล่าวว่า ในวันนี้ที่มายื่นเรื่องต่อประธานกรรมาธิการเเรงงาน เพื่อขอคัดค้านคำสั่งของ ศบค. ให้ปิดสถานที่ต่างๆรวมร้านนวดเเละสปาออกไปอีก 14 วัน กรณีความไม่ชัดเจนระหว่าง ศบค.กับ กทม. ที่เกิดขึ้น ผู้ประกอบการไม่มีทุนเป็นเดิมอยู่เเล้ว เเต่เมื่อรัฐประกาศมาตรการคลายล็อกออกมาก็ต้องเตรียมพร้อมเปิดร้านอีกครั้ง โดยต้องไปกู้นายทุนนอกระบบมาก่อน ทั้งในการพ่นยา ฆ่าเชื้อ เสื้อผ้า ซื้อหน้ากากอนามัย พอมาตรการรัฐออกมาสั่งปิดอีก 14 วัน ทุกคนแทบล้มทั้งยืน เพราะหนี้นอกระบบเขาเก็บเป็นรายวัน ไม่รู้จะเอารายได้มาจากไหน ตั้งแต่ระลอกแรกพวกเราได้รับผลกระทบด้วยการสั่งปิดทุกครั้งและแทบไม่ได้รับการเยียวยาเลย โครงการเราชนะ มีผู้ได้รับการช่วยเหลือเพียง 65% เท่านั้น อีก 35% คือ มีรายได้ในในปี 2562 เกิน 300,000 บาท ซึ่งทางรัฐบาลใช้ AI ตรวจสอบ แต่เราได้รับผลกระทบในปี 2563 จึงไม่ได้รับความช่วยเหลือ พนักงานของเราจะไปสมัครงานที่ไหนไม่ว่า ปั้มน้ำมัน ร้านอาหาร ก็ไม่มีตำแหน่งให้ ไม่รู้พวกเขาจะกินอยู่อย่างไรต่อไป จึงต้องการให้กรรมาธิการช่วยเหลือในกรณีดังกล่าว
.
ขณะที่ อักษิกา จันทรวินิจ ตัวเเทนผู้ประกอบการร้านนวดเพื่อสุขภาพในกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ตลอดระยะเวลา 1 ปีที่ผ่าน นโยบายต่างๆที่ออกโดยศูนย์บริหารสถานการณ์เเพร่ระบาดโรคไวรัสโคโรนา 2019 ( ศบค. ) ทำให้กิจการได้รับผลกระทบจำนวนมาก แต่เป็นนโยบายแบบหว่านแห ปัจจุบันมีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมากเเละมีอยู่ทุกภาคส่วน มีหน่วยงานราชการ มีธนาคาร เเละมีร้านสะดวกซื้อ ที่พบว่ามีผู้ติดเชื้อทุกๆหน่วยงาน เเต่ทุกหน่วยงานได้รับการดูเเลอย่างเป็นธรรม ไม่มีหน่วยงานไหนถูกปิดทุกที่ทั่วประเทศเหมือนสปา ร้านสักคิ้ว ฟิตเนส ตรงนี้จึงต้องขอความเป็นธรรม เราขอให้ ศบค.และ กทม.ดูเเลพวกเราอย่างเท่าเทียม เราต้องการพื้นที่ในการทำงานได้ในภาวะติดเชื้อ เราไม่มีวันทำให้จำนวนตัวเลขผู้ติดเชื้อลดลงได้ภายในเร็ววันนี้ ศบค. ทำลายความเชื่อมั่นผู้ประกอบการที่มีความตั้งใจ แต่ ศบค. ไม่เคยเห็นความตั้งใจดังกล่าวในการรับผิดชอบสังคมของพวกเรา กลับใช้นโยบายสั่งปิดเเบบหว่านแหและเหมารวม ขอเรียกร้ององให้ภาครัฐเร่งดูเเลผู้ประกอบการและพนักงานนวดสปาอย่างเร่งด่วน