แง่มุมที่คนไม่รู้ ของ “สุทิน คลังแสง” 17 ปี ในบทบาทครูสอน “นักเรียนพิการ”

หลายคนอาจพอรับรู้ว่า “สุทิน คลังแสง” รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และดาวสภาอันดับต้นๆ ยุคนี้มีภูมิหลังมาจากการเป็นครู-อาจารย์

แต่มีน้อยคนที่จะทราบว่า “ครูสุทิน” เคยสอนนักเรียนที่บกพร่องทางด้านร่างกายมาก่อน

“ผมเป็นครูใหม่ๆ เป็นเด็กหนุ่ม คิดไม่เหมือนเพื่อนครูด้วยกัน ก็เลือกไปสอนเด็กพิการ ก็อบรมมาหมดแล้ว เลือกไปสอนเด็กตาบอด ต้องไปเรียนรู้อักษรเบรลล์ สอนเด็กหูหนวก ต้องไปเรียนรู้ภาษามือ สอนเด็กออทิสติก สอนเด็กบกพร่องทางสติปัญญา แขนขาพิการ ผมอบรมมาหมด คือพร้อมที่จะสอนคนพิการทุกประเภท

“แต่เมื่อสอนไปสอนมา ก็มายึดหลักปักหลักสอนเด็กหูหนวกมากว่า 17 ปี ก่อนจะมาสอนเด็กปกติ ถวายความรู้พระหรือเป็นครูสอนพระ ก่อนจะมาอยู่มหาวิทยาลัย (มหาสารคาม) เพราะฉะนั้น เรียกได้ว่าผมเป็นครูที่สอนคนเยอะกว่าครูทุกคน สอนมาทุกประเภท”

เมื่อถามว่า เขามีเหตุผลอื่นใดอีกถึงเลือกทำงานในแนวทางดังกล่าว นอกจากความเป็นคนหนุ่ม สุทินอ้างอิงไปถึงประเด็นเรื่อง “อุดมการณ์”

“เราก็คิดเป็นอุดมการณ์ว่าเราสงสารคนที่ด้อยโอกาส คนที่เขาไม่มีครู เพราะใครจะเลือกไปสอนเด็กพิการ เพราะมันยาก แต่ถ้ามีคนคิดอย่างนี้หมด เด็กพวกนั้นใครจะไปสอนเขา เพราะฉะนั้น เราเลยคิดว่าเราอาสา ก็เลยคิดอยากไปช่วยเขา ตอนแรกก็คิดว่าจะอยู่ไม่นาน ไปลองดู ถ้าไม่ไหวก็เปลี่ยนมาสอนเด็กปกติ แต่ไปๆ มาๆ เพราะอะไรไม่รู้ ทำให้อยู่ถึง 17 ปี”

ส.ส.มหาสารคามเปิดเผยถึงความรักความผูกพันกับการทำงานสอนเด็กๆ ที่ไม่มีความสมบูรณ์พร้อมทางด้านกายภาพว่า “เป็นความผูกพัน เป็นความสงสาร เหมือนกับว่าเราได้ทำบุญ แต่ถ้าเป็นครูทั่วไป เขาก็คิดว่าได้ทำบุญ แต่ตรงนี้อาจจะได้ทำบุญมากกว่าทุกครั้ง เมื่อคิดว่าจะย้าย (งาน) หลายครั้งที่คิดว่าจะย้ายออก แต่เมื่อคิดจะย้ายทุกที เห็นเด็ก เราก็ใจอ่อน ก็อยู่ต่อ”

ก่อนจะระบุถึงประสบการณ์ประทับใจที่เขาได้รับในฐานะครูคนหนึ่ง

“ประทับใจก็คือทำให้เขาจากที่หูหนวก คำว่าหูหนวกก็คือเป็นใบ้ด้วย ก็คือไม่ได้ยินและสื่อสารไม่ได้ พอเราสอนเขา ทำให้เขาสื่อสารได้ เท่ากับว่าเราไปเปิดโลกให้เขา ส่วนเด็กตาบอดที่เขาอยู่ในโลกมืด พอไปสอนก็ไปเปิดโลกให้เขา เราได้เห็นพัฒนาการที่เป็นรูปธรรมและภูมิใจ อันนี้จึงเป็นเหตุทำให้ต้องอยู่นาน”

แม้ต่อมา “ครูสุทิน” จะตัดสินใจย้ายไปทำงานในมหาวิทยาลัยตั้งแต่ปี 2537 ก่อนเลือกเดินบนเส้นทางสายการเมืองในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร

แต่จนถึงทุกวันนี้ บรรดานักเรียนที่บกพร่องทางการได้ยินและการมองเห็นซึ่งสุทินเคยสอนก็ยังคงติดตามผลงานของเขาผ่านการชมโทรทัศน์ ตลอดจนให้กำลังใจคุณครูมาทางโซเชียลมีเดีย

เมื่อขอให้สื่อสารไปถึงลูกศิษย์เหล่านั้นด้วยภาษามือ ประธานวิปฝ่ายค้านออกตัวก่อนเล็กน้อยว่า

“เมื่อก่อนผมใช้ภาษามือคล่อง คือดูหนังจบมาเป็นเรื่อง ก็มาบรรยายให้เด็กฟังเป็นเรื่องได้ เป็นภาษามืออย่างเดียว แต่เมื่อทิ้งมานาน บางอย่างภาษามือเขาได้ปรับเปลี่ยน เขามีการสังเคราะห์ใหม่ เปลี่ยนนิดหน่อย และด้วยความทิ้งมานาน จึงลืมบ้าง และไม่แม่นบ้าง แต่ก็พอจะสื่อสารได้”

ก่อนที่เขาจะเริ่มส่งภาษามือออกมา พร้อมบรรยายเนื้อหาประกอบว่า

“ก็บอกถึงเด็กๆ เลยที่เป็นลูกศิษย์ ที่เคยสอน ที่ครูสุทินเคยสอน ตอนก่อนๆ นู้น ที่จังหวัดขอนแก่น ที่สอนอยู่ วันนี้ก็คงโตแล้ว แต่งงานแล้ว มีลูกแล้ว บางคนก็รวยแล้ว บางคนก็จน แต่เราก็ยังรักกันอยู่ วันนี้ครูมาเป็น ส.ส. ก็ยังคิดถึงพวกเราทุกคน ยังรักและก็ยินดีจะช่วยทำให้พวกเราทุกคนมีชีวิตที่ดีขึ้น ดีขึ้น”

“ช่วยคนหูหนวกตาบอดทุกคน ยังคิดถึงและยังรัก”