รถตรวจโรคติดเชื้อชีวนิรภัย พระมหากรุณาธิคุณ “ในหลวง” รัชกาลที่10 ค้นหาไวรัสโควิด-19 เชิงรุก

ครั้งที่ชาวระยอง

ต่างอยู่ในความหวั่นวิตก

ตามคำแถลงศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค.

ที่แถลงถึงผู้ติดเชื้อ 1 รายที่เป็นชาวอียิปต์ ซึ่งเป็นทหารเดินทางเข้ามายังประเทศไทยในวันที่ 8 กรกฎาคม และเข้าพักที่โรงแรมดิวารี ดีว่า เซ็นทรัล ริมถนนสุขุมวิท ต.เนินพระ อ.เมือง จ.ระยอง ที่เป็น State Quarantine ใน จ.ระยอง

แต่เมื่อกรมควบคุมโรคเข้าไปสอบสวนโรคได้พบว่าทีมลูกเรือนี้ได้ออกจากโรงแรมไปยังสถานที่บางแห่งใน จ.ระยอง เช่น ห้างสรรพสินค้า

ทำให้สถานที่ต่างๆ ต้องได้รับการเข้าไปสอบสวนโรคในพื้นที่สัมผัสทุกแห่งที่กลุ่มนี้เดินทางไป

เพราะอาจจะเป็นจุดเสี่ยงที่แพร่กระจายเชื้อโควิด-19 ทำให้เกิดการระบาดของโรคอีกครั้ง

สร้างความวิตกกังวลให้ประชาชนอย่างกว้างขวาง ว่าจะได้รับเชื้อไวรัสดังกล่าว

สาธารณสุขจังหวัดระยองจึงได้ส่งเจ้าหน้าที่ลงไปตรวจสอบอย่างใกล้ชิด โดยไปตั้งจุดตรวจโควิด-19 ฟรี ที่ห้างแพชชั่น ระยอง และห้างเซ็นทรัล ระยอง

และได้นำรถตรวจโรคติดเชื้อชีวนิรภัย ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานไปบริการประชาชนชาว จ.ระยองด้วย

ปรากฏว่า สามารถบรรเทาความหวั่นวิตกของชาว จ.ระยอง ลงได้อย่างมาก

รถตรวจโรคติดเชื้อชีวนิรภัย นี้เป็น 1 ในจำนวน 13 คันที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานให้กระทรวงสาธารณสุขนำไปใช้ประโยชน์ ณ สำนักงานเขตสุขภาพที่ 1-12 ทั่วประเทศ และเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร

โดยกระทรวงสาธารณสุขจะดูแลรับผิดชอบ

ใช้เป็นห้องปฏิบัติการเคลื่อนที่ในการเก็บตัวอย่างโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ให้แก่ประชาชนในพื้นที่ต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว เช่น โรงเรียน วัด ชุมชนแออัด และกลุ่มอาชีพเสี่ยงทั่วประเทศ

เป็นการช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในระบบการเฝ้าระวังและค้นหาผู้ติดเชื้อโรคโควิด-19 เชิงรุก

นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

ที่ทรงมีพระราชวิสัยทัศน์กว้างไกล และทรงคำนึงถึงความยากลำบากของราษฎรที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ทุรกันดารและในพื้นที่แออัด ให้สามารถเข้ารับการบริการตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ได้อย่างรวดเร็ว เพื่อที่จะได้เข้ารับการรักษาอย่างปลอดภัย

อันเป็นการช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเฝ้าระวังและดูแลรักษาผู้ป่วยโรคโควิด-19

อีกทั้งยังเป็นการเสริมความพร้อมหากมีสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ได้อย่างทันท่วงที

ด้วยทรงรับเป็นพระราชภารกิจสำคัญในการดูแลทุกข์สุขของราษฎรในพระองค์ทุกหมู่เหล่า

ดังพระราชปณิธานที่จะสืบสาน รักษา และต่อยอด พระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง

ที่จะต้องดูแลประชาชนให้มีสุขภาพพลานามัยสมบูรณ์ อันจะนำมาซึ่งคุณภาพชีวิตที่ดี ทรงถือเป็นหน้าที่ที่จะต้องตอบแทนคุณแผ่นดิน

อันเป็นหน้าที่ที่ประชาชนชาวไทยทุกคนจะต้องร่วมมือร่วมใจกันปฏิบัติ

ดังที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชดำรัสเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2563 ในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จออก ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต

พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้นายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข, นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข พร้อมคณะผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท รับพระราชทานรถตรวจโรคติดเชื้อชีวนิรภัย จำนวน 13 คัน ว่า

“รถตรวจโรคติดเชื้อชีวนิรภัยที่มอบให้เจ้าหน้าที่เพื่อดูแลสุขภาพอนามัยประชาชนในครั้งนี้ มีคนถวายต้นแบบมา

ก็ได้รับการปรับปรุง ทดสอบ และทราบว่ามีความเหมาะสม และเป็นหนึ่งในเครื่องมือในการช่วยปฏิบัติหน้าที่ของเรา จึงได้จัดรถเพิ่มเติมให้

รู้สึกยินดีและภูมิใจที่ได้มีส่วนร่วมกับการแก้ปัญหา

เครื่องมือเครื่องใช้ต่างๆ เป็นส่วนประกอบ แต่หลักๆ ก็มาจากคน

อะไรที่สำคัญในคนก็คือทัศนคติที่ดี มีความเข้าใจปัญหา มุ่งมั่นที่จะแก้ไขปัญหาให้ถูกจุด

เมื่อมีเครื่องมือเครื่องใช้มาสนับสนุนก็ใช้เครื่องมือเครื่องใช้ให้ถูกจุด ใช้ให้เป็นเป็นประโยชน์ก็จะเสริมการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ยิ่งขึ้น

ตอนนี้ประเทศไทยเราได้รับการชมเชยในทางที่ดีจากประชาคมโลก

เพราะเรามีความมุ่งมั่น มีความตั้งใจ

คิดว่าการมีสุขภาพที่ดีหรือการต่อสู้กับโรคภัยไข้เจ็บ และอุปสรรคต่างๆ ถ้าคนมีทัศนคติที่ดี มีความตั้งใจ ก็น่าจะเป็นชัยของส่วนรวม

ดังคำกล่าวที่ว่า ประชาชนมีความสุข ประเทศชาติมีความมั่นคง

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นปัญหาและอุปสรรคมีอยู่เสมอ

แต่ถ้าเรามีความมั่นคง มีความเสียสละ มีความสุข มีทัศนคติที่ดี ก็จะสร้างความสุขให้แก่ประเทศได้

ขอเป็นกำลังใจและขอชมเชยเจ้าหน้าที่ที่ทำงานมา

และไม่ใช่เจ้าหน้าที่อย่างเดียว แต่รวมถึงประชาชนที่ให้ความร่วมมือ มีทัศนคติที่ดี

เป็นนิสัยของคนไทยที่มีน้ำใจ มีความนุ่มนวล มีคุณธรรม เมื่อเจออะไรหนักๆ ก็เบา”

สําหรับรถตรวจโรคติดเชื้อชีวนิรภัย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ให้จัดทำขึ้น

อุปกรณ์ภายในรถมีประสิทธิภาพในการตรวจโรค และมีระบบสารสนเทศที่ทันสมัย

ภายในห้องเก็บตัวอย่างชีวนิรภัยจัดเป็นห้องปลอดเชื้อ ระดับ 1,000

ประกอบด้วยระบบปรับอากาศเพื่อควบคุมความเย็น

ระบบกรองอากาศจากภายนอกเพื่อให้บริสุทธิ์

ระบบและอุปกรณ์ควบคุมความดันภายในห้องให้เป็นบวกตลอดเวลา

รวมทั้งส่วนปฏิบัติการเก็บตัวอย่าง เพื่อให้ผู้ปฏิบัติงานสอดมือผ่านหน้าต่างและถุงมือยางที่ติดตั้งไว้

มีระบบฆ่าเชื้อภายในตัวรถหลังปฏิบัติงานรายวันด้วยระบบโอโซน

และติดตั้งระบบไมโครโฟน เพื่อให้เจ้าหน้าที่ติดต่อกับผู้รับบริการได้สะดวกและรวดเร็ว

รถตรวจโรคติดเชื้อชีวนิรภัย ได้ทดลองให้บริการครอบคลุมประชาชนกลุ่มเสี่ยง จำนวน 12,094 ราย ในเขตกรุงเทพมหานคร และจังหวัดนครราชสีมา ตั้งแต่วันที่ 2 พฤษภาคม 2563 เป็นต้นมา

ทำให้เกิดผลสำเร็จในการค้นหาผู้ป่วยได้อย่างรวดเร็ว

เจ้าหน้าที่เก็บตัวอย่างมีความปลอดภัยได้อย่างดียิ่ง

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดเผยเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2563 ว่า

“อยากจะเรียนให้ทราบคือ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระราชทานทุนทรัพย์เพื่อจัดซื้อรถพยาบาลที่เป็นลักษณะของรถเคลื่อนที่ ซึ่งทางกระทรวงสาธารณสุขได้มีการพัฒนาไว้ 1 คัน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระราชทานเพิ่มเติมเพื่อให้ครบเขตการให้การบริการที่สามารถเคลื่อนที่ได้ เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคมที่ผ่านมา”

“นอกจากนี้ ได้มีโอกาสเข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ถวายข้อราชการตามห้วงระยะเวลาของรัฐบาลให้ทรงทราบ”

“สิ่งที่ทรงรับสั่งเรื่องแรก ขอชมเชย ขอบคุณทั้งรัฐบาลและเจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุข และทุกคนที่ทำงานในการแก้ไขสถานการณ์โควิด ได้รับความชื่นชมจากหน่วยงานภายนอก จากต่างประเทศเป็นจำนวนมาก เป็นที่น่าภาคภูมิใจของประเทศไทย ทรงพระราชทานกำลังใจในส่วนนี้เป็นพิเศษ”

“เรื่องที่สอง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงรับสั่งเรื่องความรักความสามัคคี และรัฐบาลมีหน้าที่ดูแลให้ประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ให้ดีขึ้น ดูแลเรื่องความเป็นธรรม ความโปร่งใส มีประสิทธิภาพ ทรงเน้นย้ำให้บ้านเมืองมีเสถียรภาพดีที่สุด บริหารจัดการทุกอย่างให้ได้ทุกมิติ ปัญหาใดๆ ก็ตาม ที่เป็นปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน ขอให้รัฐบาลมีแผนงานโครงการลงไปดูแลให้สอดคล้องกับงบประมาณที่มีอยู่ ให้เป็นไปด้วยความเหมาะสม”

“สิ่งที่พระองค์ท่านสนใจเป็นพิเศษ คือเรื่องของน้ำ ป่า การเก็บน้ำเพื่อให้ประชาชนที่ยังได้รับความเดือดร้อน ในส่วนของการบริหารราชการอื่นๆ นั้น รัฐบาลจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด เพื่อสนองพระราโชบายต่างๆ โดยเฉพาะเรื่องการสืบสาน รักษาและต่อยอดต้องดำเนินการให้เหมาะสมที่สุด”

“อีกสิ่งหนึ่ง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงรับสั่งคือเรื่องประวัติศาสตร์ชาติไทย ความเป็นอัตลักษณ์ของไทย เราควรภูมิใจเรื่องเหล่านี้และรักษาไว้ให้ได้ คงต้องเปรียบเทียบกับต่างประเทศว่าแตกต่างกับเขาอย่างไรในบริบทต่างๆ รัฐบาลรับสนองตรงนี้มา เราต้องช่วยศึกษาทำความเข้าใจประวัติศาสตร์ชาติไทยให้ได้”

28 กรกฎาคม วันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

ขอทรงพระเจริญ