พณ.ปลื้มเอฟทีเอดันส่งออกสินค้าเกษตร5เดือนโต2.25%สวนทางตลาดโลกหดตัว

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า จากผลการติดตามสถานการณ์การส่งออกของไทยช่วง 5 เดือนแรกของปี 2563 พบว่า การส่งออกสินค้าเกษตรและเกษตรแปรรูปของไทยไปประเทศที่ไทยมีความตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) 18 ประเทศ ได้แก่ อาเซียน 9 ประเทศ จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อินเดีย ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ เปรู ชิลี และฮ่องกง ขยายตัว 2.25% โดยตลาดฮ่องกง ขยายตัวสูงสุด 20% รองลงมา คือ ตลาดจีน ขยายตัว16% การค้ารวมของประเทศคู่เอฟทีเอมีมูลค่าถึง 11,263 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 2 ใน 3 ของการส่งออกสินค้าเกษตรไทยไปตลาดโลก โดยมีคู่ค้า 3 อันดับแรก คือ อาเซียน จีน และญี่ปุ่น ทำให้ไทยขยับลำดับขึ้นมาเป็นประเทศผู้ส่งออกสินค้าเกษตร ลำดับ 9 ของโลก จากเดิมอยู่ลำดับ 11 ในปี 2562

นางอรมน กล่าวว่า สินค้าเกษตรและเกษตรแปรรูปของไทยที่การส่งออกขยายตัวมากที่สุด ช่วง 5 เดือนแรกของปี 2563 ได้แก่ เนื้อสุกรสด ขยายตัว 693% รองลงมา คือ ทุเรียนสด ขยายตัว 66.5% สินค้าปลาสด ขยายตัว 29% ไก่สด ขยายตัว 27.85% มังคุด และอาหารสัตว์เลี้ยง ขยายตัวเท่ากันที่ 16% ผลิตภัณฑ์ข้าว ขยายตัว10% และมะม่วงสด ขยายตัว 4% สอดคล้องกับสถิติการขอใช้สิทธิประโยชน์จากเอฟทีเอ พบว่า สินค้ากลุ่มเกษตรและเกษตรแปรรูปที่มีการขอใช้สิทธิประโยชน์มากเป็นอันดับต้น เช่น ทุเรียน มะม่วง มังคุด เนื้อไก่สดและแปรรูป กุ้งปรุงแต่ง ปลาทูน่าและปลาทูน่าปรุงแต่ง และปลาสคิปแจ๊ค เป็นต้น

” เอฟทีเอนับเป็นอาวุธสำคัญที่ช่วยให้สินค้าเกษตรไทยสามารถแข่งขันได้ในตลาดโลก โดยเฉพาะช่วงวิกฤตการระบาดของไวรัสโควิด-19 เนื่องจากประเทศคู่เอฟทีเอได้ยกเลิกการเก็บภาษีศุลกากรกับสินค้าเกษตรและเกษตรแปรรูปส่วนใหญ่ของไทยแล้ว ทั้งนี้ เกษตรกรและผู้ประกอบการต้องรักษาคุณภาพสินค้า และศึกษาความต้องการของตลาด เพื่อให้สามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรที่สอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้บริโภค ซึ่งทำให้สินค้าเกษตรและเกษตรแปรรูปของไทยให้เติบโตได้อย่างยั่งยืน”นางอรมน กล่าว