E-DUANG : สถานะ ก้าวไกล ในจุดฝ่ายค้าน ปราการ จุดปะทะ ทางการเมือง

แม้ว่าสำทับจากเสียงเตือนกลางที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรที่ว่า”ให้ระวังตัวกันไว้บ้างก็แล้วกัน” จะมีเป้าหมายไปยังเหล่า ส.ส.พรรคก้าว ไกลอย่างเป็นด้านหลัก

ไม่ว่าจะเป็น นายรังสิมันต์ โรม ไม่ว่าจะเป็น นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ไม่ว่าจะเป็น น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล

แต่ในความรู้สึกของสังคมกลับบังเกิดในลักษณะอันเรียกว่า”นัยประหวัด” ไปยัง นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ นายปิยบุตร แสงกนกกุล น.ส.พรรณิการ์ วานิช โดยอัตโนมัติ

ทั้งๆที่ในความเป็นจริง ไม่ว่า นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ไม่ว่า นายปิยบุตร แสงกนกกุล ไม่ว่า น.ส.พรรณิการ์ วานิช ไม่มีที่ยืนอยู่ในสภาผู้แทนราษฎรแล้วอย่างสิ้นเชิง

ทั้งๆที่ในความเป็นจริง การรุกไล่ทั้งต่อ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ทั้งต่อ นายปิยบุตร แสงกนกกุล ทั้งต่อ น.ส.พรรณิการ์ วานิช ก็ยังดำเนินไปด้วยความเข้มข้นและดุเดือด

แม้ว่าไม่มีพรรคอนาคตใหม่อยู่แล้ว แม้ว่าพวกเขาจะพ้นสภาพ จากการเป็น ส.ส.และถูกตัดสิทธิทางการเมืองแล้วอย่างบริบูรณ์

 

สภาพการดำรงอยู่ของพรรคก้าวไกลก็เหมือนสภาพการดำรงอยู่ของ พรรคพลังประชาชนหลังยุบพรรคไทยรักไทย ก็เหมือนสภาพการดำรงอยู่ของพรรคเพื่อไทยหลังยุบพรรคพลังประชาชน

เพียงแต่หากกล่าวโดย ”จำนวน” การดำรงอยู่ของพรรคก้าวไกลน้อยกว่าเป็นอย่างมาก

ทั้งไม่เคยได้อยู่ในสถานะแห่งรัฐบาลเหมือนพรรคไทยรักไทย ทั้งไม่เคยได้อยู่ในสถานะแห่งรัฐบาลเหมือนพรรคพลังประชาชน ทั้งไม่เคยได้อยู่ในสถานะแห่งรัฐบาลเหมือนพรรคเพื่อไทย

ผ่านการเลือกตั้งเมื่อเดือนมีนาคม 2562 ก็อยู่ในสถานะของฝ่ายค้าน ทั้งเมื่อถูกยุบพรรคในเดือนกุมภาพันธ์ 2563 ที่ได้รับเลือกมาจำนวน 80 ก็คงเหลือเพียง 54

แล้วเหตุใด”ละอ่อน”จึงได้รับเสียงเตือนกึกก้อง

“ให้ระวังตัวไว้บ้างก็แล้วกัน”

 

สถานะของพรรคก้าวไกลภายหลังจากสถานการณ์พิจารณาร่างพรบ.งบประมาณในวาระหนึ่ง จึงเป็นสถานะที่ถูกจับตามองจากรัฐบาลจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

แม้ว่าพรรคก้าวไกลจะมีส.ส.เพียง 50 กว่าคนในขณะที่พรรค เพื่อไทยมีส.ส.มากถึง 130 กว่าคน

เพราะว่าพรรคก้าวไกลได้ไปอยู่ในจุดปะทะอันแหลมคม