ในประเทศ / ผบทบขทปชช

ในประเทศ

 

ผบทบขทปชช

 

จากการแถลงข่าวทั้งน้ำตาของ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. สืบเนื่องจากกรณี “จ่าสิบเอก” กองทัพบก

ก่อเหตุสังหารผู้บังคับบัญชา ปล้นชิงอาวุธปืนจากค่ายทหาร นำไปกราดยิงกลางเมืองและภายในห้างเทอร์มินอล 21 จ.นครราชสีมา ทำให้ประชาชนและเจ้าหน้าที่เสียชีวิต 30 ราย บาดเจ็บสาหัสและไม่สาหัสกว่าครึ่งร้อย

โศกนาฏกรรมนี้ไม่เพียงสร้างความเศร้าสลดแก่คนไทย ยังก่อแรงสะเทือนต่อกองทัพบกรุนแรง นำมาสู่การหลั่งน้ำตาลูกผู้ชายต่อหน้าสื่อมวลชนไทยและต่างประเทศ เมื่อช่วงเช้าวันที่ 11 กุมภาพันธ์

“ในฐานะ ผบ.ทบ.ต้องขอโทษและขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งจากเหตุการณ์ครั้งนี้ ที่ผู้ก่อเหตุเป็นกำลังพลของกองทัพบก ผมขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัว ประชาชน ตลอดจนข้าราชการที่ต้องเสียชีวิตในการปฏิบัติหน้าที่ เสียใจกับประชาชนที่ได้รับบาดเจ็บอีกจำนวนมาก” พล.อ.อภิรัชต์กล่าวเริ่มต้นการแถลง

จากนั้นได้ชี้แจงเหตุการณ์ตามลำดับเวลาตั้งแต่ต้นจนจบ

โดยยอมรับว่า แรงจูงใจการก่อเหตุ เนื่องจากผู้ก่อเหตุไม่ได้รับความเป็นธรรมจากผู้บังคับบัญชาและเครือญาติที่มีการซื้อ-ขายที่ดิน ผิดสัญญากันในเรื่องผลตอบแทน ซึ่งต้องสืบต่อว่ามีใครที่เป็นผู้บังคับบัญชาเกี่ยวข้องอยู่อีกบ้าง

“ณ วินาทีที่ผู้ก่อเหตุลั่นไกสังหารคู่กรณี ณ วินาทีนั้น เขาคืออาชญากร ไม่ใช่ทหารอีกต่อไป”

ผบ.ทบ.ยังแถลงถึงมาตรการรักษาความปลอดภัยคลังอาวุธว่ามีการเน้นย้ำมาตลอด แต่อาจมีบางหน่วยหละหลวม ก็ต้องลงโทษและมีมาตรการเพิ่มเติม

จากเหตุการณ์ครั้งนี้ กองทัพบกโดยตนจะเปิดช่องทางรับเรื่องร้องเรียนโดยตรงจากผู้ใต้บังคับบัญชาที่ถูกเอาเปรียบ ช่องทางนี้จะเป็นความลับที่สุด ข้อมูลจัดส่งตรงมาที่ตน ไม่ผ่านช่องทางของกองทัพบก

ตลอดระยะเวลาเกิดเหตุ มีคำตำหนิ ด่าว่ากองทัพบก ด่าทหาร แต่ตนอยากให้ทราบว่า อย่าด่ากองทัพบก อย่าด่าทหาร กองทัพบกเป็นองค์กร ไม่มีความรู้สึก มีความศักดิ์สิทธิ์ เป็นองค์กรด้านความมั่นคง ยังมีทหารปฏิบัติหน้าที่ในประเทศ ตามแนวชายแดน เสียสละปกป้องอธิปไตยของชาติ ทหารที่ดีมีทั่วกองทัพบก

“ถ้าท่านจะด่า จะตำหนิ ท่านมาด่า พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผมน้อมรับคำตำหนิ การแสดงความคิดเห็นทุกอย่าง ให้มาด่าผม เพราะผมเป็น ผบ.ทบ.”

 

ช่วงตอบคำถามสื่อ เมื่อถามว่าจะรับผิดชอบอย่างไรในฐานะผู้บังคับบัญชาสูงสุดของกองทัพบก

พล.อ.อภิรัชต์กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ใช่ปฏิบัติการทางทหาร เป็นเรื่องการบาดหมางใจ การก่ออาชญากรรม กองทัพบกก็รับผิดชอบทั้งส่วนผู้ก่อเหตุและคู่กรณีตามมาตรฐาน

ข้อเรียกร้องให้รับผิดชอบด้วยการลาออกนั้น แม้ผู้ก่อเหตุเป็นกำลังพลกองทัพบก แต่ได้ก่อเหตุที่ไม่ใช่การปฏิบัติภารกิจของกองทัพบก เช่น ทหารขนยาเสพติด ค้าอาวุธสงครามแล้วถูกตำรวจวิสามัญฯ อยากถามว่าสมควรใช้คำถามนี้กับตนหรือไม่

“ทุกวิกฤตที่ผ่านมาจนกำลังจะเกษียณอายุราชการ อะไรที่สั่งผู้ใต้บังคับบัญชาทำ ผมรับผิดชอบ แต่ผมไม่สามารถรับผิดชอบต่อการกระทำที่เป็นเหตุการณ์ส่วนตัว การก่ออาชญากรรม การทำผิดกฎหมาย ฝ่าฝืนระเบียบวินัย อันนั้นผมรับไม่ได้”

เสียงกดดันให้แสดงสปิริตลาออก หากอยู่บนพื้นฐานความจริงและหลักการว่าข้อเท็จจริงคืออะไร ผลกระทบเกิดขึ้นคืออะไร เราควรรับผิดชอบอย่างไรกับสิ่งที่เกิดขึ้น

สำหรับการดูแลผู้ใต้บังคับบัญชา ต่อไปนี้มาตรการสรรหาคัดคนเป็นผู้บังคับบัญชา จะทำให้รอบคอบกว่าที่เป็นอยู่

ผู้บังคับบัญชาหน่วยรบ เช่น ทหารราบ ทหารม้า ปล่อยตัวให้อ้วน ไร้ความรู้ ไม่พัฒนาตัวเองก็ไม่ต้องมาเป็นแม่ทัพ หากผู้บัญชาการกองพลเสนอชื่อมา จะย้ายให้หมด ล่าสุดได้ปรับมาตรฐานทดสอบร่างกายและความรู้ ใครไม่ได้มาตรฐานก็ไม่ต้องอยู่

ส่วนเรื่องซื้อ-ขายที่ดินในหน่วยทหาร กองทัพบกมีโครงการจำนวนมาก เช่น บ้านสวัสดิการ การกู้เงิน การร่วมมือระหว่างหน่วยทหารกับพ่อค้า มีการวิ่งเต้น เรื่องทั้งหมดตนทราบดี

รับรองอีก 3 เดือนต่อจากนี้ ตั้งแต่ระดับนายพลถึงระดับพันเอกหลายคนไม่มีงานแน่ และตนก็ไม่สน เพราะรู้ข้อมูล ตนไปเรียน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม ว่า “พี่ครับ ผมต้องทำ”

นอกจากนี้ ยังลงนามกับกระทรวงการคลังในการใช้ที่ราชพัสดุ เป็นโครงการสวัสดิการเชิงพาณิชย์ นำเงินและรายได้กลับเข้ากระทรวงการคลัง นี่คือการเริ่มต้นแก้ไขปัญหาที่หมักหมมมานานของกองทัพบก

วันที่ 4 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เซ็นยกเลิกการจัดซื้อปืนสวัสดิการทุกชนิดของกองทัพบก ต่อไปนี้ใครจะซื้อปืนสวัสดิการภายนอกจากหน่วยงานใด ผู้บังคับบัญชาชั้นนายพลต้องเป็นผู้ทำคำสั่ง ของเดิมตามระเบียบให้ชั้นนายพันเป็นผู้เซ็น ทำให้กำลังพลและพ่อค้าซื้อขายอาวุธกันได้ง่าย

ทหารไม่จำเป็นต้องมีปืนส่วนตัว เพราะมีปืนหลวงที่ถูกเก็บรักษาและแจกจ่าย

 

นอกจากนี้ ทหารมีบ้าน มีที่พักให้กำลังพลเพียงพอ

รับราชการ 20-30 ปีไม่ต้องจ่ายค่าเช่าบ้าน เพื่อให้มีเวลาเก็บเงินซื้อบ้านของตัวเองหลังเกษียณ

“ผมขีดเส้นตายภายในเดือนกุมภาพันธ์ สำหรับผู้ที่เกษียณอายุราชการแล้วยังพักอาศัยอยู่ในพื้นที่ทหาร หรือย้ายจากกองทัพบกไปอยู่หน่วยงานใด ก็ต้องย้ายออก เพื่อเปิดโอกาสให้คนที่ไม่มีบ้านมาอยู่”

โครงการต่างๆ ต้องปรับปรุงแก้ไข ไม่จำเป็นก็จะยกเลิก ตนเอาจริงสำหรับผู้เอาเปรียบหลวง เพื่อนร่วมงาน ถ้าไม่สัมฤทธิผลภายในวงรอบ การปรับย้ายนายทหารครั้งนี้เห็นดีแน่

มีการตั้งข้อสังเกตถึงการแถลงของ พล.อ.อภิรัชต์ ได้จำกัดกรอบชี้แจงไม่ให้ถูกนำไปเป็นประเด็นทางการเมือง “ปัจจุบันผมไม่ได้พูดเรื่องการเมืองแล้ว” ทั้งยังกล่าวขอบคุณสื่อที่ระมัดระวังการตั้งคำถาม มากกว่าให้เป็นเรื่องทางการเมือง

ต่อมา พล.อ.อภิรัชต์ให้สัมภาษณ์ขยายความหลายเรื่อง เช่น การเปิดศูนย์คอลเซ็นเตอร์ รับเรื่องร้องเรียนจากกำลังพลทุกระดับที่ถูกผู้บังคับบัญชาเอาเปรียบ ว่าพยายามเปิดให้ได้ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์

เรื่องทรัพย์สินที่ดินราชพัสดุ จะนำสวัสดิการดั้งเดิมของกองทัพบก เช่น สนามกอล์ฟ โรงแรม สนามมวย ไปหารือกับกระทรวงการคลัง ให้เป็นโครงการสวัสดิการเชิงพาณิชย์

ได้รับมาต้องแบ่งให้กระทรวงการคลัง จากนั้นกระทรวงการคลังจะพิจารณาสัดส่วนคืนให้เป็นสวัสดิการกองทัพบก โดยการบริหารจัดการจะให้เอกชนเข้ามาดำเนินการเป็นส่วนใหญ่ เพราะเป็นมืออาชีพ

ผบ.ทบ.กล่าวปฏิเสธ การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ไม่เกี่ยวกับการเปิดเผยข้อมูลของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ เรื่องเงินนอกงบประมาณของกองทัพ เพราะได้ทำมาก่อนแล้วเป็นการภายใน

การจัดระเบียบยุทโธปกรณ์ หากยังหละหลวมก็ต้องเพิ่ม

เรื่องกำลังพลกองทัพบกที่มีจำนวนมาก ก็ต้องเลย์ออฟออกไป มีมากก็ไม่ต้องทำงาน ไม่ว่าเด็กใคร ค่ายไหนไม่สน อย่ามาอ้าง ทุกวันนี้มีการมาฝากเป็นโน่นเป็นนี่ อาจจะมีจดหมายหลุดมาบ้าง ถือว่ากล้าหาญมาก แต่ตนก็พิจารณา ถ้าไม่ดี คนเสนอต้องรับผิดชอบ

ทุกวันนี้ทหารต้องเป็นหนึ่งเดียวกัน ไม่มีค่าย

พล.อ.อภิรัชต์ยอมรับว่าภายหลังการแถลงเมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ รู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น

ส่วนน้ำตาที่หลั่งออกมา เนื่องจากเป็นคนอารมณ์อ่อนไหว

 

ทุกครั้งที่เกิดเหตุการณ์ใหญ่ๆ สังคมไทยมักถอดบทเรียน นำไปสู่การแก้ไขป้องกันปัญหาระยะยาว ไม่ให้เกิดขึ้นอีก

กรณีกราดยิงโคราช 30 ศพก็เช่นกัน เป็นการถอดบทเรียนนำไปสู่การปฏิรูปกองทัพ

ทั้งหมดต้องไม่จบลงเพียงแค่คำแถลงขอโทษ หรือแสดงความเสียใจ แต่ต้องจบลงตรงการลงมือปฏิบัติในสิ่งที่เป็นการพัฒนา ปรับปรุงไปจนถึงปฏิรูปกองทัพให้ดีขึ้นตามที่สังคมคาดหวังและเสียสละ

ถ้าทำไม่ได้ หรือไม่ทำตามสิ่งที่ประกาศไว้

โศกนาฏกรรมกราดยิงโคราช จะเป็นแค่บทเรียนอันไร้ความหมาย

ซ้ำเติมความเชื่อมั่นต่อกองทัพตกต่ำกว่าเดิม

และทำให้ ผบทบขทปชช–ผู้บัญชาการทหารบกขอโทษประชาชน เป็นเพียงลมปากที่จางหายไปในที่สุด!