‘วิษณุ’ ชี้ ส.ส.เสียบบัตรแทนกัน มีความผิด อาจต้องรับผิดชอบหลายเท่า

วันที่ 29 ม.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ให้สัมภาษณ์ถึงการดำเนินการเกี่ยวกับร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 ว่า ศาลรัฐธรรมนูญจะรับหรือไม่รับ ซึ่งได้ตั้งสมมติฐานไว้ว่าจะใช้เวลาพิจารณางบฯนาน จึงให้สำนักงบประมาณไปหามาตรการรองรับ และจะเสนอกลับเข้ามายังครม.อีกครั้ง

แต่เบื้องต้นค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจะเป็นไปตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ มาตรา 141 ที่ให้ใช้งบประมาณปีก่อนไปพลางก่อน โดยคำนึงความเหมาะสมและเป็นไปตามพ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ ซึ่งจะเป็นงบฯที่จ่ายประจำและงบฯลงทุนที่ผูกพัน ก็สามารถนำเงินมาใช้ได้ เพื่อหามาตรการไม่ให้กระทบต่อผู้รับเหมาและการก่อสร้างที่เกิดขึ้น รวมทั้งไม่ให้กระทบต่อพ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้าง รวมถึงสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน

รองนายกฯ กล่าวว่า สำหรับทางออกของเรื่องดังกล่าว ตนคิดไว้หลายทาง แต่ยังไม่ขอบอกรายละเอียด เพราะเป็นหน้าที่ของสำนักงบประมาณเป็นผู้หามาตรการ ส่วนจะออกมาตรการกู้เงินหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับกระทรวงการคลัง ทั้งนี้ ต้องไม่ละเลยเรื่องการตรวจสอบหาผู้กระทำผิดในเรื่องนี้ ขณะที่ทุกคนไปเตรียมการต่างๆ มากมายแล้วคนที่ทำผิด ทำไมจึงยังลอยนวลอยู่

ผู้สื่อข่าวถามว่าหมายถึงคนที่เสียบบัตรแทนกันใช่หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ใครที่เป็นต้นเหตุก็ต้องรับผิดชอบ จนถึงขณะนี้เราไม่เคยรู้เลยว่าสภาสอบกันไปแล้วอย่างไร และยังต้องสอบจนกระทั่งได้ความ ซึ่งบางทีอาจช้า จากคดีที่เราชอบอ้างกันเมื่อปี 2556-57 ที่เสียบบัตรคนหนึ่งหลายใบ มาถึงวันนี้เรายังไม่ได้ยินข่าวเรื่องการลงโทษ กี่ปีมาแล้ว นั่นแสดงว่าการสอบอาจจะช้า

เมื่อถามว่าแสดงว่าคนที่เสียบบัตรแทนกันจนทำให้พ.ร.บ.งบประมาณล่าช้า จะต้องเป็นผู้รับผิดชอบใช่หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า คนเสียบบัตรแทนกันนั้นผิด แน่นอนว่าเขาต้องรับผิดชอบเพราะเป็นต้นเหตุ ถึงแม้ว่าไม่เกิดความเสียหายเขาก็ต้องรับผิดชอบอยู่แล้วต่อการกระทำนั้น และเมื่อเกิดความเสียหายขึ้น ต้องเป็นความรับผิดชอบอีกหลายเท่า

ดังนั้น สภาจะต้องสอบให้จบแล้วส่งให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการต่อไป จะต้องหาคนที่ทำผิดและคนที่สมรู้ร่วมคิดให้ได้ ส่วนจะส่งศาลฎีกา หรือศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ก็แล้วแต่ แต่ขณะนี้นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ก็ส่งเรื่องร้องต่อสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)แล้ว

ซึ่งผู้ที่กระทำความผิดและผู้สมรู้ร่วมคิด เมื่อพิจารณาว่ามีความผิดแล้ว ก็จะส่งผลต่อสถานภาพการเป็นส.ส.ของบุคคลเหล่านั้นต่อไป แต่ระหว่างนี้ ตนยังตอบไม่ได้ว่าจะมีผลอย่างไรต่อไปสำหรับผู้ที่ถูกตรวจสอบ