วันที่ 21 สิงหาคม 2562 กรณีสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ประกาศตัวเลขอัตราการขยายตัวเศรษฐกิจ (จีดีพี) ไตรมาสที่2 ปี2562 ขยายตัว 2.3% ต่ำสุดในรอบ 19 ไตรมาสหรือ 4 ปีครึ่ง ทำให้ช่วงครึ่งปีแรก 2562 จีดีพีขยายตัว 2.6% สศช.จึงปรับประมาณการจีดีพีใหม่คาดขยายตัว 3.0% หรือกรอบ 2.7-3.2% จากเดิมที่คาดขยายตัว 3.6% หรือกรอบประมาณการ 3.3-3.8%

นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ไม่แปลกใจกับตัวเลขเศรษฐกิจของ สศช. เพราะเป็นที่ทราบกันดีว่าตัวเลขจะไม่สูง เนื่องจากภาคการส่งออกของไทยได้รับผลกระทบจากสงครามการค้า เวลานี้ภาคเอกชนกำลังจับตามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจกว่า 3 แสนล้าน ที่จะออกมา โดยต้องการให้เม็ดเงินดังกล่าวถึงมือเป้าหมาย อาทิ เกษตรกร ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ภาคการท่องเที่ยว เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจช่วงท้ายของปี

“ขณะนี้อยากให้รัฐบาลจับตาบริษัทขนาดใหญ่ ที่มีบริษัทลูกหลายๆ บริษัท และให้บริษัทลูกเข้ารับความช่วยเหลือจากมาตรการของรัฐ อาทิ สินเชื่อสำหรับเอสเอ็มอีที่มีวงเงินรวม 1 แสนล้านบาท” นายสุพันธุ์กล่าว

นายเกรียงไกร เธียรนุกุล รองประธาน ส.อ.ท.กล่าวว่า ตัวเลขเศรษฐกิจเดี้ยงทุกตัว แสดงให้เห็นถึงผลกระทบต่อไทยทั้งการส่งออกและการลงทุนที่ชะลอตัว ขณะนี้จึงมีโจทย์ว่าไทยจะแก้ปัญหาอย่างไรเพราะสงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกา และจีน ขยายความรุนแรงมากขึ้น และยังมีประเทศอื่นที่เปิดสงครามการค้าระหว่างกัน นอกจากนี้ยังมีกรณีการออกจากสหภาพยุโรปของอังกฤษ (เบร็กซิท) ที่อาจทำให้ค่าเงินปอนด์อ่อนค่า

นายเกรียงไกรกล่าวว่า หลังจากออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ขณะนี้อีกแนวทางกระตุ้นเศรษฐกิจที่รัฐบาลควรเร่งดำเนินการคือ การกระตุ้นการลงทุนของภาคเอกชน การสนับสนุนให้เอกชนขยายการลงทุน นำเข้าเครื่องจักรในช่วงที่เงินบาทแข็งค่า โดยตัวเลขเศรษฐกิจของ ส.อ.ท.จะอ้างอิงตามตัวเลขของคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ประกอบด้วย ส.อ.ท. สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย คาดว่า กกร.จะปรับตัวเลขเศรษฐกิจอย่างเป็นทางการเดือนตุลาคมนี้ เพราะเป็นข้อตกลงร่วมกันที่จะปรับตัวเลขคาดการณ์ทุกไตรมาส ซึ่งเดิม กกร.คาดว่าส่งออกจะลดเหลือ -1 ถึง 0%