โล่เงิน | 5 ปี ชะตาพุ่ง 5 วัน ชะตาพลิก “สุรเชษฐ์ หักพาล” ขุนพลของบิ๊กป้อม

กรณี “พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล” นายตำรวจผู้โด่งดังที่สุดในยุคนี้ถูกย้ายฟ้าผ่า 2 เด้ง ในห้วงเวลาห่างกันเพียง 4 วัน สะท้านทั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สะเทือนไปถึงสำนักนายกรัฐมนตรี เขย่าไปถึงคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)

จากนายพลตำรวจผู้ยิ่งใหญ่ มีบารมีเป็นที่เกรงใจอย่างมากของรุ่นพี่ รุ่นเพื่อน รุ่นน้องสีกากี เพราะตลอด 4-5 ปีที่ผ่านมาปฏิเสธไม่ได้ว่า “สุรเชษฐ์ หักพาล” คือผู้ยิ่งใหญ่ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จาก “โจ๊ก หวานเจี๊ยบ” ก่อน 9 เมษายน 2562 ใครๆ ก็เรียก “บิ๊กโจ๊ก” ขนานนามตามเพาเวอร์

แต่วันนี้ภายใต้คำสั่งหัวหน้า คสช. “พล.ต.ท.สุรเชษฐ์” ต้องพ้นจากความเป็นตำรวจ

คำสั่ง คสช.ถอดเครื่องแบบสีกากี ให้ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์กลายเป็น “ข้าราชการพลเรือน” ตำแหน่งที่ปรึกษาพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นักบริหารระดับสูง)

หมายเหตุสำคัญในคำสั่งย้ายจากบิ๊กตู่ คือเพิ่มชื่อต่อท้ายในกลุ่มเจ้าหน้าที่รัฐที่ถูกกล่าวหาทุจริตฯ ในคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 16/2558 เรื่อง มาตรการแก้ปัญหาเจ้าหน้าที่ของรัฐที่อยู่ระหว่างการถูกตรวจสอบและการกําหนดกรอบอัตรากําลังชั่วคราว

ใจความในคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 16/2558 “โดยที่เจ้าหน้าที่ของรัฐในส่วนราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานอื่นๆ ของรัฐหลายรายอยู่ระหว่างการถูกตรวจสอบของสํานักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ สํานักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ และสํานักงานการตรวจเงินแผ่นดิน มูลกรณีเป็นเรื่องกล่าวหาว่าเกี่ยวข้องกับการทุจริตหรือประพฤติมิชอบ ทําให้เสียหายแก่ทางราชการหรือทําให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน แม้ผลการตรวจสอบยังไม่อาจสรุปความผิดได้ชัดเจนถึงขั้นชี้มูลความผิด แต่บางเรื่องมีการกระทําเป็นขบวนการ การตรวจสอบจึงใช้เวลานาน และบางเรื่องไม่ได้รับความร่วมมือจากผู้เกี่ยวข้องเท่าที่ควร ดังที่หน่วยงานตรวจสอบดังกล่าวได้แจ้งให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติและรัฐบาลทราบมาเป็นลําดับ”

หมายถึง สั่งตรวจสอบ “บิ๊กโจ๊ก” ด้วย!!

เกิดอะไรขึ้นกับนายตำรวจผู้กว้างขวาง น้องรักที่เป็นดั่งขุนพลสีกากีข้างกาย “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี นายทหารซึ่งเป็นเหมือนพี่ใหญ่ใน คสช.

5 วันแห่งความระทึก ตั้งแต่วันที่ 5 ถึง 9 เมษายน ที่พลิกผันชะตา “พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล” นักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 47 ที่ชีวิตราชการรุ่งพุ่งเร็วมากที่สุด

ในยุคนี้ นายตำรวจอายุเพียง 48 ปีที่ครองยศ พล.ต.ท. มีตำแหน่ง “ผู้บัญชาการ” นับอายุราชการยาวไกลอีก 12 ปี ก้าวขึ้นบันไดอีกเพียง 3 ขั้นก็จะไปถึงเก้าอี้ “ผู้นำตำรวจ” โอกาสสัมผัสถึงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

ย้อนไทม์ไลน์ เกิดอะไรขึ้นบ้างในห้วง 5 วันที่ผ่านมา

คํ่าวันที่ 5 เมษายน ข่าวสะพัดในแวดวงตำรวจ “บิ๊กโจ๊กถูกเด้งเข้ากรุศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ท่ามกลางกระแสข่าวถูกเชิญตัวและบุกค้นที่พักส่วนตัวในโรงแรมดังกลางกรุง แต่ข่าวแรงสะพัดก็ยังไม่มีใครหรืออะไรยืนยันชัด”

แต่ในโลกโซเชียลมีเดีย เพจ “สุรเชษฐ์ หักพาล” ที่มียอดแฟนคลับติดตามนับแสน อินสตาแกรมชื่อเดียวกัน รวมทั้งเพจสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ถูกลบหายจากโลกโซเชียล

เช้าวันที่ 6 เมษายน สื่อมวลชนเริ่มเสนอข่าว สะพัดเด้ง “บิ๊กโจ๊ก” โดยมีข่าวลือ ข่าวลวงต่างๆ ออกมามากมายในโซเชียลมีเดีย ขณะที่ผู้ใหญ่ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติเก็บตัวเงียบ เช่นเดียวกับ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์และคนใกล้ชิดที่ไร้ความเคลื่อนไหว

ช่วง 13.50 น. วันที่ 6 เมษายน กระแสข่าวเด้งบิ๊กโจ๊กชัดเจน เมื่อคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ 232/2562 ลงนามโดย พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สั่งย้าย พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล พ้นจากตำแหน่งผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ผบช.สตม.) ไปปฏิบัติหน้าที่ที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.) โดยขาดจากตำแหน่งเดิม เพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามที่ผู้อำนวยการ ศปก.ตร. มอบหมาย คำสั่งมีลายเซ็น ผบ.ตร.ลง ณ วันที่ 5 เมษายน ให้มีผลทันที

อีกเพียง 1 ชั่วโมงต่อมาในวันเดียวกัน มีความเคลื่อนไหวอย่างมีนัยยะสำคัญในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) นัดหมายประชุม ก.ตร. แจ้งวาระสำคัญ “แต่งตั้งข้าราชการตำรวจ”

มีรายงานว่าเป็นการแต่งตั้งเปลี่ยนตัว ผบช.สตม.คนใหม่ ย้ายขาด “บิ๊กโจ๊ก” พ้นเก้าอี้อย่างถาวรและแต่งตั้งคนใหม่ทดแทน

ตลอดวันที่ 6 เมษายน กระแสข่าวลือต่างๆ ยังโหมกระหน่ำ ข้อมูล “สุรเชษฐ์ หักพาล” หายไปจากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี แต่ก็ยังไร้ความชัดเจนจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติต้นสังกัด รวมทั้ง “บิ๊กป้อม” ผู้บังคับบัญชาโดยตรงในฐานะมีบิ๊กโจ๊กเป็นนายตำรวจติดตามและมีตำแหน่งเป็นผู้ช่วยโฆษกส่วนตัว ผู้บังคับบัญชาของ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ เก็บตัวเงียบ

วันที่ 7 เมษายน ยังไม่มีความเคลื่อนไหวใดจากบิ๊กโจ๊กและคนใกล้ชิด ยังเก็บตัวเงียบ ข่าวลือกระหึ่ม จนกระทั่งค่ำ มีกระแสข่าวว่าบิ๊กโจ๊กปรากฏตัวจากคนใกล้ชิด

เช้าวันที่ 8 เมษายน บิ๊กโจ๊กเข้ารายงานตัวที่ ศปก.ตร. และมีการแจ้งเลื่อนประชุม ก.ตร.ออกไปเป็นวันที่ 10 พร้อมข่าวลือดำเนินคดีบิ๊กโจ๊ก แต่ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. ที่ถูกพาดพิงปฏิเสธ ยังไม่มี

เช้าวันที่ 9 เมษายน บิ๊กโจ๊กรายงานตัวและร่วมประชุมที่ ศปก.ตร. และกลับออกไปในช่วงสาย

เที่ยงวันที่ 9 เมษายน ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่คำสั่งหัวหน้า คสช.ย้ายบิ๊กโจ๊กพ้นสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมให้ตรวจสอบตามนัยยะคำสั่งหัวหน้า คสช. แต่ก็ยังไม่ปรากฏคำสั่งตั้งกรรมการตรวจสอบใดๆ รวมทั้งการดำเนินคดีด้วย

เย็นวันที่ 9 เมษายน “บิ๊กป้อม” ยกเลิกการประชุม ก.ตร.วาระตั้ง ผบช.สตม.ออกไปไม่มีกำหนด

เย็นวันเดียวกัน บิ๊กโจ๊กถอดเครื่องแบบตำรวจ เข้ารายงานตัวที่สำนักนายกรัฐมนตรี

จนขณะนี้แม้ยังไม่มีคำสั่งตั้งกรรมการใดๆ แต่ท่ามกลางข่าวลือ ข่าวปล่อยและนัยยะคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 16/2558 คงทำให้คนที่เกี่ยวข้องกับ “บิ๊กโจ๊ก” ในหลากหลายมิติร้อนๆ หนาวๆ