โลกหมุนเร็ว/เพ็ญศรี เผ่าเหลืองทอง /พรปีใหม่

โลกหมุนเร็ว/เพ็ญศรี เผ่าเหลืองทอง [email protected]

พรปีใหม่

ถ้าหากทุกเช้าเราตื่นขึ้นด้วยอารมณ์ที่เบิกบาน มีเรี่ยวแรงทำสิ่งต่างๆ ที่ต้องทำในวันนั้น รวมกับคิดถึงสิ่งใหม่ๆ ที่เพิ่มสีสันให้ชีวิต ดีต่อตัวเรา ดีต่อคนอื่น นั่นก็ย่อมเป็นพรที่ดีกับชีวิตยิ่งกว่าสิ่งใดในปีใหม่นี้

และจะดียิ่งขึ้นถ้ามีความตั้งใจดีที่จะปรับปรุงเปลี่ยนแปลงชีวิตไปในทางที่ดี

ช่วงก่อนปีใหม่ ได้พบกับเหตุการณ์เล็กๆ ที่มีความหมายกับชีวิต

ช่วงนี้ผู้เขียนได้เปิดใจกับสิ่งที่เรียกว่า “คำสอนในศาสนา” หลายๆ ด้าน ไม่ใช่ด้วยความตั้งใจ แต่เหตุการณ์พาไป คนส่วนใหญ่เกิดมาพร้อมกับศาสนาที่ติดตัวมาจากครอบครัว เป็นพุทธ เป็นคริสต์ เป็นอิสลาม หรือบางคนไม่เป็นอะไรเลย

ศาสนาคืออะไร น่าจะมีคำจำกัดความสั้นๆ ว่า คือสิ่งที่มีไว้เพื่อช่วยให้เราพ้นทุกข์

ก็เพราะว่าชีวิตคือทุกข์

และในที่สุดเราก็ตระหนักว่าคนเราเกิดมาใช้ชีวิตทั้งชีวิตเพื่อหาทางให้ตนเองพ้นทุกข์

แต่ละศาสนาชี้แนะหนทางให้เราพ้นทุกข์ต่างกันก็จริง แต่ก็มีความคล้ายคลึงกัน และในที่สุดแล้วมันคือสิ่งเดียวกัน

ศาสนาคริสต์ให้เราพ้นทุกข์ด้วยความรัก

ศาสนาอิสลามให้กตัญญูต่อพระเจ้า โดยไม่ทำบาป

ศาสนาพุทธบอกให้เรามองจิต มีสติ และมีเมตตา

ไม่ว่าเราจะนับถือศาสนาใด หากเรามีทุกข์น้อยลง ก็ถือว่าเราเข้าถึงแก่นแห่งศาสนา

 

ศาสนาพุทธ นิกายเซน มีผู้นำจิตวิญญาณหลายท่าน ที่เรารู้จักกันดีคือ ทะไลลามะ

นอกจากนี้ อีกท่านหนึ่งที่รู้จักกันดีในระดับโลกคือหลวงปู่ติช นัท ฮันห์ ชาวเวียดนาม ผู้ก่อตั้งหมู่บ้านพลัมที่ประเทศฝรั่งเศส

ความง่ายที่จับแก่นของศาสนาพุทธไว้มั่น และนำไปสู่ทางพ้นทุกข์ ทำให้ในวันนี้หมู่บ้านพลัมได้กลายเป็นวัดพุทธศาสนาที่ใหญ่ที่สุดและมีกิจกรรมการปฏิบัติอย่างต่อเนื่องในยุโรป และอีกสี่ทวีปรวมทั้งประเทศไทย

มีกลุ่มฆราวาสปฏิบัติธรรมตามแนวทางหมู่บ้านพลัมในกว่าสี่สิบประเทศทั่วโลก ที่เน้นการภาวนาเรื่องศิลปะการใช้ชีวิตอย่างมีสติ

ผู้เขียนได้เข้าไปสัมผัสวิถีของท่านได้ระยะหนึ่ง รู้สึกว่าแนวทางของท่านเป็นสิ่งที่ง่ายๆ และผ่อนคลาย เข้าถึงคนได้ง่ายคล้ายกับศาสนาคริสต์

ในสภาพแวดล้อมของชีวิตผู้เขียน แม้เป็นพุทธ ก็ได้ใช้เวลาส่วนใหญ่อ่านหนังสือธรรมะของครูบาอาจารย์ชาวพุทธอยู่เป็นประจำสม่ำเสมอ เมื่อยามมีทุกข์ก็คลายทุกข์ได้ แต่ไม่มีโอกาสได้พบกับตัวตนของครูบาอาจารย์ท่านใดเลย ซึ่งนี่เป็นความปรารถนาลึกๆ ที่จะมี “ครู” ไว้คอยเป็นที่พึ่งชี้ทาง

เมื่อได้พบกับหลวงปู่ติช นัท ฮันห์ จึงได้พบ “ครู” ผู้นำทาง

เมื่อหลวงปู่อาพาธ คณะนักบวชของหมู่บ้านพลัมก็ยังคงทำหน้าที่เป็น “ครู” อย่างต่อเนื่อง

 

ช่วงนี้คณะศิษย์หลวงปู่กำลังเตรียมงานฉลอง 50 ปีแห่งการ “ปรากฏอยู่บนเวทีโลกอย่างวิเศษหาที่เสมอเหมือนมิได้เพื่อสร้างการเคลื่อนไหวระดับโลกสำหรับ ‘พุทธธรรมที่ประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน’ (Engage Buddhism) ซึ่งถือว่าพระพุทธศาสนาไม่ควรปฏิบัติอยู่เฉพาะในวัด แต่ควรนำมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน เพื่อตอบรับกับความทุกข์ในตัวเราและใน โลก”

ผู้เขียนได้มีโอกาสสนทนาธรรมกับพระชั้นผู้ใหญ่ของหมู่บ้านพลัมซึ่งกำลังเตรียมงานดังกล่าว ในวันหนึ่งเมื่อเร็วๆ นี้ ทุกท่านมีเมตตาสูง ทำให้ผู้เขียนเข้าใจตัวเอง และมีแรงบันดาลใจที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง

จิตของคนเรานั้นพอกหนาด้วยสิ่งที่เราเชื่อว่าเป็นตัวตนของเรา เราแสดงออกตามธรรมชาติของตัวตนของเรา เมื่อเราเริ่มสำรวจจิต เราจะมองเห็นสิ่งที่เป็นลบ และเป็นต้นเหตุแห่งทุกข์

บางครั้งเรามองเห็นไม่ชัด การสนทนาธรรมก็จะช่วยเป็นกระจกเงาสะท้อนมันออกมาได้

ผู้เขียนถามพระผู้ใหญ่ว่า บางครั้งจิตของเรามีสมาธิดี และรู้ว่าเรากำลังโกรธอยู่ แต่แทนที่เราจะยับยั้งวาจาที่ตอบโต้ เรากลับรู้สึกว่าสะใจ พอใจที่ได้ตอบโต้ออกไป

พระผู้ใหญ่ตอบว่านั่นเป็นการแสดงอำนาจ

คำตอบของพระผู้ใหญ่ทำให้เราได้คิดว่า จริงสินะ เราไม่เคยรู้มาก่อนเลย

 

อีกคนหนึ่งพูดถึงอัตตา พระผู้ใหญ่เล่าเรื่องของท่านเองให้เราฟังว่า แต่ก่อนนี้ท่านเคยทำงานอยู่ในธุรกิจการเงิน ท่านเป็นคนบริหารสินทรัพย์ให้ลูกค้า และท่านเป็นผู้บริหารที่เก่ง สามารถทำเงินได้สูงสุด นั่นทำให้ท่านเกิดอัตตาพองโต อัตตานี้ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ และท่านก็อยากทำให้มากขึ้นเรื่อยๆ

การได้พบ “ครู” ที่มีชีวิต นอกเหนือจากการอ่านหนังสือ คือพรปีใหม่สำหรับผู้เขียน เพราะครูได้ให้คำตอบที่ไม่เคยรู้ นำไปสู่ความตั้งใจที่จะแปรเปลี่ยน

เพื่อเปลี่ยนชีวิตของเราให้ดีขึ้น