เปิดใจ “ม่อน สุรศักดิ์” จาก “เด็กเกเร” สู่ “พระเอก” ละครจักรๆ วงศ์ๆ ที่เรตติ้งแรงแซงทะลุ!

“ตอนแรกผมไม่คิดเลยว่าผมจะมาเล่นละครจักรๆ วงศ์ๆ”

“ตอนที่ผมเป็นเด็ก แม่คิดว่าผมเป็นบ้า ผมชอบไปปล่อยพลังคนเดียว โดยที่ไม่มีใครเห็น ถ้าไม่มีใครอยู่ปุ๊บ ผมจะเล่นแล้ว ปล่อยพลังเหมือนในหนังเลย เหมือนตอนนี้เลย”

นี่คือคำกล่าวของ “ม่อน-สุรศักดิ์ สุวรรณวงษ์” นักแสดงหนุ่มซึ่งกำลังมาแรง ในสื่อบันเทิงที่คล้ายจะมีแฟนเฉพาะกลุ่มและไม่ทันสมัย อย่าง “ละครจักรๆ วงศ์ๆ”

ด้านหนึ่ง เจ้าตัวก็มีความคุ้นเคยกับละครชนิดนี้ในสมัยเด็กๆ

แต่อีกด้าน นักแสดงดาวรุ่งหน้าตาดีก็ไม่คาดคิดมาก่อนว่าตนเองจะกลายเป็นพระเอกผู้ทรงฤทธิ์ในละครพื้นบ้านทางจอทีวี

เช่นเดียวกับที่ม่อนคงคิดไม่ถึงว่าละครจักรๆ วงศ์ๆ ลำดับที่สาม ซึ่งเขารับบทบาทเป็นพระเอกเรื่อง “สังข์ทอง” จะโกยเรตติ้งทะลุหลัก 7 เป็นว่าเล่น จนมีสถานะเป็นโปรแกรมโทรทัศน์ยอดนิยมอันดับหนึ่งของประเทศไทยในช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคมที่ผ่านมา

ถ้าพิจารณาเฉพาะในจักรวาลของละครจักรๆ วงศ์ๆ ตลอดระยะหลายปีหลัง “สังข์ทอง” ฉบับนี้ อาจจะมีความร้อนแรงเป็นรองเพียง “แก้วหน้าม้า” (2558)

หรือหากเทียบกับละครโทรทัศน์ไทยเรื่องอื่นๆ ในปี 2561 เผลอๆ “สังข์ทอง” อาจจะพ่ายแพ้เพียงแค่ปรากฏการณ์ “บุพเพสันนิวาส” อันลือลั่นสนั่นเมือง

ม่อนเปิดใจยอมรับว่า สมัยก่อนชีวิตของเขาไม่สวยงามนัก ด้วยความที่เป็นเด็กดื้อ เด็กซน ไม่เชื่อฟังพ่อ-แม่ บุพการีใช้ให้ไปทำอะไรก็ไม่ยอมทำ

ยิ่งกว่านั้น เขายังชอบโดดเรียนไปเตะบอลกับเพื่อนๆ จนติด 0 ติด ร. เพียบ กระทั่งพ่อ-แม่ต้องคอยเฝ้าดูพฤติกรรมของลูกชายและหมั่นไปประชุมผู้ปกครองที่โรงเรียนอย่างใกล้ชิด ชนิดไม่กล้าละสายตา

ผู้รับบท “พระเอกร่างทอง” ในละครพื้นบ้านยอดฮิต ย้อนนึกถึงเหตุการณ์เมื่อครั้งวันวานว่า ตนเองเป็นคนไม่คิดอะไร ไม่มีเป้าหมายในชีวิต อนาคตอยากจะทำอะไรก็ยังไม่รู้

“คิดแค่อยากสนุก อยากทำอะไรก็ทำ ไม่อยากทำอะไรก็ไม่ทำ”

จุดเริ่มต้นสู่วงการบันเทิงของม่อน สุรศักดิ์ เกิดจากการเปลี่ยนแปลงในทางความคิด

เพราะเด็กหนุ่มหัวดื้อ ไร้จุดหมายในชีวิตคนเดิม เริ่มฉุกคิดได้ว่าตนเองต้องทำหน้าที่ดูแลครอบครัว

เขาจึงตัดสินใจเสาะแสวงหาลู่ทางแปลกใหม่ในวงการ

ด้วยความรู้สึกที่ว่าบุคลากรในแวดวงนี้น่าจะทำรายได้ได้ดีและรวดเร็ว (ถ้าประสบความสำเร็จ)

ด้วยความเชื่อที่ว่าคนอายุมากหรือน้อยต่างก็สามารถทำเงินในวงการนี้ เห็นได้จากดาราดังอายุน้อยๆ ที่หาทรัพย์สินได้มากมายมาเลี้ยงครอบครัว และดาราอาวุโสที่ยังเลี้ยงชีพอยู่ได้บนเส้นทางสายมายา

กระนั้น ม่อนก็เดินทางเข้าสู่ถนนสายใหม่อย่างคนที่แทบจะไม่รู้อะไรเลย

“ผมไม่รู้เกี่ยวกับวงการบันเทิงเลย โมเดลลิ่งคืออะไรผมยังไม่รู้เลย ผมรู้แค่ว่าแค่ส่งรูปไป แล้วเขาบอกว่ามีงาน ผมก็ไป เขาบอกว่าเรียน (การแสดง) ต้องใช้ค่าใช้จ่ายเยอะ ผมก็ยอมเสี่ยง เพราะเขาบอกว่ามีงาน”

สุดท้ายเทพีแห่งโชคชะตาและความเพียรพยายามก็ส่งผลให้ม่อนประสบความสำเร็จสวยงาม จากการรับบทนักแสดงนำใน “สี่ยอดกุมาร” พระเอกใน “อุทัยเทวี” และ “พระสังข์” ใน “สังข์ทอง”

ขอบคุณภาพจากอินสตาแกรม samsearn

พระเอกละครจักรๆ วงศ์ๆ รุ่นล่าสุดของค่ายสามเศียร วิเคราะห์ว่าจุดแข็งของ “สังข์ทอง” เวอร์ชั่นปี 2561 อยู่ที่การเลือกวางบุคลิกตัวละครที่ผิดแผกแตกต่างจากฉบับปี 2550

เพราะผู้ใหญ่ค่ายสามเศียรได้ปรับเปลี่ยนแคแร็กเตอร์ของ 6 เขย 6 ธิดา พระสังข์ รวมทั้งเจ้าเงาะเสียใหม่แบบยกเซ็ต ที่เห็นชัดเจนคือ ลักษณะ “นานาชาติ” สุดแสนเฮฮาของบรรดาหกเขย

สำหรับม่อน องค์ประกอบเหล่านี้คือเหตุผลสำคัญที่ทำให้ละครมีความสนุกสนาน

ขณะเดียวกันพระเอกรูปหล่อยังพูดถึงเสน่ห์ของละครจักรๆ วงศ์ๆ เอาไว้ว่านี่เป็นสื่อบันเทิงที่ทำให้คนรุ่นหลังเรียนรู้วัฒนธรรมของคนรุ่นก่อน

“ก็หาดูได้ยากแล้วครับ ละครจักรๆ วงศ์ๆ ที่จะมีคนอนุรักษ์และยังทำอยู่”

ส่วนในมุมของนักแสดง เขาแสดงความเห็นถึงมหรสพประเภทนี้ว่า

“ถ้าเข้ามาเล่นจริงๆ แล้ว ถ้าใจเรารับรู้ได้ถึงละครพื้นบ้าน รับรู้ได้ถึงเสน่ห์ของมัน ถ้าเรารักมันแล้ว อะไรๆ มันก็จะง่ายขึ้นครับ”

แกะรอยเรตติ้งทะลุ 7 ของ “สังข์ทอง 2561”

จากสถิติที่มีการเผยแพร่สู่สาธารณะโดยเว็บไซต์ https://www.tvdigitalwatch.com/

พบว่า ละคร “สังข์ทอง” เวอร์ชั่นนี้ สามารถทำเรตติ้งความนิยมได้เกินหลัก 7 รวมแล้วอย่างน้อยที่สุด 4 ครั้ง คือ

วันที่ 10 มิถุนายน เรตติ้ง 7.016

วันที่ 1 กรกฎาคม เรตติ้ง 7.169

วันที่ 19 สิงหาคม เรตติ้ง 7.382

วันที่ 2 กันยายน เรตติ้ง 7.531

ขอบคุณภาพจากอินสตาแกรม samsearn