ครม.อัดงบ 8หมื่นล้าน ทั้งงบรายปี-เงินกู้ สร้างรถไฟทางคู่ เด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ

ครม.อัดงบกว่า 8 หมื่นล้าน สร้างรถไฟทางคู่ สายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ

เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม ที่ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ โฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรี(นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ว่า คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงคมนาคม (คค.) เสนอให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ดำเนินโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ สายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ ในวงเงินรวม 85,345 ล้านบาท แบ่งออกเป็น ค่าเวนคืนที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ ค่าก่อสร้าง และค่าจ้างที่ปรึกษา ระยะเวลาดำเนินการ 7 ปี ดำเนินการประกวดราคาจ้างก่อสร้างด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2549 หรือที่ประกาศใช้ล่าสุด (ในปัจจุบันระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 ใช้บังคับแล้ว ตั้งแต่วันที่ 24 สิงหาคม 2560) และให้ รฟท. แบ่งสัญญาในการดำเนินโครงการฯ เป็น 3 สัญญา โดยให้รัฐบาลรับภาระค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการทั้งสิ้น โดยให้สำนักงบประมาณ (สงป.) จัดสรรงบประมาณรายปี และ/หรือกระทรวงการคลัง (กค.) จัดหาแหล่งเงินกู้และค้ำประกันเงินกู้ภายในประเทศให้ตามความเหมาะสม เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการตามแผนการดำเนินงานและแผนการเบิกจ่ายเงินของโครงการฯ ทั้งนี้ เห็นชอบให้ รฟท. กู้เงินตามพระราชบัญญัติการรถไฟแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2494 มาตรา 39 (4) ตามความเห็นของกระทรวงการคลัง นอกจากนี้ ครม.ยังอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนของโครงการก่อสร้างทางรถไฟ สายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้

นายณัฐพร กล่าวว่า โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ สายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ เป็นโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่สายใหม่ มีระยะทางรวมประมาณ 323 กิโลเมตร โดยมีจุดเริ่มต้นที่สถานีเด่นชัย จังหวัดแพร่ แนวเส้นทางมุ่งไปทางทิศเหนือ ผ่านจังหวัดลำปาง จังหวัดพะเยา และจังหวัดเชียงราย ไปสิ้นสุดที่บริเวณด่านพรมแดนเชียงของ จังหวัดเชียงราย โดยวัตถุประสงค์ของการก่อสร้างเพื่อเพิ่มความครอบคลุมพื้นที่ของโครงข่ายทางรถไฟในบริเวณภาคเหนือตอนบน และเชื่อมต่อการเดินทางและขนส่งสินค้ากับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา และสาธารณรัฐประชาชนจีนตอนใต้ อันนำไปสู่การเพิ่มศักยภาพด้านการคมนาคมขนส่ง การค้า และการท่องเที่ยว ทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ นอกจากนี้ โครงการดังกล่าวมีความสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติด้วย