‘บรรยง’ ชวนย้อนอ่านความเห็น 4 ปีก่อน ความต่าง ‘เผด็จการทรราช-เผด็จการผู้ทรงคุณ’ ชี้แม่นอย่างตาเห็น

เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน นายบรรยง พงษ์พานิช อดีตคณะกรรมการนโยบายและกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจ (คนร.) โพสต์เฟซบุ๊ก ชวนย้อนอ่านความเห็นที่ตนเคยเขียนไว้เมื่อ 4 ปีก่อน หลังการรัฐประหาร (เขียนเมื่อวันที่ 13 มิ.ย.2557)

“ผมเขียนอันนี้ไว้ตั้งแต่ 20 วันหลังรัฐประหารเมื่อสี่ปีก่อน ลองอ่านดูอีกทีสิครับ… อยากจะบอกว่า ทำนายได้อย่างกะตาเห็นเลยนะครับ อยากให้ผู้นำได้อ่านจริงๆ ครับ ก่อนที่แม่น้ำทั้งห้าสายของท่านจะกลายเป็น Rivers of no return”

ความเห็นบางส่วนมีดังนี้

 

“คสช….จำเป็นต้องเข้ายึดอำนาจเพื่อปลดเงื่อนตาย เพื่อยับยั้งไม่ให้เกิดสงครามกลางเมือง (เหตุผลที่ท่านประกาศ) ท่านจำเป็นที่ต้องเข้าบริหารบ้านเมือง เพื่อไม่ให้เกิดการชะงักงันเสียหาย ท่านสัญญาว่าจะอยู่เท่าที่จำเป็น จะวางรากฐานกลับสู่กระบวนการ ประชาธิปไตยใหม่ มาถึงวันนี้ นาทีนี้ พวกเรายอมรับการกระทำของท่าน ยอมรับคำสัญญาของท่าน ยอมเชื่อความจริงใจของท่าน ที่เราเป็นห่วง…เป็นกระบวนการที่ท่านจะใช้นับแต่นี้ไป เพราะหนีไม่พ้นที่ท่านจะต้องเลือกกลุ่ม “อภิชนคนดี” เข้ามาช่วยท่าน ระบอบแบบนี้ ย่อมล่อแหลมต่อการเกิดขึ้นของระบบ”พรรคพวกนิยม” (Cronyism) ชุดใหม่ (“ระบอบทักษิณ”ก็คือ Cronyism ภายใต้ปชต.นั่นเอง…ถ้าใครสนใจกลับไปอ่าน”ข้อเสนอต่อประเทศไทย”ที่ผมเขียนยาว 7 ตอน เมื่อเดือน ธค. 56 ในThaiPublica ได้ครับ)

“อันว่า “พรรคพวกนิยม” นั้น หลักการมันมีแค่ ทำอย่างไรถึงจะทำให้ คนที่เป็นพรรคเป็นพวก ได้เปรียบ คนที่ไม่ใช่พรรคพวก (ไม่มีอะไรหล่นจากฟ้า มันต้องแก่งแย่งชิงกัน) ดังนั้นในระบอบนี้ จะมีลักษณะตามมาสองอย่าง อย่างแรก…ผู้มีอำนาจ จะถูกห้อมล้อมสอพลอ กรูเข้าพินอบพิเทา จากคนที่หวังได้ประโยชน์จากอำนาจท่าน ส่วนคนดีอื่นๆที่ไม่ได้หวังประโยชน์ย่อมวางเฉยจนถูกเบียดออกนอกวงในที่สุด (การสอพลอ พินอบพิเทา เป็นต้นทุนที่สูงนะครับ) อย่างที่สอง…ผู้ที่สามารถห้อมล้อม เข้าถึงวงในได้ ก็จะพยายามกีดกันคนอื่นๆ ใส่ร้ายป้ายสีกลุ่มอื่น ก็ด้วยเหตุผลที่ว่า ถ้าท่านผู้มีอำนาจมีพรรคพวกมากไป จะทำให้ประโยชน์ที่จะต้องไปเอาเปรียบเขามานั้นถูกแบ่งปันไป พรรคพวกนิยมจะหย่อนประโยชน์แน่ ถ้าคนที่เป็นพวก มากกว่าคนที่ไม่ใช่พวก (ระบอบทักษิณ ก็ถึงจุดตายด้วยเหตุผลนี้แหละครับ) ลองคิดดูถึงคนดี ที่ประโยชน์ก็ไม่ได้หวัง แถมยังถูกกีดกันใส่ร้ายตลอดเวลา มีหรือจะอยู่ได้ทน

“ทั้งหมดที่ว่ามา เป็นจุดอ่อนของระบอบ “คณาธิปไตย” ที่ทำให้ผู้มีอำนาจพังมานักต่อนัก ไม่ว่าจะเริ่มต้นด้วยความจริงใจแค่ไหน แต่ก็จะเกิด”สภาพแวดล้อมที่เป็นพิษ”ได้อย่างรวดเร็ว. ผมค่อนข้างมั่นใจว่า ถ้าท่านได้อ่านข้อความนี้ แล้วเหลียวดูสภาพรอบตัวท่านขณะนี้ ท่านจะเข้าใจได้โดยพลัน (ถ้าท่านเข้าใจว่า เหล่าผู้คนที่กรูเข้ามา ล้วนเป็นคนดีที่หวังจะเข้ามารับใช้ชาติทุกผู้คน…ผมจะเริ่มสวดมนต์ให้กับประเทศไทย)

“ดังนั้น…ถึงท่านจะมั่นใจในวิจารณญาณการเลือกคน การดูคน การคุมคน ของท่าน …ถึงท่านจะมั่นใจในอัจฉริยะ การแยกแยะผิดถูกชั่วดี ของตัวท่านเอง สักแค่ไหน ถึงท่านจะรู้สึกหงุดหงิดกับการวิพากษ์วิจารณ์สักแค่ไหน (ซึ่งบางครั้งก็มีอคติ ไร้สาระจริง) ขอเพียงว่า …ท่านจะยังเปิดโอกาสให้มีกระบวนการแสดงความคิดเห็น กระบวนการที่จะส่งผ่านข้อมูลในสังคม อย่าฟังแต่เสียงของกลุ่มคนที่ท่านคิดว่า เป็น “อภิชนคนดี” ที่ปราดเข้าห้อมล้อมท่าน เผด็จการที่ไม่ฟังใครนั้น…สุ่มเสี่ยงที่จะกลายพันธุ์ไปสู่ “เผด็จการทรราช” มากกว่า “เผด็จการผู้ทรงคุณ” ในที่สุดครับ”