พรรคการเมือง-กลุ่มเคลื่อนไหวขานรับ สู่การเลือกตั้ง หลัง พรฎ.เลือกตั้ง ประกาศใช้แล้ว

วันที่ 23 มกราคม 2562 หลังจากเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่ประกาศพระราชกฤษฎีกา ให้มีการจัดการเลือกตั้งทั่วไปแล้ว และคณะกรรมการการเลือกตั้งได้เรียกประชุมทันที คาดว่าจะสามารถรู้วันเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ ซึ่งตามกระแสข่าวที่รายงานออกไป หากมีการประกาศ พ.ร.ฎ.ดังกล่าวภายในวันนี้ การเลือกตั้งอาจเป็นวันที่ 24 มีนาคม 2562

หลังจากพระราชกฤษฎีกาประกาศอย่างเป็นทางการ หลายพรรคการเมือง รวมถึงกลุ่มเคลื่อนไหวรณรงค์ให้มีการเลือกตั้ง ต่างขานรับต่อสัญญาณดังกล่าวและเตรียมความพร้อมสู่การเลือกตั้ง

ประชาธิปัตย์’ ยินดี คนไทยจะได้เลือกตั้ง ลั่นพร้อมแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน

นายธนา ชีรวินิจ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตามที่ได้มีพระราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้มีพระราชกฤษฏีกาเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั่วไปในวันนี้นั้น พรรคประชาธิปัตย์ขอแสดงความยินดีกับคนไทยทุกคนที่จะได้มีการเลือกตั้งตัวแทนของประชาชนไปทำหน้าที่ในการบริหารประเทศ และแก้ไขปัญหาของบ้านเมือง ซึ่งจะเป็นไปตามหลักการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข ซึ่งเมื่อได้มีการประกาศพระราชกฤษฎีกาฯ แล้ว ภายใน 5 วัน คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ก็คงจะได้กำหนดวันรับสมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และวันเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรต่อไป พรรคประชาธิปัตย์ขอยืนยันว่าเป็นพรรคที่มีความพร้อมในการเข้าสู่สนามการเลือกตั้งในครั้งนี้ เนื่องจากได้เตรียมบุคลากรทั้งผู้สมัคร และนโยบายที่จะสามารถแก้ไขปัญหาของพี่น้องประชาชน และประเทศชาติได้

จากที่ กกต. ได้ประกาศว่าขณะนี้มีพรรคการเมืองเก่าเพียง 2 พรรคเท่านั้นที่ได้ปฏิบัติตามกติกา หรือหลักเกณฑ์ที่ กกต. กำหนด อันจะทำให้มีสิทธิ์ในการส่งผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคประชาธิปัตย์มั่นใจและยืนยันว่า พรรคฯ เป็น 1 ใน 2 พรรคที่กกต. ได้ประกาศว่าได้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และกติกาของ กกต. ทำให้มีสิทธิ์ที่จะส่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในการเลือกตั้งครั้งนี้

พรรคประชาธิปัตย์ขอให้กำลังใจพรรคการเมืองทุกพรรคที่ยังไม่ได้ดำเนินการตามกติกาที่ กกต. กำหนดและขอให้รีบดำเนินการ เพื่อให้การเลือกตั้งครั้งนี้ประชาชนได้มีสิทธิ์พิจารณาเลือกบุคลากร หรือบุคคลที่ลงสมัครรับเลือกตั้ง พร้อมพรรคการเมืองที่หลากหลาย อันจะทำให้การเลือกตั้งครั้งนี้ สามารถที่จะเป็นทางออกให้ประเทศ หลังจากที่มีปัญหายาวนานมา 8 ปี นับตั้งแต่มีการรัฐประหาร โดยพรรคฯ ยืนยันว่าผู้สมัครของพรรคฯ ทุกคน เป็นบุคคลที่มีความพร้อมจะทำหน้าที่เป็นตัวแทนของพี่น้องประชาชนทั้งในการดูแลแก้ปัญหาในพื้นที่ และการทำหน้าที่เป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติ ในสภาผู้แทนราษฎร ในขณะเดียวกันพรรคฯ จะเป็นทางเลือกหลักของประเทศในการนำพาประเทศไปสู่ความเจริญที่ยั่งยืนและมั่นคง ด้วยสโลแกน “แก้จน สร้างคน สร้างชาติ” ซึ่งพรรคฯ เชื่อมั่นว่า แนวทางดังกล่าวนี้จะสามารถแก้ไขปัญหาให้กับประเทศชาติได้อย่างยั่งยืนได้อย่างมั่นคงแน่นอน

 

‘อนาคตใหม่’ พร้อมลงสนาม ห่วงส่อเลื่อน-ล้มเลือกตั้งได้เพราะมี ม.44

นางสาวพรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่ ระบุว่า หลังจากมีการประกาศพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งมาแล้ว พรรคอนาคตใหม่รอการกำหนดวันเลือกตั้งจากกกต. ซึ่งควรจะเกิดขึ้นเร็วที่สุด อย่างน้อยภายในวันที่ 24 มีนาคมตามที่กกต.เคยระบุไว้ ส่วนพรรคอนาคตใหม่ พร้อมเต็มที่ 100% สำหรับการเข้าสู่การเลือกตั้ง ขณะนี้ได้ผู้สมัครส.ส.แบบแบ่งเขตครบ 350 เขต และจะส่งผู้สมัครปาร์ตี้ลิสต์ตามจำนวนที่กฎหมายกำหนด ทีมผู้สมัครพร้อม ทีมงานจังหวัด 77 จังหวัดก็พร้อมแล้ว โดยวันที่ 26 มกราคมนี้ จะมีงานเปิดตัวผู้สมัครส.ส.กรุงเทพฯ 30 เขต ที่หอศิลป์ กทม. และแสดงความพร้อมของพรรคอนาคตใหม่ในการเข้าสู่การเลือกตั้ง

อย่างไรก็ตาม นางสาวพรรณิการ์ยังเตือนว่า อย่าเพิ่งมั่นใจว่าจะได้เลือกตั้งตามที่กกต.กำหนด เพราะรัฐบาลคสช.ยังมีอำนาจตามมาตรา 44 อยู่ในมือ สามารถเลื่อนหรือล้มการเลือกตั้งได้หากต้องการ เพราะฉะนั้นขอให้ประชาชน พรรคการเมือง ที่ต้องการประชาธิปไตยคืนกลับมาสู่ประชาชน ร่วมกันจับตามอง และแสดงพลังกดดันให้รัฐบาลเดินหน้าไปสู่การเลือกตั้งตามที่กกต.กำหนด

 

‘ทีมเพื่อไทย’ พร้อมแล้ว! แก้ปัญหาบนจุดยืน ‘หัวใจเราคือประชาชน’

นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ได้แถลงหลังประกาศพระราชกฤษฎีกาให้มีการจัดการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการว่า สถานการณ์ของสังคมไทยเราในวันนี้ ต้องเผชิญกับปัญหาต่างๆมากมายที่รุมเร้า ตลอดระยะเวลา 5 ปีของการบริหารประเทศภายใต้รัฐบาลที่มาจากการรัฐประหาร ซึ่งประสบความล้มเหลวในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็น ความล้มเหลวในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจความล้มเหลวในการปฏิรูปการเมืองในระบอบประชาธิปไตย ความล้มเหลวในการปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่น ความล้มเหลวในการปกป้องสิทธิมนุษยชน และ ความล้มเหลวในภาวะความเป็นผู้นำของนายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช.

โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาเศรษฐกิจซึ่งรัฐบาลที่มาจากการรัฐประหารล้มเหลวในการบริหารอย่างสิ้นเชิง ทำให้ประเทศเรากลายเป็นประเทศที่มีฐานะทางเศรษฐกิจอยู่ในอันดับท้ายๆ ในอาเซียน ด้วยนโยบายของรัฐที่ส่งผลให้ธุรกิจขนาดใหญ่มีอำนาจผูกขาดทางการตลาด เอื้อประโยชน์ให้เอกชนรายใหญ่ ประเทศตกอยู่ในสภาวะ “รวยกระจุก จนกระจาย” ประชาชนส่วนใหญ่มีรายได้ไม่เพียงพอต่อการดำรงชีพ ปัญหาราคาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำอย่างต่อเนื่อง เกิดปัญหาความเหลื่อมล้ำรุนแรงเป็นอันดับต้นๆ ของโลก หนี้ครัวเรือนไม่ได้รับการแก้ไข เงินที่รัฐบาลใส่ลงในระบบไม่เกิดการใช้จ่าย เพราะประชาชนไม่เชื่อมั่นในรายได้ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตสร้างความทุกข์ยากเดือดร้อนแก่ประชาชนโดยทั่วไป

ปัญหาวิกฤตที่ประชาชนไทยต้องเผชิญในขณะนี้ มีความซับซ้อนของปัญหาและกลไกทางเศรษฐกิจ รวมทั้งการเปลี่ยนแปลงของกติกาโลกและเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว หากยังใช้บุคลากรที่ยึดติดอยู่กับกรอบความคิดเดิม การบริหารหารแบบราชการเดิม ๆ ก็มิอาจแก้ไขปัญหาได้ ดังนั้นต้องเปิดโอกาสให้กับทีมที่มีประสบการณ์ ทีมที่เข้าใจปัญหา ทีมที่คิดเป็น และทีมที่ทำเป็น เข้ามาแก้ไขปัญหาปากท้องของพี่น้องประชาชน

พรรคเพื่อไทยมีประสบการณ์ ในการบริหารประเทศมาแล้ว ถึง 3 สมัย ทำให้พรรคเพื่อไทยมีทีมบุคลากรทำงานที่แข็งแกร่ง เข้าใจความเชื่อมโยง เข้าใจภาพรวม และตระหนักดีว่าต้องใช้ความรู้และสติปัญญาจากสาขาต่าง ๆ ที่หลากหลายมาผสมผสานเพื่อสร้างและแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจให้พี่น้องประชาชนอยู่ดีกินดี ในกระเป๋ามีเงินใช้

“ทีมเพื่อไทย” วันนี้มีความพร้อมในทุกด้าน ด้วยบุคลากรที่มีความรู้และประสบการณ์เคยบริหารงานในระดับประเทศ ไม่ว่าจะเป็นด้านเศรษฐกิจทั้งระดับมหภาคและจุลภาค ด้านกฎหมาย ด้านสาธารณสุข ด้านเกษตรทั้งพืชผล ประมง และ ปศุสัตว์ ด้านการศึกษาและพัฒนาเด็กเยาวชน ด้านการกระจายอำนาจเพื่อลดความเหลื่อมล้ำ

“ทีมเพื่อไทย” ทำงานโดยมีเป้าหมายมุ่งที่ประโยชน์ของชาติและประชาชนเป็นหลัก ด้วยความตระหนักดีว่าการเมืองเป็นเรื่องของการอาสา เป็นเรื่องของการเสียสละ เรารู้จักเล็กเป็นและใหญ่เป็น เพื่อร่วมกันคิด ร่วมกันทำงานให้มีผลสัมฤทธิ์ต่อพี่น้องประชาชนสูงสุด

“ทีมเพื่อไทย” เรามีทั้งทีมบริหารมืออาชีพจากทุกภาคส่วนทั้งรัฐและเอกชน เรามีทีมนักการเมืองที่เป็นผู้แทนราษฎรในเขตพื้นที่ ที่มีความพร้อมในการดูแลทุกข์สุข รับฟังปัญหา และเป็นเสียงในสภาที่จะสนับสนุนให้นโยบายที่นำเสนอไปสู่รูปธรรมที่เป็นจริง เพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาให้ได้อย่างที่พี่น้องประชาชนคาดหวัง และ

ที่สำคัญเรามีพี่น้องประชาชนเป็นฐานสนับสนุนที่มีพลังจนทำให้ “ทีมเพื่อไทย” ได้รับความไว้วางใจให้เข้ามาบริหารประเทศถึง 3 สมัย

ประเทศไทยวันนี้ จึงต้องเดินไปข้างหน้าสู่การเปลี่ยนแปลงให้เท่าทันโลก จากการบริหารแบบเดิมที่ทำให้พี่น้องประชาชนต้องอยู่ในภาวะที่ถดถอย สิ้นหวัง และ ล้มเหลว

ดังนั้น ภารกิจของ “ทีมเพื่อไทย” ในวันนี้ คือการทำให้ประชาชนมีความหวัง มีกำลังใจ และมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นทุกระดับชั้น

“ทีมเพื่อไทย” พร้อมสำหรับการเลือกตั้งครั้งนี้ และพร้อมสำหรับการรับใช้พี่น้องประชาชน ด้วยยังคงยึดมั่นเสมอว่า “หัวใจเราคือประชาชน”

‘เพื่อชาติ’ ลั่นพร้อมเลือกตั้งเสมอ ขอให้บริสุทธิ์-เป็นธรรม

นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ หัวหน้าพรรคเพื่อชาติ กล่าวระหว่าง เดินสายพรรคเพื่อชาติสัญจร ภาคอีสาน ที่ อ.น้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี ว่า การที่วันนี้ได้มีการประกาศพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้ง ตนก็รู้สึกยินดีจะได้รู้สึกมั่นใจยิ่งขึ้น สามารถจะตอบชาวบ้านได้ว่าจะมีการเลือกตั้งจริง รวมทั้งขอให้การประกาศวันเลือกตั้งโดยเร็ววัน ตามกรอบของกฎหมาย สำหรับพรรคเพื่อชาตินั้นเรามีความพร้อม มานานแล้ว ผู้สมัครเราก็ได้สรุปพร้อมทุกเขตแล้ว ทั้ง 350 เขต

สำหรับกรณีที่กกต.ระบุว่ามีเพียง 2 พรรคเท่านั้น ที่มีคุณสมบัติครบในการลงรับสมัครรับเลือกตั้ง ตนเข้าใจว่าคงจะเกี่ยวกับเรื่อง ประธานจังหวัด สาขาจังหวัด ในส่วนของพรรคเรา สาขาภาคเรามีครบถ้วนมานานแล้ว ส่วนสาขาจังหวัด ขาดแค่ 3 จังหวัดที่กำลังดำเนินการแต่ก็ไม่เป็นปัญหา อีกไม่กี่วันก็คงสำเร็จ ส่วนของวันเลือกตั้งนั้น ตนคิดว่าควรจะอยู่ภายในเดือนมีนาคม แต่ถ้าเป็นไปได้เป็นวันที่ 10 มีนาคม ก็จะดีมากแต่ถ้าไม่ใช่ก็ไม่ควรที่จะเกินวันที่ 24 มีนาคม ส่วนจะเป็นเดือนกุมภาพันธ์นั้นคงเป็นไปไม่ได้แล้ว แต่ ไม่ว่าจะเป็นวันใด ขอให้ชัดเจนแน่นอน เราพร้อมเสมอ ทั้งนี้ขอให้การเลือกตั้งในครั้งนี้มีความบริสุทธิ์ ยุติธรรมเพื่อให้บ้านเมืองเดินหน้าไปได้ด้วยดี

นายสงครามยังกล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ตนยังคิดว่า ถึงเวลาแล้ว ที่ 4 รัฐมนตรี ของพรรคการเมืองหนึ่ง ควรจะต้องลาออก มาดำเนินการทางการเมือง เพียงอย่างเดียวเพื่อที่จะได้ไม่เอาเปรียบพรรคอื่นส่วนพลเอกประยุทธ์นั้นถ้าอยากจะเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไปก็ควรจะต้องลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสชโดยเร็วที่สุด เพื่อมาสังกัดพรรค อย่างชัดเจน หากจะเป็นนายกรัฐมนตรีอีก ก็จะได้เป็นนายกรัฐมนตรีคนใน มิใช่คนนอก จะเป็นวิธีการที่ดีที่สุดและจะเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

นักกิจกรรม ชี้ปชช.เหลือเพียงจับตา-รณรงค์เลือกตั้งให้เสรีและเป็นธรรม

น.ส.ณัฏฐา มหัทธา นักกิจกรรมกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง ได้โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กแฟนเพจ ระบุว่า พรฎ.เลือกตั้งประกาศแล้ววันนี้ตามนัด กกต.คงประกาศกำหนดวันเลือกตั้ง 24 มี.ค.ตามที่เคยกล่าวไว้ ซึ่งโบว์เชื่อว่าจะเป็นเช่นนั้นเพราะ กกต.คงไม่อยากจะบีบเวลาทำงานของตัวเองให้เหลือจำนวนวันจัดการเลือกตั้งต่ำสุด ด้วยการประกาศให้ 10 มี.ค.เป็นวันเลือกตั้ง (อันนี้ก็พอเข้าใจเพราะคนที่ยื้อพรฎ.มาถึงวันนี้คือรัฐบาล ไม่ใช่ กกต.) ส่วน 17 มี.ค.ก็ติดวันสอบของนักเรียน

สำหรับประชาชน การเลือกตั้ง 24 มีนาคมยังมีความเสี่ยงโมฆะอยู่ หาก กกต. ประกาศผลเลือกตั้งไม่ทันก่อน 9 พ.ค. อย่างไรก็ดี กกต.ได้ออกมารับประกันก่อนหน้านี้ว่าจะประกาศผลได้ทันภายใน 45 วัน ไม่ใช้เวลาเต็มกรอบ 60 วัน (เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงเลือกตั้งโมฆะหากถูกวินิจฉัยว่าขัดรธน.) ก็ถือว่าเป็นคำพูดที่ต้องให้น้ำหนัก เนื่องจาก กกต.ก็เป็นผู้รับความเสี่ยงถูกดำเนินคดีหากทำไม่ได้ ในอดีตก็เคยเห็น กกต. เดินเข้าคุกด้วยเหตุผลที่เบากว่านี้มาแล้ว

ประชาชนจึงไม่เหลือทางเลือกมากนักนอกจากใช้ความพยายามต่อไปในการจับตาการเลือกตั้ง และร่วมรณรงค์ให้การเลือกตั้งครั้งนี้เสรีเป็นธรรมได้มากที่สุดภายใต้เงื่อนไขที่เป็นอยู่