งานฉลองเคาต์ดาวน์ 2018 หนาวยะเยือก -11 C ที่เรดดิ้ง เพนซิลเวเนีย

เป็นธรรมเนียมที่ครอบครัวเราจะเป็นเจ้าภาพจัดงานเลี้ยงฉลองเคาต์ดาวน์รับปีใหม่ในคืนวันที่ 31 ธันวาคมของทุกปี

การจัดฉลองทุกปีจะเลือกจัดที่ Reading Country Club หรือ Sheraton Hotel หรือภัตตาคาร Viva อันใหญ่โตของเมือง Reading ทั้งงานเลี้ยงอาหาร และเต้นรำจัดอยู่ในที่เดียวกัน

มาปีนี้เกิดการเปลี่ยนแปลง Reading Country Club ปิดไปตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2017 Viva ที่เป็นผู้บริหาร Reading Country Club ก็ปิดตัวไปด้วย เหลือเพียงที่จอดรถอันกว้างขวางและตัวอาคารใหญ่โตที่ปิดร้าง เงียบสนิท

ส่วน Sheraton Hotel ที่เคยจัดงานปีใหม่ทุกปี มาปีนี้เกิดงดจัด

ทั้งสามแห่งที่เคยเป็นที่ฉลองปีใหม่ หายไปหมด

หันไปหันมาเจอ DoubleTree Hotel by Hilton โรงแรมเปิดใหม่ของเมือง Reading อยู่หน้าสนามฮอกกี้ Santander Arena ที่เสนอรายการอาหารพิเศษ และเสิร์ฟแชมเปญไม่อั้นในค่ำคืนแห่งการเคาต์ดาวน์

จึงนัดเจอกันตอนหกโมงครึ่งที่โรงแรมนี้

ก๊วนที่ร่วมกันฉลองปีใหม่ทุกปีประกอบด้วยลูกสาวและลูกเขย หลานสาวกับสามีอเมริกัน เพื่อนชาวโคลอมเบียนอเมริกันกับลูกสาวด๊อกเตอร์ทางภาษาสแปนิช แถมท้ายด้วยหมอสมเกียรติ หมอรีแฮบ โรงพยาบาลเรดดิ้ง ลูกศิษย์รุ่นแรกของคนข้างกายที่ ว.พ.ม. วิทยาลัยแพทยศาสตร์พระมงกุฎเกล้า

คนไทยรู้จักแต่ภาษาอังกฤษที่พูดไม่ค่อยได้ แต่ไม่รู้จักภาษาสแปนิชที่มีความสำคัญเป็นอันดับสองรองจากภาษาประจำชาติทั้งในอเมริกา อเมริกาใต้และยุโรป

ตอนเดินจากที่จอดรถไปยังลิฟต์เข้าโรงแรมนั้นหนาวสุดๆ อุณหภูมิ -11 ํC

ปีนี้อากาศหนาวในซีกโลกตะวันตกหนาวจัดมาก หลายเมืองในแคนาดาต้องงดจัดงานปีใหม่ เพราะหนาวเป็นน้ำแข็งจนคนออกมาเคาต์ดาวน์กันไม่ไหว

อาหารเริ่มต้นด้วยซุป ผมสั่ง Lobster Cappuccino เป็นเนื้อกุ้งใส่ในกาแฟ Cappuccino แปลกและอร่อยดีเหมือนกัน

ลูกสาวเป็นคนสั่ง Appetizers เธอเริ่มต้นด้วย Christy Zulkini บวบผัดสไตล์อิตาเลียน ตามด้วย Thick Becons 3 ชิ้นใหญ่อบจนเกรียม

แล้วเป็น Taco อาหารเม็กซิกันทำจากแป้งข้าวโพดห่อเนื้อไก่กับผักกาดแก้วซอย ใส่หอมใหญ่สับละเอียดและมะเขือเทศหั่นชิ้นเล็กๆ กินกับซอสอร่อยอิ่มท้อง

รายการสุดท้ายคือ Gnocchi มันฝรั่งอบใส่ชีสผสมกับ Pulled Pork หมูฉีก เหนียวอร่อยดี

ทั้งสี่อย่างนี้เอามาแบ่งกันกิน 9 คนกำลังพอดี

จากนั้นแต่ละคนจะได้รับสลัดจานใหญ่หนึ่งจาน

อาหารทั้งหมดนี้ก็แทบจะอิ่มท้องแล้ว

แต่เมนคอร์สยังตามมา ผมสั่ง Bouillabaisse สตูทะเลจานหรูของฝรั่งเศส ใส่เนื้อปลา หอยแมลงภู่อเมริกันตัวเล็ก และ Scallops ก้อนเล็กนิดเดียวจากเมืองจีน อร่อยพอกินได้

คนอื่นสั่งเป็นสเต๊ก Steak ชิ้นใหญ่สุกมากสุกน้อยตามรสนิยมของแต่ละคน ชิ้นใหญ่มากจนบางคนต้องห่อกลับบ้าน

ของลูกสาวเป็นปลา Salmon รมควันชิ้นใหญ่ เธอบอกว่าไม่อร่อย สู้ทำเองที่ร้านไม่ได้

แต่ทุกคนก็อิ่มอร่อยสุขสม

หนุ่มบริการเฝ้าถามถึงรสชาติอาหารและความพึงพอใจหลายครั้ง ขณะเดียวกัน ผู้จัดการห้องอาหารก็มาสอบถามความพึงพอใจสองสามครั้งเช่นกัน นับว่าเอาใจใส่ดูแลลูกค้าดีทีเดียว

ทั้งหมดนี้จ่ายไป $370 บวกทิปอีก $70 ไม่ถือว่ารุนแรงนักกับ 9 คน

แล้วเราย้ายไปสังสรรค์กันต่อที่บาร์ โชคดีที่ได้ที่นั่งโต๊ะใหญ่ริมทางเข้า หลานสาวและด๊อกเตอร์สแปนิชสั่งเหล้ากับ Babana เขาเอากล้วยหอมวางที่ปากแก้ว จุดไฟเผาก่อนจะเทเหล้าผสมผ่านกล้วยลงไป แก้วนี้แปลกดี เพิ่งเคยเห็น

ผมได้รับฉันทานุมัติให้งดดื่มแอลกอฮอล์ จึงเลือกดื่มชาอัสสัมจากกล่องชาที่นำมาให้เลือก ชาอัสสัมของอินเดียเป็นหนึ่งในชาที่ดีที่สุดในโลก

เราพากันดื่มและคุยกันสารพัดเรื่องด้วยความสุข

วงดนตรี 4 ชิ้นในบาร์จากนักดนตรีสีผิวแอฟริกันอเมริกันและหนึ่งผิวขาวอเมริกัน เปิดรายการด้วยเพลง The Wonder Of You ในสไตล์แจ๊ซอันโหยหวน เร่งเร้า ร้อนแรง กระตุ้นหัวใจยิ่งนัก

แล้วต่อด้วยเพลง San Francisco เพลงในยุคบุปผาชนที่ไม่ค่อยได้ยินกันบ่อยนัก

เพลง You Send Me ของ Sam Cooke นำเสนอในสไตล์แจ๊ซอันดุดัน เร่าร้อน ปลุกค่ำคืนให้ตื่นเร้าใจ

จากนั้นเป็นเพลง Fly Me To The Moon เพลงเอกปี 1954 ที่มาโด่งดังอีกครั้งในปี 1964 จากเสียงร้องของ แฟรงก์ สินาตรา เพลงนี้ถูกเปิดในปฏิบัติการอะพอลโล 10 ขณะโคจรรอบโลก และอะพอลโล 11 บัสซ์ อัลดริน นักบินอวกาศเปิดเพลงนี้ขณะเหยียบดวงจันทร์

รู้ประวัติของแต่ละเพลง ทำให้ฟังเพลงด้วยความรื่นรมย์ลึกซึ้งยิ่งขึ้น

วงดนตรียังบรรเลงเพลงแจ๊ซอีกหลายเพลง สร้างบรรยากาศแห่งค่ำคืนอันสนุกสนาน ผู้คนเข้ามาเนืองแน่นในบาร์ โต๊ะนั่งเต็มหมดต้องยืนออหน้าเวที

แชมเปญเริ่มนำมาเสิร์ฟอย่างไม่อั้นตามคำสัญญา

จอมอนิเตอร์ในบาร์เปิดให้ชมการถ่ายทอดสดงานฉลองปีใหม่ที่ไทม์สแควร์ นิวยอร์ก ที่นั่นอุณหภูมิ -9 ํC ขณะที่เรดดิ้ง -11 ํC ด้วยความหนาวในแสงจันทร์กระจ่าง

แล้วเวลาแห่งการรอคอยวันปีใหม่ก็มาถึง ผู้คนพากันส่งเสียงเคาต์ดาวน์

Five-Four-Three-Two-One – Happy New Year

ตามด้วยเสียงปรบมือโห่ร้องกึกก้องต้อนรับปีใหม่

วงดนตรีทำเพลง Auld Lang Syne เพลงอำลาอ่อนหวาน หลายคู่ออกมาเต้นรำ

แชมเปญหลายรอบยังตามเสิร์ฟไม่อั้น ยกมาวางเสิร์ฟให้ที่โต๊ะทั้งขวด โรงแรมนี้ใจถึงจริงๆ

แล้วดนตรีเปลี่ยนเป็นเพลง One In A Million ของ Ne-Yo หวานลึกซึ้งยิ่งนัก

ผมออกมาเต้นรำ โอบประคองคนในอ้อมกอดแนบแน่น เพื่อบอกว่า

“You”re one in a million—

You”re once in a lifetime”