คนโดนสิงห์ : ส่งไม้ต่อ

อีกไม่กี่สัปดาห์ 5 ลีกยักษ์ที่แฟนบอลทั่วโลกส่วนใหญ่สนใจเป็นพิเศษ “พรีเมียร์ลีก อังกฤษ, ลาลีก้า สเปน, กัลโช่เซเรียอา อิตาลี, บุนเดสลีก้า เยอรมนี” และ “ลีกเอิง ฝรั่งเศส” จะช้อยเก็บฉาก หลังโรมรันพันตูกันมาเฉียดแรมปี เช่นเดียวกับเกมสโมสรยุโรป “ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก” และ “ยูโรป้าลีก” เพื่อเปิดทางให้ศึกระดับชาติ “ฟุตบอลโลก 2018” รอบสุดท้ายกลางปีนี้ที่ประเทศรัสเซีย ซึ่งนานที 4 ปีมีหน

โดยมีรายการยิ่งใหญ่ระดับประเทศไม่แพ้กัน “ยูโร” รอบสุดท้าย คั่นกลางทุกๆ 2 ปี เรียกได้ว่า ถ้าเป็นแข้งหัวกะทิต้องไปรับใช้ชาติปีเว้นปีกันเลยทีเดียว

กลับมาที่ 5 ลีกใหญ่ ฤดูกาล 2017-2018

 

แน่นอนว่า กลางเดือนเมษายนคือการเทโค้งสุดท้าย ก่อนเข้าทางตรงมุ่งสู่เส้นชัยตาหมากรุก

เพียงแต่ปีนี้แทบจะได้ “ว่าที่” แชมป์หมดแล้ว แม้” “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้, “เจ้าบุญทุ่ม” บาร์เซโลนา, “เปแอสเช” ปารีส แซงต์แชร์แมง” และ” “เสือใต้” บาเยิร์น มิวนิก” จะโกยแต้มลีกตัวเองเป็นว่าเล่น

สุดท้ายเป็นบาเยิร์นซึ่งเปลี่ยนคนคัดท้ายกลางคัน จากโค้ชเป็นกันเอง “คาร์โล อันเชล็อตติ” มาเป็นกุนซือที่เหล่าดาราเสือใต้เกรงใจมากกว่ากับ “จุ๊ปป์ ไฮน์เกส” ที่วางมือไปหลายปี กลับเป็นทีมคว้าแชมป์ลีกได้ก่อนเพื่อน ตามติดด้วยปารีส หลังเสียฟอร์มปล่อยให้ “อาแอส โมนาโก” ฉลองแชมป์ลีกเมืองน้ำหอมต่อหน้าต่อตาซีซั่นก่อน

คิวต่อมาเป็นแชมป์ลีกผู้ดีครั้งแรกของ “เป๊ป กวาร์ดิโอล่า” กับ แมนฯ ซิตี้ ที่น่าจะได้ลูบคลำถ้วยแชมป์ก่อนบาเยิร์นด้วยซ้ำ แต่เข้ากระบวนท่าวรยุทธ์ผิดจังหวะ จนลมปราณแตกซ่านเล็กน้อย ทั้งที่ควรเฮฮาแชมป์ครั้งประวัติศาสตร์ในเกมดาร์บี้แมตช์ เหนือคู่แค้นร่วมเมือง” “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด” ที่มาเยือน

กลายเป็นโดนเย้ยเสียเอง ชะลองานฉลองออกไป โดยลูกน้องเป๊ปต้องการชัยชนะเพิ่มจากเดิมอีก 2 นัด ในกรณีไม่ต้องเงี่ยหูฟังผลรองฝูงแมนฯ ยูไนเต็ด ก่อนทีมฟื้นทันเวลาเกมถัดมา บุกหักคอ” “ไก่เดือยทอง” ท็อตแนม ฮอตสเปอร์” คาเล้า 3-1 แก้ตัวขึ้นแท่นจ่อแชมป์อีกรอบ และไม่ต้องรอถึงแมตช์หน้า เพราะกุนซือปากดี “โจเซ่ มูรินโญ่” ซึ่งกระตุ้นนักเตะผีแดงตอนพักครึ่งไม่ให้เป็น” “ตัวตลก”” ที่เอติฮัด สเตเดี้ยม ทำให้เด็กฮึดสู้แซงชนะเรือใบ 3-2

ดัน” “บ๊วย”” ติดคอคาบ้าน พ่ายทีมอันดับสุดท้าย “เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน” 0-1 ยื่นแชมป์พรีเมียร์ลีกให้แมนฯ ซิตี้ เสร็จสรรพ เอาเป็นว่า โลกใบนี้ยังไม่ทารุณโค้ช 21 แชมป์กับบาร์เซโลนา และบาเยิร์น อย่างเป๊ปมากนัก ลำพังแค่การตกรอบ 8 ทีมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ด้วยน้ำมือทีมลีกเดียวกัน” “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล” และการตัดสินที่ผิดพลาดของกรรมการก็ชีช้ำพอดูแล้ว

มิเช่นนั้นคงเละตุ้มเป๊ะกว่าปารีส ซึ่งอุตส่าห์ทุ่มสถิติโลกซื้อ “เนย์มาร์” เข้ามาคว้าเพียงแชมป์ลีกเอิง และจอดรอบน็อกเอาต์แชมเปี้ยนส์ลีกแค่รอบแรก พร้อมการเดี้ยงยันจบฤดูกาลของสตาร์ชาวบราซิล

 

ไม่ต่างจากบาร์เซโลนาที่ทั้งเสียหน้าและบอบช้ำจากสังเวียนยุโรปมากกว่า ต่อให้การกลับมาครองแชมป์ลีกแดนกระทิงซีซั่นนี้ จะเป็นเรื่องอัศจรรย์ไม่แพ้ใครหนแรกในรอบใกล้หลัก 90 ปีลูกหนังสเปนแค่ไหน มันคงไม่พอกับการตกรอบก่อนรองชนะเลิศแชมเปี้ยนส์ลีก ชนิดแฟนบอลและผู้เกี่ยวข้องกับสโมสร “”บาร์ซา”” ทุกคนจำไปจนวันตาย

หลังบุกแพ้” “หมาป่า” อาแอส โรมา” ในเกมนัด 2 ดื้อๆ 0-3 เป็นฝ่ายตกรอบด้วยกฎประตูทีมเยือน

ทั้งที่เกมแรกใสปิ๊งถล่มทีมจากอิตาลีในคัมป์นูมาก่อนถึง 4-1

 

ทิ้งท้ายศึกกัลโช่ซึ่งทำท่าแปลกตากว่าปลายปีหลัง

เมื่อเจ้าของบัลลังก์ตัวจริง” “ม้าลาย” ยูเวนตุส” แชมป์สูงสุด 33 สมัย ปล่อยให้ทีม” “งูใหญ่” อินเตอร์ มิลาน” และ” “อัซซูรี่” นาโปลี” คิดไปไกลถึงไหนต่อไหนกับการยึดฝูง โดยเฉพาะทีมดังจากเนเปิลส์ที่ได้สคูเด็ตโต้ ล่าสุดในยุค” “เสือเตี้ย” ดีเอโก้ มาราโดนา” ยังซาบซ่าในสนามปี 1990

ทว่า พวกเขากำลังทำให้ฝันนาโปลีต้องค้างเติ่ง ทวงตำแหน่งผู้นำตารางคะแนน และเริ่มหนีห่างมากขึ้น 4 แต้ม ใกล้แชมป์ลีก 7 ปีซ้อนเข้าไปทุกขณะ จะมีที่น่าเสียดายก็แค่การผิดหวังในแชมเปี้ยนส์ลีกซ้ำแล้วซ้ำเล่า เนื่องจากตั้งแต่เป็นเจ้ายุโรปสมัย 2 กลางทศวรรษ 90 ก็ไม่เคยสัมผัสบรรยากาศแบบนั้นอีกเลย แม้จะผ่านเข้าชิงอีก 5 ครั้ง ปีนี้เพิ่งพลาดเข้าตัดเชือก เพราะ” “ราชันชุดขาว” รีล มาดริด” คู่ชิงฤดูกาลก่อนมาหมาดๆ

ส่วน 2 ถ้วยยุโรปได้ 4 ทีมรอบตัดเชือก ยูโรป้าลีก “อาร์เซนอล” (อังกฤษ) พบ “แอตเลติโก้ มาดริด” (สเปน) / “โอลิมปิก มาร์เซย” (ฝรั่งเศส) พบ “เรด บูล ซัลซ์บวร์ก” (ออสเตรีย) และยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก “บาเยิร์น มิวนิก” (เยอรมนี) พบ “รีล มาดริด” (สเปน) / “ลิเวอร์พูล” (อังกฤษ) พบ “อาแอส โรมา” (อิตาลี)

ก่อนทั้งหมดเตรียมส่งไม้ต่อให้บอลโลกกลางปีนี้