พิศณุ นิลกลัด : อาชีพในฝัน ของนักฟุตบอลอาชีพปลดระวาง

พิศณุ นิลกลัด

ความใฝ่ฝันของนักฟุตบอลพรีเมียร์ ลีก หลังเลิกเล่น คือการได้เป็นผู้จัดการทีมฟุตบอล หรือเป็นผู้วิเคราะห์ฟุตบอลทางโทรทัศน์

เพราะเป็นสองอาชีพที่ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองถนัด และไม่หายหน้าหายตาไปจากวงการฟุตบอล

อดีตนักฟุตบอลพรีเมียร์ ลีก วัย 40 กว่าๆ ที่สามารถผันตัวมาเป็นผู้จัดการทีมฟุตบอลชาติ และคุมทีมเข้าแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย ปี 2018 ที่รัสเซียได้สำเร็จหมาดๆ คือ แกเร็ธ เซาธ์เกต วัย 47 ปี ผู้จัดการทีมชาติอังกฤษคนปัจจุบัน อดีตผู้เล่นทีมมิดเดิลส์เบรอ, แอสตัน วิลล่า และคริสตัล พาเลซ

อีกคนคือ โรแบร์โต้ มาร์ติเนซ ผู้จัดการทีมชาวสเปน วัย 44 ปี ของทีมชาติเบลเยียมที่เป็นทีมยุโรปทีมแรกที่แสดงผลงานได้ดีเยี่ยม คว้าสิทธิ์ไปแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย ปี 2018 โดยเริ่มเป็นผู้จัดการทีมชาติเบลเยียมเมื่อเดือนสิงหาคม ปี 2016 หลังจากทำหน้าที่ผู้จัดการทีมเอฟเวอร์ตัน ในปี 2013-2016

 

มาร์ติเนซเคยเป็นนักเตะของทีมสวอนซี ซิตี้ ที่หลังจากรีไทร์จากการเป็นนักฟุตบอลอาชีพ ก็ได้เป็นผู้จัดการทีมสวอนซี ซิตี้ ทันที

นอกจากนี้ ในช่วงการแข่งขันฟุตบอลยูโร 2016 ฝรั่งเศส โรแบร์โต้ มาร์ติเนซ ได้รับเชิญให้เป็นผู้บรรยายและผู้วิเคราะห์การแข่งขันทางช่อง ESPN ซึ่งมีอดีตนักฟุตบอลไม่กี่คนที่มีความสามารถรอบด้านแบบนี้

สมัยที่ โรแบร์โต้ มาร์ติเนซ เป็นผู้จัดการทีมเอฟเวอร์ตัน สื่อมวลชนของอังกฤษชื่นชมอยู่เสมอว่าเป็นหนึ่งในผู้จัดการทีมพรีเมียร์ ลีก ที่มีอัธยาศัยดี เป็นมิตร ไม่โมโหฉุนเฉียวง่ายเหมือนผู้จัดการทีมฟุตบอลหลายคน

มาร์ติเนซบอกว่า หนึ่งในเคล็ดลับการเป็นผู้จัดการทีมฟุตบอลที่ประสบความสำเร็จคือ การดูแลรักษาสุขภาพให้ฟิต กินอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายเช่นเดียวกับนักฟุตบอล

 

สําหรับในวันแข่งขันนั้น มาร์ติเนซมีเคล็ดคลับไม่เหมือนใคร

นั่นคือ ไม่ทานอาหารก่อนทีมลงแข่งขัน

เขาให้เหตุผลว่าต้องการให้การใช้พลังงานไปอยู่ที่สมอง ไม่ใช่ไปอยู่ที่ท้องเพื่อย่อยอาหารที่เพิ่งทาน

สำหรับเขา การไม่ทานอาหารก่อนทีมลงแข่งขันนั้น ช่วยให้สมองเขาเฉียบคม

แต่มาร์ติเนซบอกว่า ร่างกายของมนุษย์แต่ละคนแตกต่างกันออกไป สิ่งที่เหมาะกับเขา อาจจะไม่เหมาะกับคนอื่น

 

โรแบร์โต้ มาร์ติเนซ แต่งงานกับเบธ สาวชาวสก๊อต เมื่อปี 2009 มีลูกสาวด้วยกันหนึ่งคน ซึ่งการเป็นผู้จัดการทีมฟุตบอลนั้นเป็นงานที่หนักมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้จัดการทีมพรีเมียร์ ลีก ที่ต้องคิดวางแผนอยู่ตลอดเวลา ไม่มีเวลาเลิกงานแม้จะกลับมาบ้าน ซึ่งเขาเผยเคล็ดลับสมัยเป็นผู้จัดการทีมเอฟเวอร์ตันว่า ทำอย่างไรถึงจะเป็นผู้จัดการที่ดีและเป็นสามีที่เยี่ยมไปพร้อมๆ กัน ว่าใช้เวลาดูโทรทัศน์ร่วมกัน แม้จะดูกันคนละช่อง

ฟังดูแล้วอาจจะงง ว่าการดูโทรทัศน์ด้วยกัน แต่ดูกันคนละช่องนี่เป็นยังไง

มาร์ติเนซอธิบายว่า ที่ห้องรับแขกในบ้าน มีโซฟารูปตัว L ตัวเขาและภรรยามีที่นั่งประจำกันคนละฝั่ง

ฝั่งที่ภรรยาและตัวเขานั่งประจำ มีโทรทัศน์จอยักษ์ตั้งประจันหน้าอยู่คนละเครื่อง

ตัวมาร์ติเนซจะดูฟุตบอลโดยใส่หูฟัง ได้ยินคนเดียว

ส่วนเบธ ภรรยาจะดูรายการโปรดของเธอและเปิดเสียงปกติ ไม่ได้ใส่หูฟัง

มาร์ติเนซบอกว่าการใช้เวลาในห้องรับแขกร่วมกันที่บ้านเป็นสิ่งสำคัญมากในการรักษาชีวิตแต่งงานให้มั่นคง แม้จะดูโทรทัศน์คนละเครื่องก็ตาม

 

การนอกจากนี้ การนอนหลับเป็นสิ่งที่ โรแบร์โต้ มาร์ติเนซ ให้ความสำคัญมาก โดยต้องนอนให้ได้อย่างน้อยวันละ 7 ชั่วโมงครึ่งถึง 8 ชั่วโมง เพื่อตื่นขึ้นมาจะได้ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

สมัยที่เขาเป็นผู้จัดการทีมเอฟเวอร์ตัน เขากำชับนักเตะในทีมทุกคนเลยว่า นักเตะทุกคนต้องนอนให้ได้อย่างน้อยวันละ 8 ชั่วโมง หากจับได้ว่านักเตะคนไหนนอนน้อยกว่า 8 ชั่วโมง จะถูกปรับเงิน

เขามีวิธีการติดตามว่า นักเตะเอฟเวอร์ตันนอนหลับวันละไม่น้อยกว่า 8 ชั่วโมง โดยติดตามข่าวการใช้ชีวิตของนักเตะนอกสนาม หากมีข่าวยืนยันว่านักเตะเอฟเวอร์ตันเข้าไนต์คลับ ปาร์ตี้จนถึงตี 3 และวันรุ่งขึ้นมีนัดซ้อมตอน 10 โมงเช้า อย่างนี้ก็แน่นอนเลยว่า นักเตะคนนั้นนอนไม่ถึง 8 ชั่วโมง

มาร์ติเนซบอกว่าการเป็นนักฟุตบอลอาชีพ การนอนหลับให้ได้อย่างน้อยวันละ 8 ชั่วโมง เป็นหน้าที่ที่ต้องทำให้ได้

 

ถาม โรแบร์โต้ มาร์ติเนซ ว่าการเป็นผู้จัดการฟุตบอลทีมสโมสร ต่างจากผู้จัดการฟุตบอลทีมชาติอย่างไร

เขาตอบว่า สมัยเป็นผู้จัดการทีมฟุตบอลสโมสร เขาเห็นว่าการที่นักฟุตบอลในทีมไปเล่นทีมชาติเป็นเรื่องขัดขวางฤดูกาลแข่งขันฟุตบอลสโมสร

แต่เมื่อได้เป็นผู้จัดการทีมชาติ เขาถึงได้ทราบว่านักฟุตบอลในทีมให้ความสำคัญกับการแข่งขันระดับทีมชาติมาก เช่นเดียวกับชาวเบลเยียมทั้งประเทศ 11 ล้านคนที่ทุ่มเทกับการเชียร์ทีมชาติ ซึ่งทำให้เขามีความกดดันสูงมากกว่าการเป็นผู้จัดการทีมฟุตบอลสโมสร

นอกจากนี้ ฟุตบอลทีมชาติไม่ได้แข่งขันทุกสัปดาห์ เวลาทีมชาติเบลเยียมเล่นไม่ดี มาร์ติเนซบอกว่า ใช้เวลาหลายสัปดาห์กว่าจะทำใจได้

ต่างจากการฟุตบอลทีมสโมสร ที่มีแข่งขันทุกสัปดาห์ จึงไม่มีเวลามานั่งกลุ้มอกกลุ้มใจนาน

ผลงานที่ดีสุดของทีมชาติเบลเยียมในฟุตบอลโลก คือ เข้ารอบเซมิไฟนอล ฟุตบอลโลกปี 1986 ที่เม็กซิโก

แต่สำหรับฟุตบอลโลก ปี 2018 ที่รัสเซีย ทีมชาติเบลเยียมเป็นหนึ่งในทีมเต็งที่จะคว้าแชมป์ เพราะนอกจากจะมีนักฟุตบอลฝีเท้าเยียมที่แฟนพรีเมียร์ ลีก ชาวไทยรู้จักดี อย่าง โรเมลู ลูกากู, เอแด็น อาซาร์, มารูยาน เฟลไลนี่, เกฟิน เดอบรอยเนอ รวมถึงยอดผู้รักษาประตู ธิโบต์ คูร์ตัวส์ ยังมี โรแบร์โต้ มาร์ติเนซ เป็นผู้จัดการทีม และ เธียร์รี่ อองรี ยอดนักเตะตลอดกาลของทีมอาร์เซนอล เป็นผู้ช่วยผู้จัดการทีม

โรแบร์โต้ มาร์ติเนซ บอกว่า สิ่งสำคัญมากที่จะช่วยให้ทีมชาติเบลเยียมได้แชมป์ฟุตบอลโลกปี 2018 คือ การมีจิตใจของผู้มีชัยชนะ รู้จักหาวิธีคว้าชัยในยามที่เผชิญอุปสรรค