คนโดนสิงห์ : ไม่เหมือนเดิม

คอลัมน์ Technical Time-Out

แม้การแข็งข้อจนได้ย้ายทีมของ “เนย์มาร์” และการแข็งข้อจนเกือบได้ย้ายของ “ฟิลิปเป้ คูตินโญ่” จะไม่ใช่เคสแรก รวมทั้งเอาหัวเป็นประกันได้เลยว่าจะไม่ใช่เคสสุดท้ายในวงการลูกหนัง

แต่ที่ต้องพูดถึงก็เพราะเป็นเคสใหญ่เคสดัง และเพิ่งเกิดขึ้น แถมเสียงวิพากษ์วิจารณ์ยังแตกเป็น 2 ฝั่งตามภูมิปัญญา และประสบการณ์ชีวิตของแต่ละคน

บ้างก็เป็น “เอฟซีฝ่ายนักเตะ” เห็นใจไปหมดทุกเรื่อง ต่อให้เป็นการฉีกสัญญาที่ตัวเองเซ็นมากับมือ เพียงเหตุผลง่ายๆ แต่ไร้ความรับผิดชอบสิ้นดีว่า “ใจสั่งมา”!

บ้างก็เข้าข้าง “สโมสร” คล้ายทั้งชีวิตเดินหน้าตรงเป็นอย่างเดียว ไม่เคยวอกแวกเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวา เห็นส่วนรวมก่อนประโยชน์ส่วนตน หากไร้ “ขื่อแป” ทุกคนจะอยู่กันยังไง

จึงไม่ใช่เรื่องน่าตกใจอะไรที่เนย์มาร์จะยกอีกหนึ่งประโยคอมตะ “ความท้าทายครั้งใหม่” เป็นข้ออ้างย้ายจากการเป็น “หางสิงห์บาร์ซ่า” ไปเป็น “หัวหมาที่ปารีส” เอาดื้อๆ

ทั้งที่พูดได้เต็มปากเต็มคำว่า บาร์เซโลน่ามีบุญคุณให้โอกาสเจ้าตัวดังพลุแตก

แต่แฟนคลับแข้งบราซิลรายนี้คงเถียงแทนว่า ขวัญใจของพวกเขาได้ตอบแทนบาร์ซ่าด้วย 8 แชมป์กลับไปแล้ว

และอย่าลืมว่าต่อให้บาร์ซ่าจะไม่มาสู่ขอถึงซานโตสเมื่อ 4 ปีก่อน ก็ยังเหลือรีล มาดริด ซึ่งมีหน้ามีตาในสังคมไม่แพ้กันยืนอ่อยถือผ้าเช็ดหน้ารออยู่ทั้งคน

สรุปได้ว่าบาร์ซ่าก็ได้แชมป์ เนย์มาร์ก็มีชื่อเสียง “วิน-วิน” ทั้งคู่ แน่นอนว่าถ้าจะพูดแบบนี้ พูดกี่ทีก็ถูกไปหมด ไม่ต่างจากปัญหาโลกแตก “ไก่กับไข่อะไรเกิดก่อนกัน?”

 

ทว่า มองในมุมความจริง โอกาสที่พวกซูเปอร์สตาร์ล้นทีมอย่างบาร์เซโลน่าจะโกยแชมป์ด้วยลีลา “ลิโอเนล เมสซี่” ตลอด 4 ปีที่ผ่านมาโดยไม่ต้องพึ่งเงาเนย์มาร์ ย่อมมีมากกว่าดาวรุ่งที่ไม่ยอมคน และมีนิสัยชอบคิดการใหญ่อยู่ลึกๆ แบบเนย์มาร์จะแจ้งเกิดในทีม “ราชันชุดขาว” ที่แวดล้อมไปด้วยนักเตะอีโก้จัด

เคสเนย์มาร์ยังชัดขนาดนี้ กรณี “คูตี้” แทบไม่ต้องพูดถึง เพราะ “ลิเวอร์พูล” เป็นคนไปเอามาปั้นจาก “อินเตอร์ มิลาน” ตั้งแต่ปี 2013 จนเป็นตัวเป็นตนยันทุกวันนี้

ด้วยบุคลิกเรียบง่าย ติดดิน ไม่ฟุ้งเฟ้อเหมือนเนย์มาร์เพื่อนร่วมชาติคนสนิท หลายคนไม่คิดว่าคูตินโญ่จะมีลูกงอแงอยากวิ่งใส่บาร์ซ่าไม่ลืมหูลืมตา โดยเฉพาะบรรดา “เดอะ ค็อป” ที่เพิ่งมีประสบการณ์ยืนมอง หลุยส์ ซัวเรซ เก็บกระเป๋าไปบาร์ซ่าตาปริบๆ ไม่กี่ปีก่อน

ส่วนทีม “หงส์แดง” คงไม่อินโนเซนต์ไม่ระวังตัวล่วงหน้าว่าอาจโดนกรรมตามสนองที่เคยไปตีท้ายครัวเซาแธมป์ตันว่า บาร์เซโลน่าจะกล้าๆ กลับมาพรากของรักของหวงไปอีก เพราะตลอดปีสองปี เนย์มาร์และบาร์ซ่าคอยกวักมือเรียกคูตินโญ่เป็นระยะ โดยไม่สนว่าลิเวอร์พูลจะยืนหัวโด่อยู่ทนโท่

เพียงแต่ไม่นึกว่า คนที่เงียบๆ อะไรก็ได้อย่างคูตี้จะทิ้งบอมบ์ขอขึ้นบัญชีย้ายทีมไม่กี่ชั่วโมงให้หลัง ที่ลิเวอร์พูลแถลงการณ์ไม่ขายคูตินโญ่ในตลาดนักเตะรอบแรกทุกกรณี

และ “ท้าชน” ต้นสังกัดด้วยการให้คนในครอบครัวให้ข่าวกับสื่อว่า ต้องการจบสถานการณ์นี้แบบเป็นมิตรที่สุดแล้ว แต่ลิเวอร์พูลเป็นฝ่ายไม่ยอมเอง ทั้งที่ตัวคูตี้รักสโมสรและแฟนบอลทีมนี้เป็นอย่างยิ่ง เหมือนตอนที่ซัวเรซ และ สตีเฟ่น เจอร์ราร์ด อยากย้ายแต่ไม่ได้ย้ายไม่มีผิด

แถมยังฟ้องคนทั้งโลกด้วยการวิ่งร้องไห้ฟูมฟาย หลังยิงประตูให้บราซิลในเกมฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก ราวกับว่าทีมหงส์แดงใจยักษ์ใจมารกีดกันไม่ให้ไปหาคู่แท้ที่บาร์เซโลน่า

เท่านั้นไม่พอ ทีมดังฝั่งสเปนยังรับลูกงัดลูกไม้นอกสนามหลังปิดตลาดซื้อขายว่า

สาเหตุที่ต้องล้มเลิกความคิดซื้อคูตินโญ่ ก็เพราะลิเวอร์พูลที่บอกว่าจะไม่พิจารณาข้อเสนอขอซื้อคูตี้จากทีมอื่น ไม่ว่าจะยื่นราคามาเท่าไหร่ กลับคำพูดเรียกค่าตัวคูตินโญ่จากบาร์ซ่าถึง “200 ล้านยูโร” ซึ่งเป็นราคาที่เกินความเป็นจริง และใกล้เคียงกับค่าตัวสถิติโลกที่พวกเขาเพิ่งได้มาจากการขายเนย์มาร์ให้ปารีส แซงต์แชร์แมง ด้วยค่าฉีกสัญญา “222 ล้านยูโร” ก่อนมีข่าวสวนมาจากทีมหงส์แดงว่า สิ่งที่ อัลเบิร์ต โซเลร์ ผู้อำนวยการบาร์เซโลน่ากล่าวหานั้นไม่เป็นความจริง

บางทีคูตี้คงหลงลืมสัจธรรมสุดเด็ดที่ว่า “ไม่มีอะไรแน่นอนบนโลกใบนี้” จนทำให้การย้ายไปทีมในฝันของเขาต้องล่มไปต่อหน้าต่อตา ทั้งที่เคสเนย์มาร์เพิ่งทำสำเร็จมาหยกๆ ทว่าสิ่งสำคัญเหนืออื่นใด คือการที่เจ้าตัวต้องกลับมาเล่นให้ลิเวอร์พูลอีกครั้งตามสัญญาที่เหลืออยู่

แต่ทุกสายตาที่แอนฟิลด์จะไม่มีวันมองเขาเป็น “คูตินโญ่คนเดิม” อย่างแน่นอน