ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 1 - 7 กันยายน 2560 |
---|---|
เผยแพร่ |
คอลัมน์เขย่าสนาม
กีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 29 ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ปิดฉากลงไปแล้ว มีเหตุการณ์สำคัญๆ เกิดขึ้นมากมาย
แต่ประเด็นที่มีการพูดถึงกันมากคงหนีไม่พ้น คือ ความโปร่งใสของเจ้าภาพที่ทำให้เอาหลายๆ ชาติไม่แฮปปี้กับการแข่งขันครั้งนี้นัก
ก่อนการแข่งขันมาเลเซียประกาศไว้ว่าจะจัดซีเกมส์ที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์
และมีการเตรียมการอย่างดีมาหลายปี มีการปรับปรุงสนามและสร้างสปอร์ต ซิตี้ที่ลงทุนไปมหาศาล
ขณะที่การรักษาความปลอดภัยนั้นก็วางมาตรการไว้แน่นหนา เนื่องจากกลัวเรื่องการก่อการร้ายที่มีขึ้นในการแข่งขันกีฬาสำคัญๆ ทั่วโลกมาก่อนหน้านี้
ซีเกมส์ ครั้งที่ 28 ที่สิงคโปร์ เมื่อ 2 ปีที่แล้ว ถือว่าสร้างมาตรฐานไว้อย่างสูงลิ่ว
มีการสร้างสนามกีฬาแห่งชาติแห่งใหม่ หรือ “สปอร์ตฮับ” ที่อลังการงานสร้าง รองรับการแข่งขันกีฬาระดับโลกได้อย่างสบายๆ
ชนิดกีฬาที่สิงคโปร์บรรจุเพียง 36 ชนิดกีฬา เป็นกีฬาที่แข่งขันในโอลิมปิกเกมส์และกีฬาสากลเป็นส่วนใหญ่
การจับผิดเรื่องกรรมการ การตัดสิน และความได้เปรียบของเจ้าภาพอาจจะเป็นประเด็นที่มีการพูดถึงอยู่บ้าง แต่เมื่อมหกรรมการแข่งขันสิ้นสุดลง เรื่องพวกนี้ไม่ได้ถูกยกขึ้นมาเป็นประเด็นแต่อย่างใด
เมื่อมองดูมาตรฐานของสิงคโปร์แล้วเป็นเรื่องยากมากที่ชาติไหนในอาเซียนจะจัดการแข่งขันได้ดีขนาดนั้นอีก
แน่นอนว่ากัวลาลัมเปอร์เกมส์ครั้งนี้ก็เทียบไม่ได้ โดยเฉพาะความโปร่งใสที่เจ้าภาพไม่สามารถทำให้เพื่อนบ้านอาเซียนมั่นใจได้ เพราะเป้าหมายที่มาเลเซียประกาศไว้ก่อนหน้านี้ คือ เจ้าเหรียญทองสถานเดียว
ก่อนการแข่งขัน คีย์แมนวงการกีฬาไทยแสดงความห่วงใยเรื่องการตัดสินอย่างมาก
“บิ๊กจา” *พล.ต.จารึก อารีราชการัณย์* เลขาธิการคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ และผู้คร่ำหวอดในวงการกีฬาโลกมาอย่างยาวนานเตือนนักกีฬาไทยว่า การเจอกับเจ้าภาพต้องชนะอย่างเด็ดขาดเท่านั้นถึงจะการันตีชัยชนะได้ ถ้ามวยก็ต้องน็อกสถานเดียว
ไทยเป็นคู่แข่งหมายเลขหนึ่งของมาเลเซีย เพราะเราเป็นมหาอำนาจกีฬาอาเซียน
ดังนั้น ถ้าอยากจะเป็นเจ้าเหรียญทอง ภารกิจแรกที่ต้องทำ คือ ตัดโอกาสการหยิบเหรียญทองของไทย ซึ่งก็เกิดขึ้นในหลายชนิดกีฬา ยกน้ำหนักหญิงที่ไทยมีนักกีฬาระดับโลก มาเลเซียไม่จัด
จักรยานรายการที่ไทยเป็นแชมป์เก่า มาเลเซียก็ไม่จัด เทนนิสประเภททีมที่ไทยทำได้ดีมาตลอด มาเลเซียตัดทิ้ง
มวยสากลสมัครเล่นจากเดิมที่มี ชาย 7 รุ่น หญิง 4 รุ่น ก็จัดเพียงชาย 6 รุ่น เนื่องจากประเทศเจ้าภาพไม่มีนักกีฬาหญิง
อย่างไรก็ตาม เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องปกติที่เจ้าภาพมักจะทำกัน
มองย้อนไปไทย ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย เวียดนาม ที่เป็นเจ้าภาพและกวาดเหรียญทองชนะคู่แข่งแบบขาดลอยก็ผ่านจุดนี้กันมาแล้วทั้งนั้น
เพราะเมื่อเสียเงินมหาศาลแล้ว การเป็นเจ้าภาพที่ดีเป็นเพียงน้ำจิ้ม แต่เจ้าเหรียญทองเป็นอาหารจานหลัก และไม่ใช่แค่ในซีเกมส์ แม้แต่เอเชี่ยนเกมส์ก็เกิดขึ้นอยู่บ่อยๆ
หลายชาติบ่นอุบถึงการจัดการของเจ้าภาพ แฟนบอลพม่าจำนวนมากต้องลุ้นทีมรักอยู่นอกสนาม ในแมตช์พบลาว เพราะเจ้าภาพแจ้งว่าตั๋วของฝั่งพม่าขายหมดแล้ว แต่ในสนามที่มีความจุ 6,000 คน มีที่นั่งว่างอีกจำนวนมาก ทำเอาแฟนบอลต้องเกาะกรงรั้วดูจากข้างนอก จนเพจแฟนบอลทีมชาติพม่า Myanmar Football 12th Players ต้องโพสต์ในเฟซบุ๊กถึงสหพันธ์ฟุตบอลมาเลเซียให้มาจัดการเรื่องนี้โดยด่วน
ในส่วนของการเดินทาง นักกีฬาทุกชาติเจอปัญหารถไม่มา รถไม่มี จนได้รับผลกระทบในการแข่งขันและพักผ่อน
ฟุตซอลทั้งชายและหญิงไทยไม่มีรถไปสนาม ต้องนั่งแท็กซี่กันไปเอง
ทีมวอลเลย์บอลหญิงไทยต้องนั่งรอรถบัสเกือบ 3 ชั่วโมง หลังจากเดินทางถึงกัวลาลัมเปอร์ แต่รถบัสที่จะมารับเลต จนทำให้ “กิ๊ฟ” *วิลาวัณย์ อภิญญาพงษ์* และ “หน่อง” *ปลื้มจิตร์ ถินขาว* ต้องโพสต์ภาพให้เห็นกันเลยทีเดียว
ก่อนหน้านั้นเจ้าภาพจัดหารถให้ทีมตบสาวไทยเพื่อไปเชียร์ทีมชายแข่ง แต่กลับไม่มีคนขับ ท้ายที่สุดก็ต้องเชียร์จากโทรทัศน์
“นั่งรอรถไปเชียร์ทีมชาย สรุปไม่มีรถจ้า อดไป คงได้แต่นั่งทางในเชียร์กันเอา ชีวิตแสนลุ้นกับซีเกมส์ครั้งที่ 29 ลุ้นทุกวันว่าจะมีอะไรเซอร์ไพร้อีก #วันแข่งขอรถเถอะนะพี่อยากแข่ง” วิลาวัณย์โพสต์แจ้งข่าวแฟนคลับแบบนี้
เรื่องนอกสนามผ่านไปแล้ว เรื่องในสนามถือว่าโกลาหลไม่น้อย จนเกิดแฮชแท็กในสังคมออนไลน์ว่า *#ซีโกง2017*
ฟุตบอลหญิงไทยที่ลุ้นเหรียญทองกับเวียดนาม ตามหลักสากลแล้ว การแข่งขันนัดสุดท้ายของทุกทีม ต้องแข่งพร้อมกัน เพื่อไม่ให้มีข้อได้เปรียบ-เสียเปรียบ
แต่เจ้าภาพจัดให้ไทยแข่งกับฟิลิปปินส์ ในช่วง 16.00 น. และเวียดนามเตะกับมาเลเซีย 20.45 น. ซึ่งไทยแข่งจบแล้ว เวียดนามที่แต้มเท่ากับไทยเตะทีหลัง สามารถลุ้นยิงประตูให้ชนะเยอะกว่า และคว้าเหรียญทองไปได้ในที่สุด
ถึงแม้ว่าสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ จะทำหนังสือท้วงติงไปแล้วถึง 2 ฉบับ แต่ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ทำเอา “บิ๊กอ๊อด” *พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง** นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ถึงขั้นปรี๊ดแตกเลยทีเดียว
“จุดนี้ผมไม่ทราบว่าเจ้าภาพมุ่งหวังชัยชนะหรือเหรียญทองจนลืมถึงเกียรติยศและศักดิ์ศรีของการเป็นชาติเจ้าภาพที่ดี จริงๆ แล้วถ้าผมไม่คำนึงถึงสปิริต หรือจะนำมาซึ่งความเสื่อมเสียของประเทศไทย ผมอยากให้เราถอนตัวจากการแข่งขันจะได้สมใจเจ้าภาพที่กำลังจะเป็นเจ้าเหรียญทองที่น่าภาคภูมิ เพราะการแข่งขันที่มีเกียรติต้องคำนึงถึงทุกทีมที่เข้าร่วมการแข่งขัน และยอมรับฟังกันด้วยเหตุและผล” บิ๊กอ๊อดกล่าว
แม้แต่การมอบเหรียญทองให้นักยิมนาสติกเจ้าภาพ ตัน ฟู เจี่ย และ เจเรเมีย ลู ที่มีคะแนนเท่ากันทั้งคู่ในรายการม้าหู หมายถึงว่ามาเลเซียจะได้เหรียญทอง 2 เหรียญในรายการเดียวกัน ซึ่งไม่มีใครเคยทำกัน แต่มาเลเซียก็ทำมาแล้ว
*นาวาตรีศรายุทธ พัฒนศักดิ์* นายกสมาคมยิมนาสติก กล่าวว่า ทีมยิมนาสติกไทยในกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 29 ที่มาเลเซีย มีปัญหากับการตัดสินมาก ไม่ใช่ว่าตัดสินดีหรือไม่ดี กล่าวคือ เราไม่รู้เลยว่าผลการแข่งขันเป็นอย่างไร เนื่องจากเจ้าภาพไม่จัดสกอร์บอร์ดใดๆ ให้นักกีฬา และผู้ฝึกสอนได้เห็นเลยหลังแข่งขันจบ
ทั้งหมดนี้เป็นเพียงจุดเสียของเจ้าภาพในบางกีฬา ยังมีอีกมากมายที่เป็นปัญหา และเมื่อพิจารณาแล้วจะมีเรื่องให้พูดถึงมากกว่าพม่าหรือลาวที่ประสบการณ์น้อยกว่ามาเลเซียในการจัดมหกรรมกีฬาเสียอีก
ถ้าจะบอกว่ากัวลาลัมเปอร์เกมส์เป็นซีเกมส์ที่มีเรื่องฉาวมากครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ก็คงไม่ผิดนัก สวนทางกับเป้าหมายที่เจ้าภาพอยากจะจัดให้เป็นซีเกมส์ที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมาอย่างรุนแรง และพูดกันตรงๆ เป็นการทำลายมาตรฐานที่สิงคโปร์เคยจัดไว้แบบน่าผิดหวัง
อีก 2 ปีข้างหน้า ฟิลิปปินส์จะเป็นเจ้าภาพ เมื่อย้อนอดีตไป ฟิลิปปินส์เคยจัดการแข่งขันครั้งที่ 23 เมื่อ 12 ปีที่แล้ว ครั้งนั้นเจ้าภาพกวาด 113 เหรียญทอง คว้าเจ้าเหรียญทองไปได้ ทั้งๆ ที่การแข่งขันนอกบ้าน แทบไม่เคยติด 1-3 ของตารางเหรียญ มีเรื่องอื้อฉาวให้พูดกันเพียบ
และจากข่าวการเตรียมการ คาดว่าจะมีการยัดอีเวนต์บาสเกตบอล กีฬาประจำชาติของตัวเอง ถึง 7 เหรียญทอง ไม่ใช่แค่บาสทีมชายและทีมหญิงที่เคยจัดกันทั่วไปเท่านั้น
ขอถอนหายใจหนักๆ ให้กับซีเกมส์ที่ดูเหมือนว่าจะลดคุณค่าลงไปทุกวัน เฮ้อออออ!!