เขย่าสนาม : 5 ปีที่รอคอย ทองประวัติศาสตร์ ‘พาณิภัค’ / เด็กเก็บบอล

เขย่าสนาม

เด็กเก็บบอล/[email protected]

 

5 ปีที่รอคอย

ทองประวัติศาสตร์ ‘พาณิภัค’

 

จากเด็กน้อยคนหนึ่งร้องไห้อย่างหนักเมื่อ “รีโอเกมส์” 5 ปีที่แล้ว มาจนถึงวันนี้ ในที่สุด “เทนนิส” *พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ* ก็สามารถทำตามความฝันของตัวเอง คว้าเหรียญทองโอลิมปิกเกมส์ได้ในที่สุด

พาณิภัคถือเป็นนักเทควันโดไทยคนแรกที่ได้เหรียญทอง หลังจากก่อนหน้านี้ไทยได้มาแล้ว 2 เหรียญเงิน 3 เหรียญทองแดง “วิว” *เยาวภา บุรพลชัย* ได้เหรียญทองแดง ในเอเธนส์ 2004, “สอง” *บุตรี เผือดผ่อง* ได้เหรียญทองแดง ในปักกิ่ง 2008, “เล็ก” *ชนาธิป ซ้อนขำ* เหรียญเงิน ลอนดอน 2012, “เทม” *เทวินทร์ หาญปราบ* ได้เหรียญเงิน และพาณิภัคได้เหรียญทองแดง ในรีโอ 2016

นอกจากนี้ ยังเป็นฮีโร่เหรียญทองที่ 10 ของทัพนักกีฬาไทย ต่อจาก *สมรักษ์ คำสิงห์* ที่ประเดิมได้เหรียญทองแรก จากมวยสากลสมัครเล่น รุ่นเฟเธอร์เวต โอลิมปิก *แอตแลนต้า 1996*, *วิจารณ์ พลฤทธิ์* มวยสากลสมัครเล่น รุ่นฟลายเวตชาย โอลิมปิก *ซิดนีย์ 2000*, *มนัส บุญจำนงค์* มวยสากลสมัครเล่น รุ่นไลต์เวลเตอร์เวต โอลิมปิก *เอเธนส์ 2004*, *อุดมพร พลศักดิ์ ยกน้ำหนัก* รุ่น 53 ก.ก.หญิง โอลิมปิก เอเธนส์ 2004, *ปวีณา ทองสุก* ยกน้ำหนัก รุ่น 75 ก.ก.หญิง โอลิมปิก เอเธนส์ 2004, *สมจิตร จงจอหอ* มวยสากลสมัครเล่น รุ่นฟลายเวตชาย โอลิมปิก *ปักกิ่ง 2008*, *ประภาวดี เจริญรัตนธารากูล* ยกน้ำหนัก รุ่น 53 ก.ก.หญิง โอลิมปิก ปักกิ่ง 2008, *โสภิตา ธนสาร* ยกน้ำหนัก รุ่น 48 ก.ก.หญิง โอลิมปิก *รีโอ 2016*

และ *สุกัญญา ศรีสุราช* ยกน้ำหนัก รุ่น 58 ก.ก.หญิง โอลิมปิก รีโอ 2016

 

ย้อนกลับไปเมื่อ 5 ปีก่อน พาณิภัคในวัย 19 ปี กำลังห้าวและฟอร์มร้อนแรง สามารถเบียดรุ่นพี่อย่าง “เล็ก” ชนาธิป ซ้อนขำ คว้าตั๋วไปแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ครั้งแรกของตัวเองได้สำเร็จ

ณ เวลานั้น ไม่ว่าใครก็มองว่านี่คือนักกีฬาความหวังที่จะพาทัพเทควันโดของไทยไปถึงเหรียญทองในกีฬาโอลิมปิกเกมส์ได้เสียที

แต่ด้วยความที่ประสบการณ์ยังน้อย อาจจะรวมความตื่นเต้นของตัวพาณิภัคเอง ทำให้พลาดในรอบ 8 คนสุดท้าย ทั้งที่เป็นฝ่ายนำห่าง คิม โซ ฮุย คู่ปรับจากเกาหลีใต้ 4-2 และเหลือเวลาอีกไม่กี่วินาทีเท่านั้น แต่กลับพลาดโดนเตะเข้าที่หัว ทำให้สกอร์มันพลิกกลับมาเป็นฝ่ายตาม 4-5 แม้จะพยายามเร่งเตะในช่วงท้าย ก็ไม่ทันแล้ว

แม้สุดท้ายจะแก้ตัวในรอบเก็บตก แล้วคว้าเหรียญทองแดงมาได้ แต่มันก็ทำให้เธอยังมีภารกิจที่ยังทำไม่สำเร็จ และจะต้องกลับไปล่าเหรียญทองอีกครั้งให้ได้

 

อย่างไรก็ตาม คำว่าความแค้น ล้างแค้นกี่ปีก็ไม่สาย คงสามารถนำมาใช้กับ “เทนนิส” พาณิภัค ได้เป็นอย่างดี

เพราะหลังจากที่พลาดท่าในโอลิมปิกเกมส์ เทนนิส กลับมาพิสูจน์ฝีมือด้วยตัวเอง ก้าวเข้ามาอยู่ในช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการเล่นเทควันโดของตัวเองเลยก็ว่าได้

ทั้งการกวาดถึง 7 แชมป์ภายในปีเดียวกันเมื่อปี 2018 ก่อนที่จะคว้าแชมป์โลกได้เมื่อปี 2019 ทำให้ก้าวขึ้นไปรั้งเบอร์ 1 ของโลก และคว้าตั๋วมาโอลิมปิกเกมส์ครั้งนี้ได้แบบแบเบอร์ ไม่ต้องลุ้นอะไรเลย

สถิติของเทนนิสก่อนโอลิมปิกเกมส์ ผ่านการแข่งขันมาแล้ว 67 ครั้ง ชนะได้ 58 และแพ้ไป 9 ครั้ง คิดเป็นเปอร์เซ็นต์คือ 86.6 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่แต้มต่อนัดอยู่ที่ 13.6 แต้ม และการเอาชนะคู่แข่งในช่วงซัดเด้นเดต ทำได้ถึง 66.7 เปอร์เซ็นต์ด้วยกัน

โดยรวมแล้ว เทนนิสเดินหน้ากวาดมาหมดทุกแชมป์ ไม่ว่าจะเป็นแชมป์โลก 2 สมัย, แชมป์เวิลด์แกรนด์สแลม 2 สมัย, เวิลด์ กรังด์ปรีซ์ 6 รายการ, แชมป์เอเชีย 2 ครั้ง, เอเชี่ยนเกมส์ 1 ครั้ง, กีฬามหาวิทยาลัยโลก 2 ครั้ง, ยูธโอลิมปิกเกมส์ 1 ครั้ง และซีเกมส์อีก 1 ครั้ง แน่นอนว่าเหลือแชมป์เดียวก็คือโอลิมปิกเกมส์นั่นเอง

ความจริงก็คือ ถ้าหากไม่มีโควิด-19 และเทนนิสได้ลงแข่งขันตั้งแต่เมื่อปีที่แล้ว ทั้งความมั่นใจ รวมถึงความเจนจัดสนาม บอกได้เลยว่าไม่มีใครต้านจอมเตะสาวจากไทยรายนี้ได้อย่างแน่นอน เพราะช่วงที่ผ่านมาสามารถล้มคู่ปรับสำคัญอย่าง *หวู จิง หยู* จากจีน หรือแม้กระทั่งคนที่ทำให้เธอตกรอบโอลิมปิกเกมส์อย่างคิม โซ ฮุย ก็เอาชนะมาได้แล้วเช่นกัน

ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าเมื่อเกิดเหตุระบาดของไวรัสตัวร้าย ทำให้การแข่งขันเลื่อนออกมา ได้แค่รักษาสภาพร่างกาย และแทบจะไม่ได้แข่งขันจริงๆ เลย เลยทำให้สื่อต่างชาติกลับมองเทนนิสกลายเป็นเต็งสองไปซะอย่างนั้น

 

ต้องบอกว่าเส้นทางสู่เหรียญทองของเทนนิสในครั้งนี้ เรียกว่าโรยด้วยกลีบกุหลาบก็ว่าได้ เพราะว่าบรรดาตัวเต็งๆ ทั้ง *ซู โป ยา* จากไต้หวัน, *ซิม แจ ยอง* จากเกาหลีใต้ หรือหวู จิง หยู คู่ปรับเก่าจากจีน ต่างทยอยตกรอบกันไปหมด

แม้จะมีเสียวๆ อยู่บ้าง ในรอบ 8 คนสุดท้าย ที่พบกับ *เจิน ถิ คิม ตุน* จากเวียดนาม เพราะจบ 2 ยกแรกตามหลังอยู่ แต่ก็ยังเรียกสติและกลับมาเตะเอาชนะได้ในยกสุดท้าย ขณะที่การเจอกับคู่แข่งจากเจ้าภาพ *มิยุ ยามาดะ* ในรอบตัดเชือก ก็ไม่ใช่ปัญหาใดๆ

แต่ที่เสียวที่สุดก็คงจะเป็นรอบชิงชนะเลิศ ที่ต้องเจอกับดาวรุ่งวัย 17 ปีจากสเปนอย่าง *อาเดรียน่า เซเรโซ อิเกลเซียส* ที่ตลอด 3 ยกนั้นต้องบอกว่าเล่นกันได้อย่างสูสีมากๆ ก่อนจะพลิกสถานการณ์ในช่วง 7 วินาทีสุดท้าย เฉือนไปแบบคะแนนเดียวเท่านั้น

ว่าไปแล้วมันก็อาจจะเหมือนเรื่องของโชคชะตา ครั้งก่อนเทนนิสเป็นรุกกี้หน้าใหม่ ที่พลาดในไม่กี่วินาทีสุดท้าย แต่ครั้งนี้เธอมีประสบการณ์มากขึ้น แล้วเป็นฝ่ายเอาชนะรุกกี้ไปได้แบบไม่กี่วินาทีสุดท้าย

แต่ถึงจะได้เหรียญทองแล้ว แต่เทนนิสก็ประกาศออกมาชัดเจนว่ายังไม่เลิกเล่นแน่นอน แม้ก่อนหน้านี้เธอจะเคยบอกเอาไว้ว่าถ้าสำเร็จเป้าหมายเหรียญทองโอลิมปิกเกมส์เมื่อไหร่ก็จะหยุดเมื่อนั้น

เพราะเทนนิสเชื่อว่ายังมีอะไรที่ท้าทาย สามารถเป็นชาลเลนจ์ให้กับตัวเองได้อีกมาก และหนึ่งในนั้นน่าจะเป็นการตามรอยหวู จิง หยู คือการคว้าเหรียญทองโอลิมปิกเกมส์ 2 สมัยซ้อนให้ได้ ในครั้งต่อไปที่ประเทศฝรั่งเศส

เมื่อก้าวนี้ถึงฝันแล้ว ก้าวต่อไปที่เกินกว่าฝัน มันก็น่าสนใจไม่ใช่น้อยทีเดียว