เขย่าสนาม/เงาปีศาจ/จำคุก 15 ขบวนการ ‘ล้มบอล’ ปฏิบัติการ ‘เชือดไก่ให้ลิงดู’ สัญญาณเตือนวงจรอุบาทว์

เขย่าสนาม/เงาปีศาจ [email protected]

จำคุก 15 ขบวนการ ‘ล้มบอล’

ปฏิบัติการ ‘เชือดไก่ให้ลิงดู’

สัญญาณเตือนวงจรอุบาทว์

 

ถือว่าสั่นสะเทือนวงการลูกหนังไทยระลอกล่าสุดกับกรณีที่ศาลอาญาพิพากษาตัดสินจำคุกอดีตนักฟุตบอลไทยลีกกับพวกรวม 15 ราย “ล้มบอล-ล็อกผล” การแข่งขันไทยลีกฤดูกาล 2017 คนละ 1-5 ปี โดยไม่รอลงอาญา…

กรณีดังกล่าวถูกบันทึกเป็นคดีประวัติศาสตร์ของวงการฟุตบอลไทยโดยศาลอาญาได้นัดอ่านคำพิพากษา คดีหมายเลขดำ อ.2131/2561 ที่อัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 6 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายธีรจิตร หรือเก๋ สิทธิศุข จำเลยที่ 1, นายเชิดศักดิ์ หรือจ่อย บุญชู อายุ 48 ปี ผอ.สโมสรศรีสะเกษฯ จำเลยที่ 2, นายภาคภูมิ หรือแบงค์ พันธ์นิกุล อายุ 34 ปี จำเลยที่ 3, นายมานิตย์ หรือเศรษฐปสิทธิ์ หรือป้อม โกมลวัฒนะ อายุ 50 ปี จำเลยที่ 4, นายวัลลภ สมาน อายุ 48 ปี จำเลยที่ 5

นายกิตติภูมิ หรือเด่น ปาภูงา อายุ 34 ปี อดีตนักฟุตบอล จำเลยที่ 6, นายภุมรินทร์ คำรื่น อายุ 31 ปี ผู้ตัดสินฟีฟ่า 2017 จำเลยที่ 7, นายวีระ เกิดพุดซา อายุ 36 ปี ผู้รักษาประตูทีมนครราชสีมา เอฟซี จำเลยที่ 8, จ.อ.เสกสันต์ หรือเสก ชาวทองหลาง อายุ 37 ปี นักเตะราชนาวี เอฟซี จำเลยที่ 9, จ.ท.สุทธิพงษ์ เหลาพร อายุ 31 ปี นักเตะราชนาวี เอฟซี จำเลยที่ 10

จ.ท.สุวิทยา นำสินหลาก อายุ 29 ปี นักเตะราชนาวี เอฟซี จำเลยที่ 11, นายณรงค์ วงษ์ทองคำ อายุ 39 ปี ผู้รักษาประตูราชนาวี เอฟซี จำเลยที่ 12, ส.อ.ธีรชัย งามเจริญ อายุ 38 ปี นักเตะศรีสะเกษ เอฟซี จำเลยที่ 13, นายทศพร เขม็งกิจ อายุ 35 ปี นักเตะศรีสะเกษ เอฟซี จำเลยที่ 14, นายเอกพันธ์ จันดากรณ์ อายุ 35 ปี อดีตนักเตะศรีสะเกษ เอฟซี จำเลยที่ 15

โดยพิพากษาว่า ทั้ง 15 คนมีความผิดฐานร่วมกันให้หรือขอให้หรือรับว่าจะให้ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดแก่นักกีฬาอาชีพหรือผู้อื่นเพื่อจูงใจให้นักกีฬาอาชีพกระทำการล้มกีฬา, ร่วมกันให้ขอให้หรือรับว่าจะให้ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดแก่ผู้ตัดสินหรือผู้อื่นเพื่อจูงใจให้ผู้ตัดสินทำหน้าที่ตัดสินไม่เป็นไปตามระเบียบหรือกติกาการแข่งขันหรือทำหน้าที่ตัดสินอย่างไม่ถูกต้องเที่ยงธรรม, เป็นผู้ตัดสินเรียกรับหรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นเพื่อทำหน้าที่ตัดสินไม่เป็นไปตามระเบียบหรือกติกาการแข่งขันหรือทำหน้าที่ตัดสินอย่างไม่ถูกต้องเที่ยงธรรม, ร่วมกัน และเรียกรับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นเพื่อให้กระทำการล้มกีฬา

ร่วมกันลักลอบเล่นการพนันทายผลการแข่งขันฟุตบอลพนันเอาทรัพย์สินกันโดยไม่ได้รับอนุญาต

 

คดีประวัติศาสตร์ลูกหนังไทยดังกล่าวต้องยกเครดิตให้กับ “บิ๊กอ๊อด” พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง อดีต ผบ.ตร. ที่ปัจจุบันนั่งนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ รวมไปถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในความพยายามที่จะปราบปรามขบวนการ “ล้มบอล-ล็อกผล” ที่ถือว่าเป็นขบวนการอุบาทว์ฉุดรั้งการพัฒนาวงการฟุตบอลไทย

ปฏิบัติการ “เชือดไก่ให้ลิงดู” ที่เกิดขึ้นน่าจะทำให้ผู้บริหารสโมสรฟุตบอล, ผู้จัดการทีม, เฮดโค้ช, ผู้ช่วยโค้ช, นักเตะ, ผู้ตัดสิน, ผู้ควบคุมการแข่งขัน ตลอดจนแฟนบอลที่ยังคงพัวพันอยู่กับขบวนการ “ล้มกีฬา” เพื่อผลประโยชน์จากเม็ดเงินวงการพนันออนไลน์ฉุดคิดขึ้นมาบ้าง

ที่ผ่านมากรณี “รับงาน” ของคนวงการฟุตบอล หรือการไป “แทงพนันออนไลน์” สวนทีมของตัวเองมีอยู่ให้เห็นมาโดยตลอด ผลการแข่งขันบางคู่บางทีมจะรู้สึกแปลกๆ ขัดใจแฟนบอล เช่นเดียวกับการทำหน้าที่ของผู้ตัดสิน

รวมไปถึงทีมงานวีเออาร์ด้วยเช่นกันเหล่านี้สาเหตุเกิดจากเม็ดเงินจากวงการพนันออนไลน์ที่เข้ามามีอิทธิพลต่อผลการแข่งขัน ล็อกผลการแข่งขันให้เป็นไปตามที่เว็บพนันออนไลน์ต้องการ

 

เรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้ถือว่าเป็นเรื่องใหม่ในวงการฟุตบอลไทย แต่ที่ผ่านมาไม่เคยมีกรณีลงโทษในทางกฎหมายที่ชัดเจนเป็นรูปธรรมถึงขั้น “ติดคุก” ให้เห็น เต็มที่ก็ “แบน” ไม่ให้ได้มีที่ทำมาหากินในวงการลูกหนังไทย แต่เมื่อศาลอาญามีคำพิพากษาจำคุก 15 คนออกมาเป็นการตอกย้ำชัดเจนว่าวงจรอุบาทว์ “ล้มบอล-ล็อกผล” ในเมืองไทยยังคงก้มหน้าก้มตาต้มตุ๋นแฟนบอล

ไม่ใช่ว่าเจ้าหน้าที่รัฐไม่รู้ ยิ่งคนระดับ “บิ๊กอ๊อด” ที่เป็นนายตำรวจใหญ่มาก่อน เขารู้หมดว่าใครทำอะไร เคลื่อนไหวอย่างไร โดยเฉพาะพวกบรรดาประธานสโมสร เพียงแต่หลักฐานยังอ่อน หรืออาจยังไม่มีหลักฐานเพียงพอที่จะเอาผิดเท่านั้น ผู้บริหารบางรายมีหน้ามีตาในสังคม เป็นคนระดับวีไอพี แต่ยังสั่ง “ล้มบอล-ล็อกผล” เพื่อกอบโกยเงินจากการพนันออนไลน์

ที่บอกเช่นนั้น ไม่ใช่ว่าจะเป็นการกล่าวหา “ใครบางคน” แบบลอยๆ เพราะมีการยืนยันจากสปอร์ตเรด้า หน่วยงานที่สมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย (เอเอฟซี) ตั้งขึ้นมาเพื่อตรวจสอบเรื่องการ “ล้มบอล-ล็อกผล” โดยเฉพาะได้แจ้งมายัง พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกลูกหนังไทยแล้วว่า สปอร์ตเรด้า กำลังจับตามอง 2 ทีมฟุตบอลในเมืองไทยกำลัง “ตุ๋น” คนดูด้วยการ “ล้มบอล”

หน่วยงานต่างประเทศเขายังรู้ เขายังมีข้อมูลมาแฉวงการลีกบอลอาชีพของเมืองไทย

เพราะฉะนั้น อย่าคิดว่าสังคมจะไม่รู้ เพียงแต่เขาไม่พูด เพราะหลักฐานยังไม่ชัดเท่านั้น

หากหลักฐานชัด “คุก” รออยู่เหมือนคดีประวัติศาสตร์ที่เพิ่งจะตัดสินกันไปสดๆ ร้อนๆ ก็แค่นั้น…