Red Monster : “ยูโรเปี้ยน พรีเมียร์ลีก” โปรเจ็กต์ใหม่สะเทือนวงการลูกหนัง

รอบสัปดาห์ที่ผ่านมา วงการฟุตบอลต่างจับจ้องไปยัง “ลิเวอร์พูล” และ “แมนฯ ยู” ที่พยายามผลักดัน “โปรเจ็กต์ บิ๊ก พิกเจอร์” (Project Big Picture)

แนวคิดหลักๆ เริ่มจากปรับลดทีมในพรีเมียร์ลีกจาก 20 เหลือ 18 ทีม และเสนอให้ยกเลิกฟุตบอลถ้วยเล็กอย่างลีกคัพและคอมมิวนิตี้ชิลด์

พร้อมเสนอปรับส่วนแบ่งรายได้จากลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดให้ “อีเอฟแอล” คือ 3 ลีกรองอย่างแชมเปี้ยนชิพ, ลีกวัน และลีกทู จากเดิม 4 เปอร์เซ็นต์ ปรับเพิ่มเป็น 25 เปอร์เซ็นต์

โดยให้เหตุผลว่า เพื่อลดความเหลื่อมล้ำและช่องว่างของรายได้ ระหว่างทีมในพรีเมียร์ลีกกับทีมจากลีกรอง

เหมือนเป็นเรื่องราวดีๆ แต่ดันมีจุดกังขา

เพราะแผนงานดังกล่าว เสนอปรับการโหวตลงมติต่างๆ จากเดิม 1 ทีม 1 เสียง ซึ่งมติใดๆ จะมีผลก็ต่อเมื่อมีเสียงโหวต 2 ใน 3 คือ 14 เสียงจาก 20 ทีม

แต่แผนใหม่จะเหลือเพียง 9 ทีมที่มีสิทธิ์โหวต โดยเป็นบิ๊ก 6 อย่าง “อาร์เซนอล, เชลซี, ลิเวอร์พูล, แมนฯ ซิตี้, แมนฯ ยู, สเปอร์ส” กับอีก 3 ทีมที่อยู่ลีกสูงสุดมานานคือ “เอฟเวอร์ตัน, เวสต์แฮม” และ “เซาธ์แฮมป์ตัน”

ซึ่งขอเพียง 6 จาก 9 เสียง มตินั้นก็จะผ่าน แล้วทีมอื่นๆ จะมีใครยอมให้สิทธิ์ของตัวเองหายไปในขณะที่ทีมเหล่านั้นมีอำนาจมากขึ้นกันล่ะ

สุดท้าย โปรเจ็กต์ บิ๊ก พิกเจอร์ ก็ถูกสโมสรส่วนใหญ่โหวตค้านไปเรียบร้อย

แต่เรื่องราวสะเทือนวงการฟุตบอลยังไม่จบแค่นั้น ล่าสุดมีข่าวเซอร์ไพรส์วงการลูกหนังอีกระลอก

สกาย สปอร์ตส์ รายงานว่า ลิเวอร์พูลกับแมนฯ ยู อยู่ในกลุ่มสโมสรที่กำลังเจรจาจัดตั้งการแข่งขันฟุตบอลรายการใหม่ “ยูโรเปี้ยน พรีเมียร์ลีก” ซึ่งสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) มีส่วนเกี่ยวข้องในการพัฒนาด้วย

เท่านี้ก็พอจะเดาได้แล้วว่า สาเหตุที่หงส์แดงกับผีแดงอยากให้ฟุตบอลในประเทศปรับโครงสร้าง ลดจำนวนแมตช์ลง ก็เพื่อเปิดทางให้ร่วมแข่งทัวร์นาเมนต์ใหม่ได้สะดวกขึ้นในอนาคตนั่นเอง

แล้วยูโรเปี้ยน พรีเมียร์ลีก คืออะไร

เบื้องต้นรายงานระบุว่า เป็นทัวร์นาเมนต์ที่เล็งดึงทีมดังทั่วยุโรป ทั้งจากอังกฤษ, ฝรั่งเศส, เยอรมนี, อิตาลี และสเปน มาแข่งขัน ตอนนี้มีสโมสรจาก 5 ลีกใหญ่ยุโรปกว่า 12 ทีมกำลังเจรจาเข้าเป็นสมาชิก

นอกจากลิเวอร์พูลกับแมนฯ ยู ทีมในพรีเมียร์ลีกที่อาจเข้าร่วมทัวร์นาเมนต์ใหม่นี้มีอาร์เซนอล, เชลซี, แมนฯ ซิตี้ และสเปอร์ส

ส่วนทีมบิ๊กเนมลีกยุโรปที่มีชื่อเกี่ยวข้องมีทั้ง “บาร์เซโลน่า, รีล มาดริด, แอตฯ มาดริด, ปารีส แซงต์แชร์แมง, ยูเวนตุส” และ “บาเยิร์น มิวนิก” เป็นต้น

คาดว่าจะได้ทีมเข้าร่วมราว 18 สโมสร แข่งขันคล้ายระบบลีก เตะช่วงเดียวกับซีซั่นปกติของยุโรป ระหว่างเดือนสิงหาคมไปจบเดือนพฤษภาคมปีถัดไป

และเมื่อเตะครบโปรแกรม จะนำทีมหัวตารางจำนวนหนึ่งมาแข่งขันแบบน็อกเอาต์เพื่อหาแชมเปี้ยน ผู้ชนะในแต่ละปีจะได้เงินรางวัลระดับหลายร้อยล้านปอนด์

ปัจจุบันมีการเจรจาจัดหาเงินราว 4.6 พันล้านปอนด์ (1.85 แสนล้านบาท) เพื่อเป็นเงินทุนสำหรับจัดตั้งทัวร์นาเมนต์ และทีมที่เข้าเป็นสมาชิกรุ่นบุกเบิกก็จะได้เงินระดับร้อยล้านปอนด์เช่นกัน

คาดว่าจะมีการประกาศเกี่ยวกับโปรเจ็กต์ในสิ้นเดือนนี้ แม้ปัจจุบันรายละเอียดต่างๆ ของการแข่งขัน รวมถึงชื่อของสโมสรที่จะเข้าร่วมจะยังไม่ได้ข้อสรุป แต่ก็มีโอกาสที่แผนงานจะล่มลงเช่นกัน

หากทุกอย่างไปได้สวย คาดว่ายูโรเปี้ยน พรีเมียร์ลีก จะเริ่มจัดได้เร็วที่สุดในปี 2022

แต่ทัวร์นาเมนต์ใหม่อาจกระทบทั้งโปรแกรมลีกและฟุตบอลถ้วยแต่ละประเทศ ที่สำคัญ อาจทับซ้อนกับศึกแชมเปี้ยนส์ลีกและยูโรป้าลีกของสหพันธ์ฟุตบอลยุโรป (ยูฟ่า)

ไม่รู้ว่ายูโรเปี้ยน พรีเมียร์ลีก แค่หวังมาเสริมหรือจะมาแทนที่ แต่แว่วมาว่ายูฟ่าออกแนวไม่ปลื้มเท่าไหร่

หากยูโรเปี้ยน พรีเมียร์ลีก เกิดขึ้นจริง วงการลูกหนังสั่นสะเทือนแน่ๆ