เมอร์คิวรี่ : แกะรอยไฟสนาม “ท่าเรือ” ดับ! ย้อนปมมือดีเจตนาป่วนลูกหนัง

ถือเป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์แปลกประหลาดที่เกิดขึ้นกับวงการฟุตบอลไทยสำหรับเหตุการณ์ไฟดับที่แพท สเตเดี้ยม ช่วงท้ายก่อนหมดเวลาเพียง 2 นาที ในเกมที่สโมสร “สิงห์เจ้าท่าเรือ” “การท่าเรือ เอฟซี” เปิดบ้านพบกับ “มังกรโล่เงิน” “โปลิศ เทโร เอฟซี” ในศึกฟุตบอลไทยลีก 1 นัดที่ 5 ของฤดูกาล 2020 ซึ่งนับเป็นนัดแรกที่รีสตาร์ตกลับมาแข่งขันหลังจากสถานการณ์วิกฤตโควิด-19

สำหรับเกมดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันอาทิตย์ที่ 13 กันยายนที่ผ่านมา โดย “การท่าเรือ เอฟซี” เปิดรังแพท สเตเดี้ยม ย่านคลองเตย กรุงเทพฯ ต้อนรับการมาเยือนของ “โปลิศ เทโร เอฟซี” โดยเกมนี้เจ้าถิ่น “สิงห์เจ้าท่า” พังประตูขึ้นนำก่อน 1-0 ในนาทีที่ 50 จากบดินทร์ ผาลา

ก่อนในนาทีที่ 67 ทีมเยือน “มังกรโล่เงิน” ไล่ตีเสมอสำเร็จเป็นสกอร์ 1-1 จากอดิศักดิ์ ศรีกำปัง

เกมทำท่าจะเสมอกันไป 1-1 แต่ทว่าก่อนหมดเวลาเพียง 2 นาที เกิดเหตุเสียงดังระเบิด พร้อมกับไฟสนามแพท สเตเดี้ยม ดับลงไปจนมืดสนิท ท่ามกลางความตกใจของแฟนบอลในสนามที่เข้ามาชมการแข่งขันได้บางส่วนตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ของทางศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค.

เหตุการณ์ดังกล่าวยิ่งสร้างความแปลกประหลาดใจให้กับวงการลูกหนังไทยเมื่อเจ้าหน้าที่ไฟฟ้าเร่งซ่อม และพยายามให้ไฟสนามกลับมาส่องแสงใช้งานได้ตามปกติ แต่ไม่สามารถดำเนินการได้ภายในเวลา 60 นาที

ทำให้ทางผู้ควบคุมการแข่งขันสั่งยุติการแข่งขันเกมนี้ตามระเบียบการแข่งขัน

ท่ามกลางบรรยากาศเศร้าของแฟนบอลเจ้าถิ่น และประธานสโมสร “มาดามแป้ง” “นวลพรรณ ล่ำซำ” ที่ต้องถือโทรโข่งขอโทษแฟนบอลด้วยคราบน้ำตา

 

ตามระเบียบว่าด้วยการลงโทษวินัย มารยาท สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ข้อ 5.1.10 ระบุว่า หากไฟสนามแข่งขันดับเกิน 60 นาที ทีมเหย้าต้องถูกปรับแพ้ และถูกปรับเงิน 50,000 บาท และรับผิดชอบค่าเสียหายที่เกิดขึ้นกับสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ จากเหตุการสุดวิสัยที่ไม่สามารถดำเนินการแก้ไขปัญหาให้ไฟสนามกลับมาใช้งานได้ แต่เหตุการณ์นี้ก็สร้างความสงสัยให้กับแฟนลูกหนังชาวไทย รวมทั้งผู้คนทั่วไปอีกมากมาย

ทางด้านของ “การไฟฟ้านครหลวง” (กฟน.) ออกมาชี้แจงในกรณีนี้ระบุว่า ได้ตรวจสอบพบว่า ระบบไฟฟ้ายังคงจ่ายไฟตามปกติ แต่เหตุไฟฟ้าดับนั้น มีสาเหตุจากอุปกรณ์ควบคุมระบบไฟฟ้าได้แก่ เมนเซอร์กิตเบรกเกอร์ ของสนามฟุตบอลชำรุด จนไม่สามารถจ่ายไฟฟ้ากลับคืนสู่สภาวะปกติได้

แต่ก็ถือว่าเป็นเรื่องแปลกที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนกับแพท สเตเดี้ยมแห่งนี้ เพราะหลังจากเกิดเหตุไฟดับทั้งสนามจากเบรกเกอร์หลักตัวที่ควบคุมไฟถูกสับลง แต่สับขึ้นไม่ได้ โดยช่างไฟฟ้าประจำสนามให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ท่าเรือ ว่า ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด

ส่วนพยานในเหตุการณ์ให้การว่า ก่อนไฟดับ เห็นไฟในสกอร์บอด กะพริบเหมือนไม่เสถียร จากนั้นไม่นานได้ยินเสียงระเบิดดัง 1 ครั้งมาจากนอกสนามบอลก่อนไฟจะดับลง

อีกทั้งยังมีรายงานว่า กล้องวงจรปิดตรงบริเวณเครื่องปั่นไฟของสนามนั้น พบว่ามีการหักมุมกล้องลงกับพื้นทำให้ไม่สามารถบันทึกภาพตรงบริเวณเครื่องปั่นไฟได้แต่อย่างใด

ซึ่งทางด้านของเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดในสนามทุกตัวแล้วพบว่า กล้องทั้งหมดเสียมานานกว่า 3 ปี จึงไม่สามารถย้อนดูเหตุการณ์ได้ ยิ่งสร้างความแปลกประหลาดไปกันใหญ่

ประเด็นของกล้องวงจรปิดหักมุมลงกับพื้นนั้นมีรายงานว่ามุมกล้องได้เปลี่ยนมาเป็นปีกว่าแล้ว เพราะไม่ได้มีการใช้งานกล้องวงจรปิดดังกล่าว แต่ประเด็นของสาเหตุไฟดับนั้น จะต้องหาสาเหตุที่แท้จริงว่า เมนเซอร์กิตเบรกเกอร์ที่มีปัญหาเกิดจากอะไรกันแน่ อาจจะเป็นเพราะผ่านการใช้งานมานาน หรือเป็นเพราะฝีมือของตัวบุคคลกันแน่

ซึ่งก็เป็นประเด็นที่จะต้องตามหาข้อเท็จจริงให้ได้

 

“มาดามแป้ง” “นวลพรรณ ล่ำซำ” ประธานสโมสรการท่าเรือ เอฟซี ระบุว่า ตั้งแต่เข้ามาทำทีมเมื่อปี 2558 กว่า 6 ปีไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้ ไฟดับครั้งนี้สร้างผลกระทบต่อสโมสร ต้องขอโทษแฟนบอลทุกคน โดยขอชี้แจงว่าสโมสรลงทุนพัฒนาระบบสาธารณูปโภคทุกอย่างมาโดยตลอด โดยเฉพาะระบบไฟฟ้า ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญของการจัดการแข่งขันของสนาม

“เราได้ประสานความร่วมมือกับการท่าเรือแห่งประเทศไทย ทั้งการปรับปรุงไฟสนาม รวมทั้งติดตั้งเครื่องปั่นไฟสำรองตามมาตรฐาน ซึ่งก่อนการแข่งขันมีการทดสอบกับเจ้าหน้าที่สนาม และช่างเทคนิคหลายครั้ง แต่เหตุการณ์ครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรก ซึ่งยังเป็นเรื่องที่เราประหลาดใจ และยังหาสาเหตุที่แท้จริงไม่ได้” มาดามแป้งกล่าว

อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์นี้ถูกเชื่อมโยงไปถึงความพยายามของ “มือดี” ในการดับไฟสนาม เพื่อหวังผลบางอย่าง

นั่นคือ การทำให้เกมนัดนี้ต้องยุติไป จนไม่มีผลการพนันของเหล่านักพนันทั้งหลาย

เพราะในวงการพนันเป็นที่รู้กันว่า ถ้าเกมฟุตบอลไม่สามารถจบเกม 90 นาทีได้ ถือว่าต้องยกเลิกการพนันแมตช์นั้นไปทันที

หรืออาจจะเป็นการหวังผลบางอย่างที่ไม่สามารถคาดเดาได้เลยก็เป็นได้

 

แต่สำหรับเหตุการณ์ไฟดับในวงการฟุตบอลไม่ใช่เรื่องใหม่ โดยเฉพาะการดับไฟเพื่อให้การแข่งขันยกเลิกนั้นเกิดขึ้นมาเรื่อยๆ แม้แต่ในลีกระดับโลกก็ตาม อย่าง “พรีเมียร์ลีก อังกฤษ” เคยเกิดเรื่องแบบนี้หลายต่อหลายครั้ง ไล่เรียงตั้งแต่เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 1997 “เวสต์แฮม ยูไนเต็ด” พบ “คริสตัล พาเลซ” ที่สนามอัพตัน ปาร์ก เกมนั้นเวสต์แฮมตามอยู่ 0-2 แต่หลังไล่ตีเสมอ 2-2 ไฟสนามก็ดับลง ไม่สามารถทำให้ติดได้ภายใน 30 นาทีตามที่กฎกำหนดไว้

ช่วงหลังจากเหตุการณ์นั้นอีก 1 เดือนกว่าถัดมา เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 1997 แมตช์ระหว่าง “วิมเบิลดัน” พบ “อาร์เซนอล” ที่สนามเซลเฮิร์สต์ ปาร์ก เกมครึ่งแรกจบด้วยสกอร์ 0-0 แต่เมื่อครึ่งหลังผ่านไป 13 วินาที ไฟสนามก็ดับลง ถึงแม้จะทำให้ติดขึ้นมาใหม่ภายในเวลา 12 นาที แต่หลังจากนั้นก็ดับยาว จนผู้ตัดสินในเกมนั้นสั่งยุติการแข่งขัน และต้องเลื่อนไปเตะในวันที่ 11 มีนาคม 1998 แทน และวิมเบิลดันแพ้ 0-1

แต่ 2 ครั้งไม่พอ ก็ยังเกิดเหตุการณ์แบบเดียวกันอีกครั้งเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 1999 เป็นแมตช์ที่มีความสำคัญกับระหว่าง “ชาร์ลตัน แอธเลติก” ที่กำลังดิ้นรนหนีตกชั้น ต้องเปิดบ้านพบงานหนักกับ “ลิเวอร์พูล” แต่งานนี้ไฟไม่ดับ เนื่องจากมีการจับคนสั่งการ และคนเตรียมจะดับไฟได้ก่อนล่วงหน้า 3 วัน และก่อนเกมเตะมีการเช็กระบบไฟฟ้าโดยตำรวจเสร็จสิ้น และมั่นใจแล้วว่าจะไม่มีเหตุการณ์ซ้ำรอยอีก

ครั้งนั้นปรากฏว่า “โรเจอร์ เฟิร์ธ” หัวหน้าพนักงานรักษาความปลอดภัยของสนามเดอะ วัลเลย์ ได้รับการติดสินบนให้ติดอุปกรณ์ที่สามารถสั่งให้ดับไฟในสนาม ด้วยเงิน 20,000 ปอนด์ จากชาวมาเลเซีย 2 คน คือ “เอ็ง หว่า ลิม” และ “ฉี คิว อ่อง” ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทพนันในประเทศมาเลเซีย ผ่านทาง “ไหว่ เยือน หลิว” ชาวจีนที่อยู่ในประเทศอังกฤษ และถูกจับได้ว่ามีส่วนกับ 2 แมตช์ก่อนหน้านี้มาแล้วนั่นเอง

สาเหตุที่จับได้เพราะเฟิร์ธไปแพร่งพรายเรื่องนี้กับเพื่อนร่วมงาน จนความลับแตกในที่สุด!

 

สําหรับ 3 เหตุการณ์ข้างต้นนั้นเป็นการย้อนรอยกรณีไฟสนามดับในศึกฟุตบอลลีกใหญ่อย่างพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ที่พบว่า มีส่วนเกี่ยวข้องการวงการพนันเข้ามาพัวพันกับวงการฟุตบอลจนเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด แต่สำหรับเหตุการณ์ไฟดับที่เกิดขึ้นกับวงการฟุตบอลไทยนั้น ยังคงสร้างความประหลาดใจ และสร้างความสงสัยให้กับแฟนบอลชาวไทย รวมทั้งผู้คนทั่วไปอีกเป็นจำนวนมากว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นจากอะไร

…ภาวนาเพียงว่า ขอให้เหตุการณ์ไฟสนามดับในครั้งนี้เป็นความขัดข้องของระบบไฟฟ้าของสนามที่อาจจะผ่านการใช้งานมาเป็นเวลานาน จนทำให้เกิดความทรุดโทรมลงไปได้ตามสภาพกาลเวลา ซึ่งก็จะต้องหาสาเหตุข้อเท็จจริงกันต่อไป…

…แต่ถ้าหากเหตุการณ์ไฟสนามดับครั้งนี้ถูกพิสูจน์ได้ว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับการพนัน หรือเหตุผลอื่นใดก็ตาม จะถือเป็นสัญญาณเตือนภัยครั้งใหญ่สู่หายนะของวงการลูกหนังไทยที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น…