เมอร์คิวรี่ : สัญญาณเตือนภัย “มวยไทย” “การ์ดตก-หมัดน็อก” ร่วงคาเวที

นับเป็นระยะเวลากว่า 5 เดือนที่เสียงเชียร์ของแฟนมวยไทยห่างหายไปจากสังเวียนการชก หลังจากเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งทำให้ภาครัฐบาลสั่งห้ามไม่ให้จัดการแข่งขันมวยไทย เพื่อป้องกันการแพร่ระบาด ก่อนกลับมาเปิดให้มีผู้ชมในสนามเวทีมวยได้อีกครั้ง แต่สุดท้ายกลับทำการ์ดตกซะเอง!

ย้อนกลับไปทุกคนคงไม่ลืมว่า “สนามมวยลุมพินี” ถือเป็นต้นตอของการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ครั้งใหญ่ หลังจากที่ได้จัดมวยรายการใหญ่ชื่อว่า “ลุมพินีแชมเปี้ยนเกียรติเพชร” ซึ่งมีคู่มวยดังขึ้นชกถึง 11 คู่ และแจกรถ 3 คัน ทำให้เซียนมวยแห่เข้าไปชมนับพันคน จนส่งผลให้กลายเป็น “จำเลยสังคม” ไปโดยปริยาย

จากนั้นทางภาครัฐบาลออกคำสั่งล็อกดาวน์ ห้ามไม่ให้จัดการแข่งมวยไทยและกีฬาชนิดอื่นๆ เพื่อเป็นการวางมาตรการในการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยสนามมวยที่จัดการแข่งขันเป็นครั้งสุดท้ายก่อนล็อกดาวน์ก็คือสนามมวยลุมพินี ตั้งแต่เมื่อวันที่ 14 มีนาคมที่ผ่านมา…

เมื่อเวลาผ่านไป บรรดาเซียนมวยต่างแสดงตัวว่าติดเชื้อโควิด-19 เพื่อเป็นการแจ้งเตือนไปยังสังคมถึงการแพร่ระบาดครั้งใหญ่

รวมทั้งยังต้องการรับผิดชอบต่อสังคมจากความผิดพลาดที่เกิดขึ้น

อีกทั้งยังร่วมใจกันออกมาบริจาคเชื้อพลาสม่าเพื่อใช้ในการศึกษาวิจัย

ทำให้สังคมเริ่มเปลี่ยนมุมมองกับคนวงการมวยไทยในทิศทางดีขึ้น

ขณะที่สถานการณ์การแพร่ระบาดในประเทศไทยก็ไร้ผู้ติดเชื้อภายในประเทศอย่างต่อเนื่อง จนทำให้ศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค. เริ่มผ่อนคลายปลดล็อกเฟสต่างๆ ให้สถานการณ์เริ่มกลับมาสู่ภาวะปกติใหม่ โดยให้มีมาตรการคุมเข้ม และที่สำคัญให้เว้นระยะห่างทางสังคม

ในส่วนของวงการกีฬาและมวยไทยได้รับการปลดล็อกให้กลับมาจัดการแข่งขันแบบมีผู้ชมในสนามได้ตั้งแต่เมื่อวันที่ 13 สิงหาคมที่ผ่านมา

แต่บรรดาแฟนมวยได้เฮไม่ทันไรก็ปล่อยการ์ดตกซะรวดเร็ว หลังจากที่มีการปรากฏภาพของแฟนมวยที่เข้าชมกันอย่างหนาแน่น และไม่มีการเว้นระยะห่างทางสังคมกันแม้แต่นิดเดียว

 

ทางด้าน “บิ๊กก้อง” “ดร.ก้องศักด ยอดมณี” ผู้ว่าการการกีฬาเเห่งประเทศไทย (กกท.) ได้รับรายงานกรณีที่สนามเวทีมวยไม่ได้จัดให้มีมาตรการป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยแฟนมวยที่เข้าชมในสนามไม่เว้นระยะห่างทางสังคม หลัง ศบค.ได้มีคำสั่งปลดล็อกให้จัดกิจกรรม และการแข่งขันกีฬาสามารถอนุญาตให้ผู้ชมเข้าชมและเชียร์กีฬาได้ในสนาม

ขณะเดียวกันทาง “พิพัฒน์ รัชกิจประการ” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้พูดคุยเรื่องนี้กับผู้ว่าการ กกท. และระบุว่า ให้ทำหนังสือตักเตือนไปที่เจ้าของสนามมวยทันที ถ้าหากยังมีการปฏิบัติเช่นนี้เป็นครั้งที่สองอีกก็จะห้ามไม่ให้มีการแข่งขันแบบมีผู้ชม เพราะ ศบค.และกระทรวงสาธารณสุขได้กำชับมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมตรงนี้อย่างมาก

รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ยืนยันว่าแฟนมวยสามารถเข้าชมการแข่งขันได้ แต่ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่ ศบค.และกระทรวงสาธารณสุขกำหนดเอาไว้ ซึ่งมีระบุอยู่แล้วในคู่มือจัดการแข่งขัน ทั้งเรื่องการเว้นระยะห่างทางสังคม และมีข้อบังคับว่า พื้นที่เท่าไรที่จะสามารถให้เข้าชมการแข่งขันในสนามได้กี่คน

“เงื่อนไขตรงนี้ กกท.ได้แจ้งให้กับทุกสนามมวย และทุกประเภทกีฬาไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพราะฉะนั้น ก็อยากจะให้ผู้จัดการแข่งขันช่วยปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ซึ่งตรงนี้เราได้มีการออกหนังสือเตือนโดยผู้ว่าการ กกท.ไปยังทุกสนามมวย และทุกสมาคมกีฬาที่มีการจัดการแข่งขันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว”

 

ด้าน กกท.เองก็ได้ออกหนังสือเตือนไปยังสนามมวยและผู้จัดการแข่งขัน ที่มีการปล่อยปละละเลย ไม่คุมเข้มตามมาตรการควบคุมเชื้อโควิด-19 เนื่องจากทำผิดคำสั่งของ ศบค.อย่างชัดเจน ส่วนสนามมวยเวทีอื่นๆ ยังไม่มีรายงาน แต่ก็จะส่งหนังสือเตือน เพื่อไม่ให้ทุกสนามมวยการ์ดตก และคุมเข้มมาตรการของ ศบค.อย่างเคร่งครัด

กกท.เองมีฐานะเป็นนายทะเบียนที่ควบคุมดูแล ซึ่งเมื่อพบว่า ถ้ามีการกระทำผิดซ้ำก็จะมีบทลงโทษไปตามลำดับ เริ่มตั้งแต่สถานเบา ก็คือการตักเตือน ไปจนถึงสถานหนัก ทั้งการห้ามจัดการแข่งขันแบบมีผู้ชม รวมทั้งมีผลทางกฎหมาย และอาจหนักไปถึงการเพิกถอนในอนุญาตจัดการแข่งขันเวทีมวยนั้นๆ และถอนใบอนุญาตค่ายมวยนั้นๆ ด้วย

มวยไทยมีคู่มือการจัดการแข่งขัน ซึ่งทาง ศบค.ออกมาให้จัดการแข่งขันได้แบบมีผู้ชม โดยประเด็นหลักก็คือ การวางมาตรการเข้ม ทั้งการคัดกรองผู้เข้าชมในสนาม และที่สำคัญต้องมีการเว้นระยะห่างทางสังคม

แต่ไม่ใช่ภาพที่มีการปรากฏว่าแฟนมวยเหล่านี้การ์ดตกเสียเอง ทั้งที่คนทั้งประเทศเขาพยายามตั้งการ์ดกันมาหลายเดือน

สำหรับมาตรการหลักของการจัดการแข่งขันมวยไทยแบบมีผู้ชม โดยจะมีแฟนมวยสามารถเข้าชมในสนามได้ในสัดส่วน 1 ใน 4 ของสนามแข่งขัน ส่วนเจ้าหน้าที่ในพื้นที่กิจกรรมทั้งหมดจะมีจำนวนไม่เกิน 50 คน และทุกคนจะต้องมีการลงทะเบียนผ่านแอพพลิเคชั่นไทยชนะเพื่อติดตามข้อมูลต่างๆ ด้วย

แต่อย่างไรก็ตาม ด้วยธรรมชาติของบรรดาแฟนมวยและเซียนมวยไทย ที่มักจะมีอารมณ์ร่วมกับการขึ้นชกบนสังเวียนของนักมวย ทำให้แฟนมวยออกอาการด้วยอารมณ์ที่ร้อนแรง อินไปกับเกมการชก จนทำให้ลืมมาตรการสำคัญที่จะต้องเว้นระยะห่างทางสังคม ซึ่งก็เป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องพึงสำนึกถึงหลังจากนี้

 

เมื่อทางภาครัฐโดย ศบค.ได้ปลดล็อกให้การแข่งขันมวยไทยกลับมาชกได้แบบมีผู้ชมในสนามแล้ว แฟนมวยทุกคนก็ต้องร่วมกันรับผิดชอบกันด้วย จำได้ไหมว่า ตอนที่มวยไม่มีชก พวกคุณออกมาเรียกร้องกันมากแค่ไหนให้มวยกลับมาชกอีกครั้งทั้งๆ ที่พวกคุณเองเป็นต้นเหตุใหญ่ของเรื่องราวทั้งหมดนี้

จากจุดเริ่มต้นที่ตกเป็น “จำเลยสังคม” จนถึงวันนี้พวกคุณยังทำ “การ์ดตก” เองเสียอีก คงไม่มีใครที่จะสามารถช่วยเหลือได้ ยกเว้นตัวของคุณเอง ที่จำเป็นต้องร่วมกันรับผิดชอบต่อสังคมกับการร่วมมือร่วมใจกันเว้นระยะห่างทางสังคมนิด และมีอารมณ์ร่วมกับมวยลดลงหน่อย ก็น่าจะทำให้เรื่องราวไม่บานปลายไปมากกว่านี้

บทเรียนที่ผ่านมาน่าจะเป็นสิ่งที่ช่วยย้ำเตือนให้กับคนวงการมวยไทยได้เรียนรู้ และเป็นสัญญาณเตือนที่ดี แต่หากยังไม่นำประสบการณ์เหล่านี้มาปรับใช้ได้ในปัจจุบันก็คงจะต้องก้มหน้ายอมรับกับตัวเองว่า “การ์ดตก” จนเปิดช่องให้โดน “หมัดน็อก” ล้มลงคาเวทีเสียเอง และคงจะไม่มีโอกาสให้ได้แก้ตัวอีกครั้ง…