เวลานี้ทั่วโลกต่างเผชิญกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ “โควิด-19” ที่นับวันยิ่งทวีความรุนแรง จนวงการกีฬาโลกต้องหยุดชะงักเพื่อหลีกเลี่ยงการรวมตัวของคนหมู่มาก ขณะที่นักกีฬาและเจ้าหน้าที่หลากหลายวงการตรวจพบว่าติดเชื้อตัวนี้กันหลายราย

ด้วยภาวะโรคระบาดที่เกิดขึ้นทำให้การแข่งขันกีฬารายการใหญ่ของแต่ละชนิดกีฬาต้องยกเลิกหรือเลื่อนการแข่งขันออกไป อาทิ ศึกเทนนิสแกรนด์สแลม “เฟรนช์ โอเพ่น”, กอล์ฟระดับเมเจอร์แรกของปีทั้งชายและหญิง รวมถึงรายการระดับชิงแชมป์โลกต่างๆ

ล่าสุด 1 ใน 2 อีเวนต์ใหญ่ของปีอย่างศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป หรือ “ยูโร 2020” ก็ประกาศเลื่อนการแข่งขันไป 1 ปีเรียบร้อย จากเดิมที่กำหนดจัดกลางปีนี้ ย้ายไปจัดระหว่างวันที่ 11 มิถุนายน-11 กรกฎาคม 2021 แทน

“สหพันธ์ฟุตบอลยุโรป (ยูฟ่า)” ประชุมฉุกเฉินไปเมื่อวันอังคารที่ 17 มีนาคม เพื่อหาทางออกเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และมีมติว่าการเลื่อนการแข่งขันเป็นทางออกที่เหมาะสมที่สุด เนื่องจากยุโรปเป็นจุดระบาดใหญ่ของโควิด-19 ในขณะนี้

ระยะเวลาแค่ 3 เดือนเศษๆ ที่เหลืออยู่ ไม่น่าจะควบคุมสถานการณ์ได้ทัน

 

การเลื่อนศึกยูโร 2020 ออกไป 12 เดือน นับเป็นข่าวดีสำหรับวงการลูกหนังยุโรปโดยภาพรวม เนื่องจากตอนนี้ลีกลูกหนังหลายประเทศต่างก็พักการแข่งขันแม้แต่ฟุตบอลถ้วยใหญ่ของทวีปอย่างยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก และยูโรป้าลีก ต่างก็ต้องพักแข่งไปแบบไม่มีกำหนดเช่นกัน จนเกิดคำถามมากมายว่าจะสามารถแข่งขันจนจบฤดูกาลได้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์หรือไม่ เพราะแค่ต้องปิดสนามเตะหรือเลื่อนแข่งขัน ก็กระทบหลายเรื่องแล้ว

ตามวงรอบฟุตบอลปกติ สัญญาค้าแข้งและสัญญายืมตัวของนักเตะมักจะสิ้นสุดในเดือนมิถุนายน หลังจากฤดูกาลลูกหนังยุโรปปิดฉากไปแล้ว ตอนนี้บอลลีกบอลถ้วยยังแข่งไม่จบ ถ้ากลับมาแข่งใหม่แล้วไล่เตะกันให้จบไม่ทันสิ้นเดือนมิถุนายน ก็จะเกิดคำถามทันทีว่านักเตะเหล่านี้จะยังเล่นให้ต้นสังกัดได้หรือไม่ อย่างไร

หรือถ้าบอลลีก บอลถ้วยแข่งไม่จบ ยกเลิกการแข่งขันโดยไม่มีทีมแชมป์หรือการจัดอันดับเกิดขึ้น ก็จะเกิดคำถามว่าเงินรางวัลที่ได้ตามอันดับผลงานจะแบ่งสรรกันอย่างไร

ถ้าหารเท่าๆ กัน แน่นอนว่าทีมใหญ่ที่ปกติผลงานดีย่อมเดือดร้อนกันถ้วนหน้า เพราะแผนการเอางบประมาณมาลงทุนทำทีมย่อมกระทบกระเทือนไปด้วย

แค่ตอนนี้การแข่งขันหยุดชะงักไปก็เดือดร้อนกันแล้ว เพราะต้องไปเปิดสัญญาดูว่า สัญญาลิขสิทธิ์ถ่ายทอดที่ทำกับสถานีโทรทัศน์ต่างๆ ถ้าเตะขาดเตะไม่ครบตามจำนวน จะยังได้ค่าตอบแทนเท่าเดิมหรือไม่ (เพราะก่อนยูฟ่าประกาศเลื่อนแข่ง เพิ่งเตะแชมเปี้ยนส์ลีกรอบ 16 ทีมสุดท้ายจบ 4 คู่เท่านั้น)

ถ้าจะกลับมาจัดต่อ ก็ต้องแน่ใจว่านักเตะหลายทีมที่ติดเชื้อโควิด-19 หายดีแล้ว และถึงตอนนั้นรัฐบาลแต่ละชาติจะอนุญาตให้จัดกิจกรรมที่มีคนหมู่มากมารวมตัวกันหรือยัง ถ้ายังก็คงต้องเตะแบบไม่มีผู้ชม

ซึ่งหมายถึงการเสียรายได้จากการขายตั๋วชมการแข่งขันไปอย่างแน่นอนแล้ว

 

การเลื่อนเตะยูโรยังมีข้อดีตรงที่ไม่ได้สร้างข้อจำกัดด้านเวลาให้กับสโมสรต่างๆ เพราะไม่ต้องรีบปล่อยนักเตะไปเข้าแคมป์ทีมชาติเพื่อเก็บตัวเตรียมแข่งขัน อย่างน้อยถ้าสามารถดันให้เกมลีกในประเทศแข่งจนจบได้ ถึงจะยืดเยื้อไปบ้าง ก็ยังพอจะปรับคิวแข่งฤดูกาลถัดไปให้ยืดหยุ่นได้ เช่น การยกเลิกทัวร์นาเมนต์บอลถ้วยในประเทศเพื่อลดโปรแกรมแข่ง

ส่วนถ้วยยุโรป 2 ถ้วยที่ยังค้างอยู่ตอนนี้ มีแนวคิดว่าอาจจะรวบจัดรอบรองชนะเลิศและชิงชนะเลิศที่เมืองเจ้าภาพนัดชิงไปเลย เพื่อลดความเสี่ยงในการเดินทาง แต่อาจลดโปรแกรมแข่งจากระบบเหย้า-เยือนในรอบรองชนะเลิศ เหลือเตะนัดเดียวเท่านั้น

หากเลือกทางนี้ก็น่าจะสามารถผลักดันให้ศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก และยูโรป้าลีก เตะจบก่อนวันที่ 30 มิถุนายนได้

ส่วนบอลลีกแต่ละชาติจะจบได้หรือไม่ เป็นเรื่องที่สมาคมหรือสหพันธ์ฟุตบอลแต่ละประเทศจะต้องหาข้อสรุปกันเอง

เพียงแต่ถ้าตัดจบคงมีปัญหาแน่ๆ ที่หนักคือทีมหนีตกชั้น เพราะในทางทฤษฎี หลายทีมยังมีสิทธิเอาตัวรอดได้ ถ้าโดนบีบให้ต้องตกชั้นโดยยึดจากตารางปัจจุบัน ก็แว่วว่าสโมสรกลุ่มเสี่ยงตกรอบเหล่านี้เตรียมดำเนินการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายกับทางลีกไว้แล้ว

ถ้าจำเป็นต้องยืดเวลาออกไปเลยวันที่ 30 มิถุนายน ทั้งยูฟ่าและ “สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า)” ในฐานะองค์กรลูกหนังสูงสุด อาจจะต้องออกมาตรการหรือขอความร่วมมือจากบรรดาสโมสรและเอเย่นต์ฟุตบอลให้ผ่อนผันเรื่องสัญญาค้าแข้งสำหรับนักเตะที่สัญญาจะสิ้นสุดลงกลางปีนี้

เรียกว่าสถานการณ์โรคระบาดรอบนี้ทำ “อ่วม” กันถ้วนหน้าอย่างแท้จริง