เมอร์คิวรี่ : ฝ่ามรสุมเลื่อนศึก “โมโตจีพี” “ดับไฟ” แต่ต้น-ก่อน “ลามทุ่ง”

เริ่มทวีคูณความรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่องสำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือ” “โควิด-19” ซึ่งส่งผลกระทบต่อทุกวงการทั่วทั้งโลก รวมทั้งวงการกีฬา โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับวงการกีฬาไทยที่มีอีเวนต์ใหญ่ระดับโลกถูกเลื่อนการแข่งขันออกไปอย่างไม่มีกำหนดหลายต่อหลายรายการ

อีเวนต์กีฬารายการใหญ่ระดับโลกของไทยอย่างการแข่งขันรถจักรยานยนต์ชิงแชมป์โลก” “โมโตจีพี” สนามที่ 2 ของฤดูกาล รายการ” “โออาร์ ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ 2020” ซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นที่สนามช้างอินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ ช่วงวันที่ 20-22 มีนาคม 2563 เพิ่งถูกสั่งเลื่อนการแข่งขันออกไป เนื่องจากภาครัฐมีความกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาด

ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคปอดอักเสบจากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่หนักขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งประเทศไทยได้มีการประกาศให้เป็นโรคติดต่ออันตรายไปแล้ว ดังนั้น ทางภาครัฐบาลมองว่า การจัดงานขนาดใหญ่อย่างเช่นอีเวนต์กีฬาระดับโลกอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงโดยไม่สมควร

เนื่องจากผู้ชม นักแข่งขัน และทีมงานจำนวนหนึ่งมาจากประเทศกลุ่มเสี่ยง โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศอิตาลี ที่มีนักแข่งขันและบุคลากรทางด้านมอเตอร์สปอร์ตจำนวนมาก จะเดินทางมารวมตัวกันในศึกมอเตอร์สปอร์ตรายการใหญ่ของโลก

ดังนั้น รัฐบาลจึงตัดสินใจเลื่อนการแข่งขันโมโตจีพีออกไปอย่างไม่มีกำหนดจนกว่าสถานการณ์โรคดังกล่าวจะคลี่คลาย

ทั้งนี้ เป็นการสะท้อนให้เห็นความเอาจริงเอาจังของภาครัฐบาล ในการจัดการปัญหาโรคไวรัสโควิด-19 และได้ทำความเข้าใจกับทางเจ้าของลิขสิทธิ์การแข่งขันอย่าง” “ดอร์น่า สปอร์ต” แล้ว รวมทั้งประสานให้ทาง “การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ไปประสานงานกับทางดอร์น่า สปอร์ต เพื่อหากำหนดการแข่งขันใหม่ในข้างหน้าต่อไปนั้น

นับเป็นมรสุมครั้งใหญ่สำหรับการจัดศึกโมโตจีพี “โออาร์ ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ 2020” ที่ประเทศไทยได้รับหน้าให้จัดเป็นปีที่ 3 ติดต่อกันในปีนี้ แต่กลับต้องเผชิญกับปัญหาอุปสรรคต่างๆ นานามากมาย ตั้งแต่ยังไม่ทันได้เริ่มเตรียมการเลยทีเดียว…

 

ก่อนหน้านี้ศึก” “ไทยจีพี” ต้องเจอกับอุปสรรคแรกไปแล้วจากการที่เจ้าของลิขสิทธิ์” “ดอร์น่า สปอร์ต” ได้ประกาศเลื่อนลำดับสนามแข่งขันที่ประเทศไทย จากเดิม 2 ปีแรก ไทยแลนด์ถูกวางไว้เป็นสนามที่ 15 ของฤดูกาล มาเป็นสนามที่ 2 ของฤดูกาลใหม่นี้ ทำให้เจอปัญหาตั้งแต่เริ่มต้น

จากเดิมสนามที่ 15 ของฤดูกาล ซึ่งเป็นสนามช่วงโค้งสุดท้ายของการลุ้นแชมป์ และมีผู้ติดตามชม ทั้งในสนามแข่งขัน และการถ่ายทอดสดจำนวนมาก มาเป็นสนามที่ 2 ซึ่งเป็นช่วงออกสตาร์ตฤดูกาล ทำให้ส่งผลต่อยอดผู้ติดตามชมการแข่งขันที่มีโอกาสจะลดลงจาก 2 ปีแรกอย่างแน่นอน เพราะยังไม่ถือเป็นสนามไฮไลต์

กระทั่งปัญหาต่อมาคือ ช่วงเวลาในการจัดการแข่งขัน จากเดิมที่เป็นช่วงปลายปีมาเป็นช่วงต้นปี ซึ่งตรงกับช่วงที่ประเทศไทยเริ่มเข้าสู่ฤดูร้อน ทำให้ส่งผลต่อเรื่องสภาพอากาศที่จะต้องมีอุณหภูมิสูงขึ้น กระทบต่อยอดผู้ชมในสนามแข่งขัน

แต่ก็ได้มีการวางแผนแก้ไขปัญหาด้วยการจัดเป็น “ไนต์เรซ” ลุยซิ่งแข่งขันในเวลากลางคืน

 

อีกหนึ่งปัญหาที่ตามมาคือ ช่วงระยะเวลาในการเตรียมจัดการแข่งขัน จากการจัดปีก่อนในเดือนตุลาคม 2562 มาจนถึงปีนี้ในเดือนมีนาคม 2563 ซึ่งฝ่ายจัดการแข่งขันมีเวลาเพียงแค่กว่า 5 เดือนในการเตรียมความพร้อมจัดการแข่งขันในปีที่ 3 ทำให้ขั้นตอนในการดำเนินการต่างๆ ต้องกระชั้นชิดกว่าในช่วง 2 ปีแรกที่ผ่านมา

แต่จากประสบการณ์การจัดการแข่งขันโมโตจีพี 2 ปีแรกของประเทศไทย ทำให้การดำเนินการทุกอย่างดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพ และแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้อย่างลงตัว ทว่าล่าสุดยังจะต้องเผชิญกับสถานการณ์โรคระบาดใหญ่ครั้งหนึ่งของโลก ซึ่งไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้เลย เพราะถือว่าเป็นวาระแห่งมวลมนุษยชาติเลยทีเดียว

ทั้งตลอด 2 ปีที่ผ่านมาศึก” “ไทยจีพี” ประสบความสำเร็จอย่างมาก จากการครองแชมป์สนามที่มีผู้ชมสูงที่สุดของฤดูกาล 2 ปีติดต่อกัน พร้อมกับสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับประเทศ รวม 2 ปี มูลค่ากว่า 6,000 ล้านบาท แต่สำหรับปีนี้จากสถานการณ์โรคระบาด และภาวะเศรษฐกิจโลก

แน่นอนว่าจะส่งผลกระทบต่อตัวเลขรายได้ที่จะลดลงอย่างหนีไม่พ้น

 

อย่างไรก็ตาม การที่ภาครัฐตัดสินใจเลื่อนการแข่งขันออกไปคิดว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องแล้วแม้ว่าจะต้องสูญเสียตัวเลขรายได้ทางเศรษฐกิจของประเทศไปมหาศาล แต่ถ้าหากดันทุรังจัดการแข่งขันต่อไปก็อาจจะส่งผลกระทบเป็นโดมิโน่จากจุดเริ่มต้นของสถานการณ์ของโรคระบาดที่จะแพร่กระจายไปทั้งด้านสุขภาพอนามัยของประชาชน ไปจนถึงกระทบต่อเศรษฐกิจ และความเชื่อมั่นในสายตาชาวโลก

กลายเป็น” “ไฟลามทุ่ง” จากการจุดประกายเล็กๆ ขึ้นมา จนส่งผลเสียต่อไปในภาพรวมของประเทศไทย ดังนั้น ภาครัฐต้องเข้าใจสถานการณ์ว่า ไม่ว่าจะเลื่อน หรือไม่เลื่อน ก็โดนวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนีไม่รอดอยู่ดี เพราะทั้งสองตัวเลือกมีทั้งผลดี และผลกระทบ

แต่การตัดสินใจเลื่อนการแข่งขันออกไปถือเป็นการลดผลกระทบหนักๆ ที่อาจจะตามมาในอนาคต ซึ่งไม่สามารถคาดเดาได้เลยจะเป็นอย่างไร และนับเป็นการตัดสินใจที่” “ดับไฟ” ตั้งแต่ต้น ก่อนที่จะ” “ลามทุ่ง” วอดไหม้ไปหมดทุกพื้นที่!

อาจไม่ใช่เรื่องใหญ่เท่าไรนักสำหรับการเลื่อนการแข่งขัน” “โมโตจีพี” สนามที่ 2 ของฤดูกาล รายการ” “โออาร์ ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ 2020” ออกไป ถ้าเทียบกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ “โควิด-19” ซึ่งหนักหนาสาหัสป่วนไปทุกวงการทั่วทั้งโลก และไม่สามารถที่จะประเมินมูลค่าความสูญเสียต่างๆ ได้เลย

ดังนั้น ทุกฝ่ายทุกคนต้องช่วยกัน เพื่อร่วมมือควบคุมการแพร่ระบาดให้ได้เสมือนเป็นการดับไฟตั้งแต่ต้น ก่อนที่ไวรัสอันตรายตัวนี้จะลามทุ่งไปจนถึงขั้นกวาดล้างสิ่งมีชีวิตไปหมดทั้งโลก…